Chapter 6 Everything may become vulnerable
地动山摇
ภายใต้สายตาจ้องมองของทุกคน,เซียวฉางเฟิงที่พยายามอย่างหนักแต่กับไร้ผล,ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้.
กระบี่เพลิงชาติที่คืนกลับตำแหน่งเดิม.
เซียวฉางเฟิงเอ่ยอย่างอหังการ,“ดูเหมือนว่าข้าในเวลานี้,ยังไม่อาจดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้.”
“มีเพียงยอดฝีมือไร้เทียมทานเท่านั้น,ที่จะสามารถดึงกระบี่เพลิงชาติและคู่ควรกับกระบี่เพลิงชาติของอาวุโสเทพกระบี่หยางตง!”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเผยยิ้มเอ่ยออกมา“ก่อนหน้านี้นายน้อยเซียวฉางเพลิงดึงออกมาได้เพียงแค่หนึ่งนิ้ว,เวลานี้ดึงออกมาได้สองชุ่น,อีกไม่กี่ปี,จะต้องดึงออกมาได้อย่างแน่นอน.”
“หากนายน้อยเซียวฉางเฟิงที่มีกายาเทวะต้าเฉียน,ไม่อาจดึงกระบี่นี้ออกมาได้แล้ว,ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ก็ไม่มีทางที่จะดึงกระบี่ออกมาได้.”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เอ่ยกล่าวยกยออีกฝ่ายไม่หยุด.
หลายคำพูดที่ที่เป็นการชื่นชมอย่างหน้ามืดตามัวทั้งที่อีกฝ่ายดึงกระบี่ไม่สำเร็จ.
เซียวฉางเฟิงเผยยิ้ม,กล่าวอย่างถ่อมตน,พร้อมกับยกมือผสานไปด้านหน้า,“รบกวนทุกท่านแล้ว.”
เมื่อลู่ฉางเฟิงก้าวออกไปแล้ว,ลู่อี้ผิงก็ก้าวเดินตรงไปยังกระบี่เพลิงชาติ,ก่อนที่จะวางมือไปที่ด้ามกระบี่.
เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือยังคงตระหนักรู้กระบวนท่าบนกำแพงกระบี่จ้องมองเซียวฉางเฟิงที่จากไป,ก่อนมีชายหนุ่มในชุดสีนำเงินก้าวเข้ามา,ก็ตกใจ.
“เจ้าหนุ่มนั่นต้องการทำอะไร? ไม่ใช่ว่า เขาต้องการเลียนแบบนายน้อยเซียวฉางเฟิงหรอกนะ,นี่คิดจะดึงกระบี่เพลิงชาติอย่างงั้นรึ?”เหล่าผู้ฝึกตนรอบ ๆ ต่างก็เผยยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ.
เหล่าผู้ฝึกตนที่เลียแข้งเลียขาเซียวฉางเฟิงก่อนหน้านี้เผยยิ้ม“เจ้านี่มาจากตระกูลใหนกัน? คิดว่าตัวเองจะบังเอิญดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้รึไง.”
“โง่หรือไม่รู้กัน,ข้ากลัวว่าเขาจะถูกปราณกระบี่เพลิงชาติซัดเขาลอยกระเด็นลอยออกไปหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้แน่ ๆ!”
ผู้คนต่างก็พูดจาค่อนขอดหัวเราะอย่างสนุก.
เซียวฉางเฟิงที่ก้าวเดินออกมา,ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยดังอื้ออึง,จึงหันหน้ากลับไปมอ งเห็นมีใครบางคนต้องการเลียนแบบตนดึงกระบี่เพลิงชาติ,จึงได้แต่ส่ายหน้าเผยยิ้มออกมา.
ลู่เผิงเห็นลู่อี้ผิงต้องการดึงกระบี่เพลิงชาติ,ก็เผยท่าทางประหลาดใจออกมา.
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่คว้าด้ามกระบี่เพลิงชาติและดึงออกมาทันที.
กระบี่เพลิงชาติที่ถูกดึงออกมา! แบบไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย!
ขณะกระบี่เพลิงชาติถูกลู่อี้ผิงดึงออกมาจนหมด,เปลวเพลิงที่น่าพรั่นพรึงก็ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที,แสงสีแดงชาติที่สาดกระจายกวาดม้วนปกคลุมไปทั่วนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนทันที.
ทั่วทั้งเทือกเขานิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนเวลานี้ริ้วแสงสีแดงที่ปกคลุมไปจนหมด.
ผืนปฐพีที่สั่นไปมาในทันที,ราวกับว่ากำลังจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่.
ปราณกระบี่ที่น่าอัศจรรย์แผ่ออกจากระบี่,ปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี.
ปราณกระบี่สีแดงชาติที่แผ่ออกไป,แรงกดดันที่มากล้นโดยมีลู่อี้ผิงเป็นจุดศูนย์กลางทำให้เหล่าผู้ฝึกตนรอบ ๆ ลอยกระเด็นออกไป,พื้นที่รอบ ๆ แทบกลายเป็นพื้นที่ราบเรียบว่างเปล่าในทันที.
ยกเว้นลู่เผิง,เซียวฉางเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ลอยกระเด็นด้วยปราณกระบี่เพลิงชาติ,หลายคนที่นอนกองไปบนพื้นซ้อนทับกันหมดสภาพพื้นที่รอบ ๆ เต็มไปด้วยความโกลาหล.
ขณะที่ลู่อี้ผิงดึงกระบี่เพลิงชาติออกมานั้น,ที่ห้องโถงทดสอบ,กงจู่ไท่เหยี่ยน,เจิ้งเยว่และคนอื่น ๆ ต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของปราณกระบี่ที่รุนแรง,แสงกระบี่สีแดงชาติที่ปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้.
“เกิดอะไรขึ้น?”กงจู่ไท่เหยียนที่ตกใจ.
เพียงเวลาไม่นาน,เหล่าศิษย์ฝ่ายในนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนต่างก็ร้อนรนเร่งรีบ,เข้าไปรายงานอาวุโสด้วยความตื่นเต้น“เรียนอาวุโส,กระบี่เพลิงชาติของบรรพชนกระบี่หยางตงมีใครบางคนดึงออกมาได้แล้ว!”
อะไรนะ!
กระบี่เพลิงชาติ! มีคนดึงออกมาได้แล้ว!
กงจู่ไท่เหยี่ยนและเจิ้งเยว่และเหล่าอาวุโสมากมายในตำหนัก ต่างก็ตื่นตะลึง.
“เร็วเข้า,ไปยังหน้าผากระบี่!”เหล่าอาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่ตื่นเต้นเร่งรีบไปยังผนังกระบี่ทันที.
เจิ้งเยว่เอ่ย,“ไม่รู้ว่าเป็นอัจฉริยะวิถีกระบี่ผู้ใด,คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้!”
กงจู่ไท่เหยี่ยนเอ่ย,“เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปบ้าง,เผื่อว่าจะสามารถผูกไมตรีจิตกับตัวตนเช่นนั้นได้!”
ราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้,และเหล่ายอดฝีมือตระกูลเจิ้งที่เร่งรีบไปยังผนังกระบี่เช่นกัน.
ในแดนบรรพชนนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน,เจ้านิกายซ่งหนิงที่เข้าไปในดินแดนบรรพชน,เพื่อรายงาน หยางเฉิง,เฉิงหงตลอดจนเหล่าบรรพชนชรา เกี่ยวกับเรื่องการท้าประลองของมารกระบี่ตะวันตก,ทันใดนั้นสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่หนักหน่วงรุนแรงกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ในเวลานี้ผืนปฐพีที่สั่นไปมาอย่างรุนแรง.
ซงหนิงที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,“เป็นไปได้ว่ามารกระบี่มาถึงแล้วอย่างงั้นรึ?!”
ในอดีต,มารกระบี่ตะวันตกพ่ายแพ้ต่อบรรพชนชราหยางตง,ได้หนีรอดไปได้,ไม่คิดเลยว่าหลายปีผ่านมา,มารกระบี่ตะวันตกกลับมาอีกครั้ง,ในตอนเช้าวันก่อน,เจ้านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนได้รับจดหมายท้าประลอง เอ่ยระบุว่ามารกระบี่ตะวันตกจะมา.
เพราะว่าในพื้นที่แดนบรรพชนไม่อาจมองเห็นริ้วแสงปราณกระบี่สีแดงชาติได้,ทำให้ซ่งหนิงคิดว่ามารกระบี่มาถึงแล้วนั่นเอง.
หยางเฉิงสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่ฟุ้งกระจายทั่วสวรรค์และปฐพี,ดวงตาเบิกกว้าง,“ไม่! นี่ไม่ใช่ปราณกระบี่ของมารกระบี่!”
“ตามข้ามาออกไปดู.”
ในเวลานั้น,เฉินหง,ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ออกจากดินแดนบรรรพชน.
หลังจากออกมาจากดินแดนบรรพชน พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองแสงสีแดงชาติที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า.
“นี่มัน?!”
“แสงกระบี่เพลิงชาติ!”
“เป็นไปได้ว่า?!”
เฉินหง,ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ ที่ตื่นตะลึงตาค้าง.
หยางเฉิงที่ตื่นตะลึงยิ่งกว่าใคร,เพราะว่าที่ตำหนักบรรพชนนั้นปรากฏริ้วแสงสีแดงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของหน้าผากระบี่.
เฉิงหง,ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ ย่อมจำได้,ว่าริ้วแสงกระบี่สีชาติ ที่พุ่งออกจากตำหนักบรรพชนนี้คืออะไร.
นี่คือฝักกระบี่เพลิงชาติที่อยู่ในตำหนักบรรพชน,ผ่านมานานหลายปีแทบไม่มีความเคลื่อนไหว,ตอนนี้กับออกจากตำหนักบรรพชนแล้ว!
แม้แต่หยางเฉิง,เวลานี้ยังยากจะปกปิดความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ได้,“มีบางคนดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาแล้ว!”กระบี่ของบิดาของข้า,ท้ายที่สุดก็มีคนดึงออกมาได้.
“อาจารย์,พวกเราขอไปดูว่าใครกันที่ดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้!”เฉินหงที่ตื่นเต้นดีใจ.
หยางเฉิงพยักหน้ารับ,“ดี,นำเขากลับมายังดินแดนบรรพชนพบข้า,ข้าจะสอนวิถีกระบี่ให้เขาด้วยตั้วเอง.”
เฉินหง,ซ่งหนิงและคนอื่นๆ ที่โค้งคารวะ,จากนั้นก็กลายเป็นริ้วแสงพุ่งไปยังพื้นที่หน้าผากระบี่.
เวลานี้ที่พื้นที่หน้าผากระบี่,กลุ่มก้อนเปลวเพลิงสีแดงชาติที่ออกมาจากตำหนักบรรพชน,มันกลายเป็นริ้วแสงบินมาหยุดอยู่ที่หน้าของลู่อี้ผิง.
ฝักกระบี่ที่เวลานี้ที่ลอยกับเข้ามาเสียบเข้ากับใบกระบี่.
ปราณกระบี่ที่ลอยฟุ้งไปทั่ว,เวลานี้ค่อย ๆ ถูกดึงกลับและสลายหายไปช้า ๆ
เซียวฉางเฟิงและเหล่าคนอื่น ๆ ที่ถูกปราณกระบี่เป่าลอยกระเด็นค่อย ๆ ลึกขึ้นยืน.
กล่าวได้ว่าพวกเขาเวลานี้อยู่ในสภาพยับเยิน,ทุกคนจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง,ด้วยใบหน้าเหลือเชื่อออกมา.
พวกเขาสามารถมองเห็นได้,ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินไม่มีเจิ้นหยวนไม่มีพลังภายใน.
กระบี่เพลิงชาติ,คาดไม่ถึงว่า คนที่ไม่มีเจิ้นหยวนไม่มีพลังภายใน,จะสามารถดึงกระบี่ออกมาได้.
เซียวฉางเฟิงจ้องมองลู่อี้ผิง,ขมวดคิ้วไปมา,เขาไม่เข้าใจเลยว่าลู่อี้ผิงดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้อย่างไร.
ทว่าเหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ ที่จ้องมองกระบี่เพลิงชาติด้านหน้า,ดวงตาชงักค้าง,นี่คือกระบี่ของเทพกระบี่หยางตงอย่างแน่นอน,ไม่ใช่ของปลอมแต่อย่างใด.
ทว่า,ต่อหน้าสายตาสาธารณะชน,นอกจากนี้ยังอยู่ในพื้นที่นิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน,จึงไม่มีใครคิดที่จะพุ่งเข้าไปแย่งชิง.
กระนั้นในเวลาเดียวกัน,ในกลุ่มฝูงชนกับมีใครบางคนที่ยื่นมือพุ่งไปยังกระบี่เพลิงชาติที่ลู่อี้ผิงถืออยู่.
ท้ายที่สุดก็มีคนที่อดรนทนไม่ไหวลงมือแล้ว.