Chapter 62 Yin Ghost Sect army
阴鬼宗大军
ศิษย์หลักตระกูลหว่าน,หว่านผีที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอมหิต“แยกชิ้นส่วนมันให้ข้า!”
เหล่าทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่พุ่งเข้าหาลู่อี้ผิงทันที.
อย่างไรก็ตาม,กลุ่มทหารเหล่านั้นยังไปไม่ถึงลู่อีผิ้งด้วยซ้ำ,ที่ด้านหลังลู่อี้ผิงก็มีใครคนหนึ่งที่พุ่งมาด้วยความเร็ว,ก่อนจะต่อยไปยังฝ่ายตรงกันข้าม,เหล่าทหารตระกูลหว่านที่ลอยกระเด็นออกไปแม้แต่หว่านผีก็ด้วย.
เพียงแค่หมัดเดียวจัดการทุกคนลงในทันที,ซึ่งคนผู้นี้ก็คือบรรพชนชราตระกูลหว่าน,หว่านหรง.
หว่านหรงได้รับคำสั่งจากหว่านอู๋ตี้มา.
เพราะหว่านอู๋ตี้กลัวว่าในเมืองเทียนตู่จะมีใครมากวนใจ หาเรื่องลู่อี้ผิง,ดังนั้นจึงให้อีกฝ่ายตามมาห่าง ๆ คอยจัดการเรื่องราวในที่ลับแก่ลู่อี้ผิง.
บรรพชนชราตระกูลหว่าน,หว่านหรงที่ตามมา,เห็นหว่านผี คนตระกูลหว่านต้องการลงมือกับลู่อี้ผิง,วิญญาณของเขาแทบหลุดลอย,เขาที่ตาลีตาเหลือกพุ่งออกมาจัดการอีกฝ่ายทันที.
เสียงร้องเจ็บปวดทรมานที่ร้องดังระงม.
หว่านผีล่วงหล่นลงกลางฝูงชน,พบว่าชีพจรทั่วร่างของเขา,แม้แต่จุดตานเถียนได้พังทลายลงอย่างคาดไม่ถึง,เขาที่ทั้งโกรธทั้งเศร้า,เต็มไปด้วยจิตสังหาร,ดวงตาแดงซ่านจ้องเขม็งไปยังหว่านหรง“เจ้าเป็นใคร?!”
หว่านหรงที่รับคำสั่งหว่านอู๋ตี้เพียงคนเดียว,หลายปีมานี้มักจะอยู่แต่ในดินแดนบรรพชน,ด้วยสถานะของเขาไม่มีทางที่หว่านผีจะรู้จัก,ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหว่านหรงเป็นใคร.
หว่านหรงเห็นหว่านผีที่ดวงตาแดงซ่านจ้องมองเขาอย่างอาฆาต,เอ่ยถามชื่อตัวเอง,ก็เผยความเย็นชา,ก่อนที่จะตบหน้าอีกฝ่ายไปอีกรอบ“ข้าคือบรรพชนเจ้าไง!”
หว่านผีกระเด็นลอยเข้าไปในฝูงชนอีกครั้ง.
ภายในฝูงชนกลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันที.
ในเวลานั้น,เสียงก้าวเท้าที่ดังกึกก้อง,กองกำลังทหารของตระกูลหว่านได้มาถึงในที่สุด.
ที่นำมานั้นเป็นรองแม่ทัพกองทัพใหม่ของตระกูลหว่าน.
รองแม่ทัพที่เห็นหว่านหรงมาแต่ไกล,รู้สึกคุ้นเคย,ทว่าเมื่อเข้ามาใกล้เห็นชัดเจน,แข้งขาของเขาที่อ่อนยวบลง,พร้อมกับก้าวมาด้านหน้าหว่านหรงเอ่ยด้วยความเคารพ,“บรรพชนชราหว่านหรง! ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?!”
หว่านผีในฝูงชนที่ได้ยิน,รู้สึกราวกับกินแมลงสาปเข้าไปทั้งตัว“บรรพชนชราหว่านหรง?!”ตาเฒ่านั่นเป็นบรรพชนของเขาจริง ๆ รึ?!
หลี่ปิน,หยางกังและผู้คนรอบ ๆ กลายเป็นตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
ชายชราผมเงินที่ลงมือทันทีผู้นี้,แท้จริงก็คือบรรพชนชราหว่านหรงเองรึ?
หว่านหรง,ยอดฝีมืออันดับสองของตระกูลหว่าน.
ตัวตนขอบเขตเทพแท้จริงขั้นสุดท้ายปลาย.
แม้แต่ทั้งพิภพเหิงหยวน,เขาก็มีชื่อเสียง.
บรรพชนชราหว่านหรงไม่ได้สนใจผู้คนรอบ ๆ,เขาก้าวมายังด้านหน้าลู่อี้ผิง,โค้งคำนับ“ขออภัยต่อต้าเหรินด้วย,เรื่องไม่เป็นเรื่องได้รบกวนต้าเหรินแล้ว.”เขาเอ่ยขณะที่หน้าผากหลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา.
เห็นบรรพชนตระกูลหว่านหว่านหรงโค้งคำนับเรียกลู่อี้ผิงว่าต้าเหริน,หว่านผีที่จิตใจว่างเปล่าความคิดล่องลอยไปไกลแล้ว.
หลี่ปิน,หยางกังและคนอื่น ๆ ต่างก็กลายเป็นเซ่อไปเหมือนกัน.
ลู่อี้ผิงที่นั่งอยู่บนวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เดินมาอยู่ด้านหน้าหลี่ปินและหยางกัง,มือของเขาที่ยกขึ้น,แสงสีเขียวที่ส่องสว่าง,หยดน้ำสีเขียวที่ปรากฏที่ปลายนิ้ว,เปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิตที่แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
บรรพชนตระกูลหว่าน,หว่านหรงที่มองหยดน้ำสีเขียวที่อยู่ที่ปลายนิ้วของลู่อี้ผิง,ก็เผยความประหลาดใจออกมา,นั่นคือแก่นพลังแห่งชีวิต,ของเทพยุคโบราณ,พลังแห่งชีวิตอย่างงั้นรึ?
จากปลายนิ้วของลู่อี้ผิง,มันได้หยดลงไปยังจุดตานเถียนของหยางกัง.
ทันใดนั้น,จุดตานเถียนของหยางกัง ที่ถูกศิษย์หลักตระกูลหว่าน,หว่านผีทำลายไปก่อนหน้านี้,ก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา,นอกจากนี้หยางกังยังสัมผัสได้ว่าหลังจากฟื้นคืนกลับมา,มันยังเปี่ยมด้วยพลังและกว้างใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย.
“ขอบคุณคุณชาย!”หยางกังเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง.
ลู่อี้ผิงพยักหน้า.
ส่วนหลี่ปิน,อาการบาดเจ็บไม่ได้หนักหนาอะไรนัก,หลังจากกินยาฟื้นฟู,ก็กลับมาเป็นปรกติแล้ว.
จากนั้นลู่อี้ผิงก็เอ่ยกับบรรพชนชราตระกูลหว่าน,หว่านหรง“ในเมื่อเป็นศิษย์ตระกูลหว่าน,เจ้าก็จัดการลงโทษตามกฎตระกูลหว่านก็แล้วกัน.”
ซึ่งแน่นอนว่าเขาหมายถึงหว่านผี.
เสียงที่บางเบาไม่สนใจ,ทว่าบรรพชนตระกูลหว่าน,หว่านหรงที่หัวใจรัดแน่น,เร่งรีบแสดงความเคารพ,จ้องมองศิษย์หลักตระกูลหว่าน,หว่านผี,ราวกับจ้องมองคนที่ได้ตายไปแล้ว.
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงและหลี่ปินตลอดจนคนอื่น ๆ ก็จากไป.
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขากำลังไปที่ภัตตาคารเมืองเทียนตู.
หลี่ปินที่ตามลู่อี้ผิงมาด้านหลัง,ภายในใจที่พยายามคาดเดาสถานะของลู่อี้ผิง.
ในเมื่อลู่อี้ผิงเป็นคนของหอราชาโอสถ,แม้แต่บรรพชนตระกูลหว่าน,หว่านหรงยังให้ความเคารพอย่างงั้นรึ?
การที่บรรพชนตระกูลหว่าน,หว่านหรง,เคารพเช่นนั้น,คงมีแค่ราชาโอสถของหอราชาโอสถเท่านั้นไม่ใช่รึ?
ในตำนานเอ่ยว่า,ราชาโอสถหอราชาโอสถได้กลืนเทพโอสถฮุ่นตุ้นเข้าไป,ทำให้รูปลักษณ์คงเดิมตลอดกาล,แต่ว่ายังดูหนุ่มแน่นขนาดนี้เลยรึ?.
ขณะที่หลี่ปินคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ,ลู่อี้ผิงก็เอ่ยปากออกมา“เจ้าไม่จำเป็นต้องคาดเดา,ข้าไม่ใช่คนของหอราชาโอสถ.”
หลี่ปินที่ตกใจ,ยกมือขึ้นเกาศีรษะเอ่ยออกมาว่าข้าเองก็ไม่คิดว่าคุณชายจะเป็นท่านราชาโอสถ.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยยิ้ม“ราชาโอสถอะไรนั่น,ถึงมันจะคงสภาพรูปลักษณ์เดิมตลอดกาล,ทว่าก็ไม่อาจหล่อเหล่าเท่าจูเหรินของข้าหรอก.”
หลี่ปินแทบสำลัก,คำพูดดังกล่าวนี้,เขาไม่กล้าแม้แต่คิดจริง ๆ.
ราชาโอสถหอราชาโอสถ,เป็นตัวตนเช่นใดกัน,ไม่ใช่จะสามารถนำมากล่าวล้อเล่นตามใจได้.
เพียงไม่นานก็มาถึงภัตตาคารเมืองเทียนตู,เวลานั้นพวกเขาที่เห็นชายชรามอซอโจวเฉิงที่ขี่ลาตามเข้ามา,ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเตรียมเข้าไปยังภัตตาคาร,พนักงานร้านได้ห้ามทั้งคนทั้งลาไม่ให้เข้าไปด้านใน.
ลู่อี้ผิงที่เห็นเขาก็เผยท่าทางขบขันขึ้นมา.
ท้ายที่สุด,หลี่ปินต้องออกมา,นำทั้งสองเข้ามา.
หลังจากเข้ามาแล้ว,โจวเฉิงที่เอ่ยต่อลู่อี้ผิง,“เจ้าและเจ้าหนูหว่านอู๋ตี้สู้กันอย่างงั้นรึ?”
หลี่ปินได้ยินเช่นนั้น,ก็เผยความตกใจออกมาเช่นกัน,ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั้งเมือง,มีใครบางคนที่สู้กับจ้าวทวีปเทพยุทธ์หว่านอู๋ตี้,แท้จริงแล้วคือคุณชายลู่เองรึ?
โจวเฉิงที่เอ่ยเพิ่ม“นิกายภูตหยินและนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,วังปิศาจทมิฬได้ร่วมมือกัน,พวกเขาเตรียมที่จะล้อมสังหารเจ้า,กองทัพของพวกเขาทั้งสาม,เกรงว่าคงจะมาถึงเร็ว ๆ นี้.”
นิกายภูตหยินที่ได้สืบสวนไปทั้งดินแดนจิวเทียน,โลกศักดิ์สิทธิ์และดินแดนโหยวหมิง,รับรู้ว่าลู่อี้ผิงนั้นไม่ได้มาจากดินแดนจิวเทียน,โลกศักดิ์สิทธิ์และดินแดนโหยวหมิง,ไม่ใช่บุตรศักดิ์จากที่ใหนทั้งนั้น.
ลู่อี้ผิงที่ได้ยิน,ก็ยังคงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย,นิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองคงไม่ได้ต้องการแก้แค้นแทนเห่าตันแต่อย่างใด,พวกเขาโลภในตำราหมัดคุกเทวะปรากฏการสวรรค์และหมัดเทวะแห่งกาลเวลามากกว่า.
พวกเขาที่คิดว่า,อีกฝ่ายได้รับแม้แต่สมบัติล้ำมาจากถ้ำที่พักนักบุญปิศาจและถ้ำที่พักตาเฒ่าแห่งการเวลาอีกด้วย.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ยินก็เผยยิ้ม“หวังว่านิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวังปิศาจทมิฬ พอถึงเวลาจะส่งคนที่มีน้ำยามาบ้าง,ไม่เช่นนั้นคงไม่พอให้เหล่าหนิวผู้นี้ได้อุ่นเครื่อง.”
หลี่ปินได้ยินก็งงงัน,กำลังหมายถึงกองทัพของนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,วังปิศาจทมิฬอย่างงั้นรึ?
โจวเฉิงเอ่ยต่อหลี่ปิน,“กลัวว่าเจ้าจะไม่รู้,คุณชายลู่อี้ผิงนั้นก็คือเซียนกู่ฉิน.”
“คุณชายลู่นะรึ?!”หลี่ปินที่ได้ยินก็เผยความประหลาดใจ.
ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงแค่ว่าลู่อี้ผิงมีแซ่ลู่,ทว่ากับไม่รู้สถานะของอีกฝ่ายเลย.
ลาน้อยที่เหร่ตาไปยังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ“โม้ซะใหญ่โต,บางทีพอถึงเวลากองทัพนิกายภูตหยินมาถึง,คงไม่ขาสั่นขนลุกไปทั่วร่างหรอกนะ.”
หลังจากดื่มสุรา.
ลู่อี้ผิงก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำกลับที่พักตระกูลหว่าน,ส่วนหลี่ปิน,หยางกังได้กลับไปรายงานตัวยังกองทัพตระกูลหว่าน,ส่วนโจวเฉิงนั้นได้ตามลู่อี้ผิงไปด้วย.
หว่านอู๋ตี้ที่รอคอยอยู่ที่ด้านหน้าที่พักจ้าวแห่งทวยเทพ,ทว่าเห็นลู่อี้ผิงนำโจวเฉิงมาด้วย,ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา.
“มีปัญหาอะไร,เจ้าเด็กเหลือขออู๋ตี้,คิดว่าเป็นจ้าวทวีปเทพยุทธ์แล้ว คงไม่คิดว่าตาแก่คนนี้เป็นแค่ขอทานหรอกนะ?”โจวเฉิงเอ่ย.