Chapter 60 Controls Strength of Myriad Gods
掌控万神之力
หว่านอู๋ตี้และคนอื่น ๆ ไม่อาจรับหมัดเทวะเพลิงทองคำของลู่อี้ผิงได้เลย.
หมัดเทวะเพลิงทองคำของลู่อี้ผิงนั้นทรงพลังไร้เทียมทาน,เพียงแค่หมัดเดียวทำให้หว่านอู๋ตี้และบรรพชนชรากระเด็นลอยออกไปหลายร้อยลี้,แทบไม่อาจยั้งเท้าหยุดได้เลยด้วยซ้ำ.
หมัดเทวะเพลิงทองคำที่ทำให้ดินแดนบรรพชนสั่นไปมา,เปล่งรัศมีแสงสีทองที่เจิดจรัสกลืนทุกอย่างไป.
เพลิงทองคำที่ราวกับว่าจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง,ราวกับจะคงอยู่ไปตลอดกาล.
หว่านอู๋ตี้ที่กระเด็นล่วงหล่นลงบนพื้น,เลือดอาบไปทั่วร่าง,จ้องมองลู่อี้ผิง,ด้วยแววตาที่เผยความรู้สึกไม่อยากเชื่ออย่างที่สุด.
เขาที่ร่วมมือกับบรรพชนตระกูลหว่าน 70 คน,และยังมีต้นกำเนิดเขตแดนบรรพชนตระกูลหว่านอีก,คาดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถต้านหมัดของลู่อี้ผิงได้.
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว.
“เจ้าเป็นใคร?!”เขาจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความหวาดกลัว.
ลู่อี้ผิงผู้นี้มาจากดินแดนจิวเทียนจริง ๆ รึ?
ลู่อี้ผิงไม่ได้ตอบ,เขาก้าวออกไปช้า ๆ,มือของเขาข้างหนึ่งยกขึ้น,จ้องมองไปยังต้นกำเนิดบรรพชนตระกูลหว่านที่อยู่ลึกลงไป,ในเวลานั้นมันได้ลอยผุดขึ้นมาจากพื้นอย่างคาดไม่ถึง,ก่อนที่จะมาอยู่ด้านหน้าของลู่อี้ผิง.
หว่านอู๋ตี้และคนตระกูลหว่านมากมายที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถควบคุมต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหว่านได้?!”หว่านอู๋ตี้ประหลาดใจอย่างที่สุด.
ต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหว่าน,ไม่ใช่ว่าจะต้องมีวิชาที่สืบทอดจากบรรพชนเท่านั้นหรอกรึ? ถึงจะควบคุมได้.
นอกจากนี้,จะต้องเป็นคนที่มีสายโลหิตของตระกูลหว่านเท่านั้น,ถึงจะมีพลังในการควบคุมต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหว่าน.
เป็นเรื่องสองอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงลดหลั่นได้เลยสักข้อ.
ลู่อี้ผิง,เป็นคนนอก,เวลานี้กับสามารถควบคุมต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหว่านได้อย่างงั้นรึ!
ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส“เพียงแค่พลังต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหว่านงั้นรึ?”กล่าวจบ,เขาที่ยกมือขึ้น,ก่อนที่จะเห็นเมืองหลวงสั่นไปมา,จิตวิญญาณเทพที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า.
บนท้องฟ้าเมืองเทียนตู,ริ้วแสงสีทองสว่างสดใส,ราวกับเทพเทวาได้ลงมาเยือน,มันแผ่แสงออกไปปกคลุมทั่วทั้งเมือง,กลิ่นอายที่หนักหน่วงรุนแรงที่โถมทับลงมาจนทำให้ทุกคนต้องคุกเข่าลง,แม้แต่ตาเฒ่ามอซอโจวเฉิงที่ขี่ลาอยู่,รวมทั้งหว่านอู่ตี้และเหล่าบรรพชนตระกูลหว่านทุกคน.
หว่านอู๋ตี้,ที่ถูกกดลงพื้น,เหล่าบรรพชนชราทั้งหมด,ที่เผยแววตาตื่นตกใจอย่างหนัก.
ลู่อี้ผิงไม่เพียงควบคุมต้นกำเนิดดินแดนบรรพชนตระกูลหวานได้,คาดไม่ถึงว่าจะสามารถควบคุมเมืองเทียนตู่,ค่ายกลหมื่นทวยเทพได้อย่างคาดไม่ถึง.
เมืองเทียนตู,สร้างขึ้นมาโดยจ้าวแห่งทวยเทพ.
ภายในเมืองนั้นจ้าวแห่งทวยเทพและผู้ใต้บังคับบัญชาได้สร้างค่ายกลหมื่นทวยเทพเอาไว้,ทว่าผ่านมานานแล้ว,เหล่าชนรุ่นหลังไม่เคยมีใครสามารถพลังควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพได้เลย.
ไม่มีใครทำได้ แม้แต่เขาเองที่เป็นจ้าวแห่งทวีปเทพยุทธ์.
เขาได้ศึกษามานานหลายปี,แต่กับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย.
ทว่าลู่อี้ผิงเพียงแค่โบกมือ,กับเปิดใช้ง่ายค่ายกลหมื่นทวยเทพได้!
ทว่าภายในเมืองเทียนตู,ตาเฒ่ามอซอโจวเฉิงที่ถูกอำนาจเทพกดจนต้องคุกเข่าก็เผยความประหลาดใจ“เป็นไปได้ว่าหว่านอู๋ตี้สำเร็จพลังควบคุมเมืองแล้วรึ? นี่เขาสามารถควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพได้แล้วสินะ!”
ภายในเมือง,ตระกูลโหลว,ตระกูลอวิ๋น,ตระกูลเฉิน,ทุกคนต่างก็ตกใจ“รีบไปรายงานท่านประมุข,หว่านอู๋ตี้สามารถควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพเมืองเทียนตูได้แล้ว!”
การที่หว่านอู๋ตี้สามารถควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพของเมืองเทียนตู่ได้,ไม่ใช่แค่ทวีปเทพยุทธ์,เกรงว่าทั้งพิภพเหิงหยวนคงต้องให้ความสำคัญอย่างแน่นอน.
เมืองเทียนตู่,คลื่นพลังเทพที่แผ่ซานกระจายไปทั่ว,ปกคลุมทั่วเมืองเทียนตัว,รวมกันกลายเป็นจิตวิญญาณเทพโบราณที่ทรงพลัง.
จิตวิญญาณเทพโบราณมากมาย,ต่างก็มายังดินแดนบรรพชนตระกูลหว่านทุกคนล้วนแต่แสดงความเคารพต่อลู่อี้ผิง!
ด้านนอกดินแดนบรรพชน,คนอื่น ๆ ไม่อาจมองเห็นลู่อี้ผิง,ทว่าภายในดินแดนบรรพชน,หว่านอู๋ตี้และเหล่าบรรพชนชราต่างก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด,เวลานี้กลายเป็นงงงวยไปเลย.
จิตวิญญาณเทพโบราณจากยุคโบราณ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเคารพและจำนนต่อลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ?!
ทำไมกัน?
เพราะเหตุใด,ลู่อี้ผิงถึงสามารถควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพเมืองเทียนตูได้?
แม้นว่าลู่อี้ผิงสามารถควบคุมค่ายกลหมื่นทวยเทพได้,ทว่าไม่จำเป็นที่จิตวิญญาณเทพโบราณเหล่านี้ต้องคารวะจำนนต่อลู่อี้ผิงเลยไม่ใช่รึ?
เว้นแต่ลู่อี้ผิงเป็นจ้าวแห่งทวยเทพเท่านั้น.
อย่างไรก็ตาม,จ้าวแห่งทวยเทพนั้นได้ล่วงหล่นจากสวรรค์ไปนานแล้ว.
เช่นนั้น,ลู่อี้ผิงคือใคร?
“ท่าน?”หว่านอู๋ตี้ที่เอ่ยเสียงสั่นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง.
ลู่อี้ผิงที่เหวี่ยงมืออกไป,พลังเทพที่กระจายออกไป,จิตวิญญาณเทพโบราณนั้นค่อย ๆ แยกย้ายกันไป,ทุกอย่างค่อย ๆ คืนกลับสู่สภาพเดิม.
แรงกดดันที่ท่วมท้นโถมทับทั่วเมืองหลวง,ได้สลายหายไปในที่สุด.
“บรรพชนตระกูลหว่าน,หว่านเป่ยเป่ยไม่ได้บอกเจ้างั้นรึ? ว่าใครเป็นคนมอบหมัดเทวะเพลิงทองคำให้กับนาง?”ลู่อี้ผิงที่มองหว่านอู๋ตี้คราหนึ่ง,ก่อนที่จะหันหลังยกมือขึ้นขัดหลัง.
“บรรพชนรุ่นแรกของพวกเราอย่างงั้นรึ?!”หว่านอู๋ตี้และเหล่าบรรพชนชราทั้งหมดที่รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางกบาล.
“ท่าน,ท่านเป็นใคร?!”แววตาของหว่านอู๋ตี้เผยความอัศจรรย์ใจ,ไม่อยากเชื่อจดจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง.
เป็นไปได้ว่าลู่อี้ผิงคนนี้...
ลู่อี้ผิงที่ส่งเหรียญตราออกไปให้หว่านอู๋ตี้,แน่นอนว่าไม่ใช่เหรียญเดียวกันที่ให้กับหยางเฉิงนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนก่อนหน้านี้.
หว่านอู๋ตี้ที่รับตราดังกล่าวมา,หลังจากเห็นได้อย่างชัดเจน,มือสองข้างที่สั่นเทิ้ม,เหรียญตราที่ราวกับเทือกเขาต้นกำเนิดที่หนักอย่างที่สุดกดทับจิตใจของเขา,เหล่าบรรพชนคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นเหรียญตา,และตกใจแขนขาสั่นเช่นเดียวกัน.
“ลูกหลานตระกูลหว่านอู๋ตี้,คารวะกั้วตาเหริน(ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด)”หว่านอู่ตี้ที่คุกเข่าหน้าซีด,คำนับลงเสียงดัง,ตื่นเต้นหวาดหวั่นและสั่นกลัว.
เหล่าบรรพชนชราตระกูลหว่านทั้งหมดไม่กล้ารีรอ,คุกเข่าลงกันทั้งหมดแทบไม่กล้าหายใจแรง.
หว่านอู๋ตี้ที่คุกเข่า,ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเป็นเวลานานเหมือนกัน,เหงื่อที่ไหลชโลมหน้าผาก,เอ่ยเสียงสั่น“หว่านอู๋ตี้ไม่รู้ว่ากั้วต้าเหรินออกจากสันโดษ,ดวงตาฝ้าฟาง,ล่วงเกินใต้เท้า,ความผิดนี้สมควรตายหมื่นครั้ง.”
ผ่านไปนานเหมือนกัน,หว่านอู๋ตี้คิดว่าตัวเองต้องตายซะแล้ว,ลู่อี้ผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ลุกขึ้น.”
หว่านอู๋ตี้ที่ตกใจ,ยืนขึ้นทว่าขาก็ยังสั่นไม่หาย.
อย่างไรก็ตามเหล่าบรรพชนชราตระกูลหว่าน,แต่ละคนไม่กล้าลุกขึ้นแม้แต่คนเดียว.
“หว่านเป่ยเป่ย,ออกจากพิภพเหิงหยวนแล้วรึ?”ลู่อีผิ้งเอ่ยสอบถาม.
หว่านอู๋ตี้ไม่คาดคิดว่าลู่อี้ผิงจะเอ่ยถามออกมาทันที,ร่างกายที่แข็งตรึง,ก่อนเร่งรีบตอบ“บรรพชนรุ่นแรกได้จากไปกว่าสามแสนปีก่อนแล้ว.”
ลู่อีผิ้งที่สอบถามเรื่องหว่านเป่ยเป่ยและทวีปเทพยุทธ์,รวมทั้งเหตุการณ์ของพิภพเหิงหยวน.
ทว่าด้านนอก,ประมุขตระกูลหว่าน,หว่านเฉิง,ประมุขน้อยหว่านหงและคนอื่น ๆ ไม่รู้สถานะการณ์ด้านใน,เวลานี้กำลังร้อนรนกระอักกระอวน.
“ไม่รู้ว่าดินแดนบรรพชนด้านในเป็นอย่างไร!”ประมุขตระกูลหว่าน,หว่านเฉิงที่ขมวดคิ้วไปมา,เต็มไปด้วยความกังวล.
“ท่านพ่อควรวางใจ,ด้วยความแข็งแกร่งของท่านปู่และต้นกำเนิดดินแดนบรรพชน,ถึงจะเป็นสำนักไท่อี้,เจียงยวี,ก็ทำได้แค่ต้องถอย!”ประมุขน้อยตระกูลหว่าน,หวานหงเอ่ย,“ถึงลู่อี้ผิงจะแข็งแกร่ง,ทว่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านปู่แน่นอน!”
ประมุขตระกูลหว่าน,หว่านเฉิงที่นึกถึงลมหายใจวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ระเบิดหมัดเทวะเพลิงทองคำก่อนหน้านี้,ก็ได้แต่ส่ายหน้า,ไม่เอ่ยอะไรออกมา.
ในเวลานั้น,ภายในดินแดนบรรพชน,เสียงของหว่านอู๋ตี้ดังขึ้น“เรื่องในวันนี้,ตระกูลหว่านทุกคนห้ามเผยอะไรออกไปด้านนอกเด็ดขาด,ใครกล้าเอ่ยคำพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว,ข้าจะลงโทษมันด้วยตัวข้าเอง!”เสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง,เจือไปด้วยจิตสังหาร.
ทุกคนที่รู้สึกเย็นยะเยือบ,เร่งรีบแสดงความเคารพต่อเสียงดังกล่าว.
“หว่านเฉิง,หว่านหง,พวกเจ้าเข้ามา.”หว่านอู๋ตี้เอ่ย.
ประมุขตระกูลหว่านที่เต็มไปด้วยความสงสัย,ทั้งสองที่เข้าไปในดินแดนบรรพชนตระกูลหว่านพร้อมกัน.
หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในดินแดนบรรพชน,ก็เห็นลู่อี้ผิงแต่ไกล! เห็นหว่านอู๋ตี้,เห็นเหล่าบรรพชนชราของตระกูลหว่าน.
ขณะที่ทั้งสองเห็นเหล่าบรรพชนชราคนอื่น ๆ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น,แววตาที่เบิกกว้างกลมโต,นี่หมายความว่าอย่างไร?