Chapter 57 Is this youngster Medicine King Hall
这少年到底是不是药王殿的
ลู่อี้ผิงที่เก็บราชรถ,ขี่เพียงวัวกระทิงเขามังกร,วัวตนนี้ค่อนข้างอ้วนจริง ๆ,ทว่าชายชรามอซอโจวเฉิงที่ขี่ลาตัวเล็ก,ลาตนนี้กับผอมเป็นอย่างมาก.
เวลานี้กำลังเดินบนเนินถนนเคียงคู่กันไป.
ส่วนจางจิน,เจ้าเหวินเองก็ขี่อาชาอสนีตามหลังมา.
โจวเฉิงจ้องมองวัวกระทิงเขามังกรที่ขาใหญ่ดูแข็งแกร่งหนาด้วยกล้ามเนื้อไม่ธรรมดา,เอ่ยด้วยรอยยิ้มต่อลู่อี้ผิง“วัวของเจ้า,กินเนื้อย่างบ่อยรึ? ไม่แปลกใจเลยว่าถึงได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ขนาดนี้.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ปู่คนนี้อ้วนท้วนมาตั้งแต่เกิด.”มันยกขาเผยให้เห็นขาใหญ่ ๆ ของมัน“มีปัญหาอะไร,อิจฉารึ?”
ลาตัวน้อยที่มองอย่างไม่พอใจ ไปยังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,กล่าวเย้ย“ดูดีแต่ไร้ประโยชน์,ใครอิจฉากัน.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำหัวเราะเสียงสูง“เจ้าผอมแห้งเนื้อติดกระดูกแล้วใช้ประโยชน์อันใดได้?”
ในเวลานั้น,ลาตนดังกล่าวที่จ้องมองเขม็ง.
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม,ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด.
ลาตัวหนึ่งและวัวกระทิงมังกรที่โต้เถียงกันไปมา,ไม่มีใครยอมใคร.
โจวเฉิงที่เห็นอสูรทั้งสองโต้เถียงกัน,ก็เผยยิ้มให้กับลู่อี้ผิง“คุณชายลู่,วัวของท่าน,ช่างน่าสนใจจริง ๆ.”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม.
พวกเขาที่เดินทางกันต่อ.
เพียงไม่นานก็ผ่านเทือกเขาที่แห้งแล้ง.
อย่างไรก็ตาม,หลังจากผ่านเนินเขาที่แห้งมาแล้ว,ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้น.
ลู่อี้ผิงเผยท่าทางประหลาดใจ,พบว่าเป็นหลี่ปินและหยางกังที่พบกันที่วิหารร้างเมื่อืน,ทั้งสองถูกยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งในชุดสีแดงล้อมสังหารอยู่.
ยอดฝีมือกลุ่มนี้สวมชุดสีแดง,ชุดคลุมสีแดงที่ดูโอ่อ่าเป็นอย่างมาก.
“สำนักเจี่ยเล่อ.”โจวเฉิงที่เห็นคนชุดแดง,ก็เบ้ปากให้“เจ้าคนกลุ่มนี้,ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิง.”
สำนักเจี่ยเล่อ,ในทวีปเทพยุทธ์นับว่ามีชื่อเสียงไม่ได้น้อยกว่าสำนักเฟยฮัวเลย,ทว่าไม่ใช่ชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่งเฉกเช่นสำนักเฟยฮัว,กล่าวกันว่าเหล่าศิษย์ของสำนักเจี่ยเล่อนั้นจะฝึกฝนวิชาลับที่มีชื่อว่า เจี่ยเล่อเปา(สุดยอดเสาแห่งความสุข) หลังจากบำเพ็ญด้วยวิชาดังกล่าวพวกเขาจะกลายเป็นเพศสภาพ ไม่ใช่ทั้งชายและหญิง.
แม้นว่าหลี่ปินและลูกศิษย์จะไม่ได้อ่อนแอ,ทว่าด้วยการถูกรุมด้วยยอดฝีมือหลายสิบคน,ก็ไม่อาจที่จะรับมือได้ง่ายนัก,แม้แต่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก.
ทั้งสองที่ได้รับบาดแผลหนักหลายแห่ง.
โดยเฉพาะชายหนุ่มหยางกัง,หน้าอกที่เป็นแผลลึกจนเห็นกระดูก ได้รับบาดเจ็บหนัก.
หลี่ปินที่ถูกคนของสำนักเจี่ยเล่อล้อมจัดการ,เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ปรากฏมาแต่ไกล,เป็นลู่อี้ผิง,เขาที่มองเห็นความหวังตะโกนดัง“คุณชายลู่!”
“ขอร้องคุณชายลู่ได้โปรดช่วยศิษย์ข้าด้วย!”
ลู่อี้ผิงที่มองไปยังจางจิน.
จางจินที่ลงมือทันที,ทว่าเขาไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง,เป็นอาชาอสนีของเขาที่พ่นลมหายใจออกมา,สายฟ้าเทพที่แล่นกระจายออกไป,ทันใดนั้นเหล่าคนของสำนักเจี่ยเล่อที่ล้อมกรอบหลี่ปิงก็กระเด็นถูกซัดไปคนละทิศทาง.
หลี่ปินกลายเป็นงงงวยไปเลย.
เห็นชัดเจนว่าเขาไม่คิดว่าสัตว์ขี่ของผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่อี้ผิงจะแข็งแกร่งปานนั้น.
ต้องรู้ด้วยว่า,ยอดฝีมือสำนักเจี่ยเล่อก่อนหน้านี้,มียอดฝีมือจักรพรรดิโบราณถึงสองคน.
นอกจากนี้พวกเขายังเป็นจักรพรรดิโบราณขั้นที่เจ็ดอีกด้วย.
หลังจากที่งงงวยไปชั่วครู่,หลี่ปินก็เร่งรีบนำศิษย์หยางกังบินไปหากลุ่มลู่อี้ผิง.
เมื่อมาถึงด้านหน้าลู่อี้ผิง,หลี่ปินและศิษย์หยางกัง ยกมือผสานแสดงความขอบคุณ“ขอบคุณคุณชายลู่ที่ช่วยเหลือ.”
ลู่อี้ผิงที่พยักหน้ารับ,ชี้นิ้วออกไป,เข็มสังสารวัฏเก้าวัฏจักรที่ได้ลอยออกไป,ปักลงบนอกของหยางกัง,แสงสีแดงที่ส่องสว่างเจิดจ้า สร้างความอบอุ่นไหลไปทั่วร่างอีกฝ่าย,อาการบาดเจ็บที่คืนกลับมาอย่างรวดเร็ว,แม้แต่หน้าอกที่ได้รับบาดแผลยังหายไปจนไร้ร่องรอย.
แม้นว่าจะเป็นวิธีที่น่าอัศจรรย์ใจ,แต่ด้วยความแข็งแกร่งของลู่อี้ผิงก็มีหลากหลายวิธีในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้อีกฝ่าย,ทว่า,เขาได้ใช้เข็มสังสารวัฏเก้าวัฏจักรซึ่งเป็นวิธีในยุคโบราณ.
เป็นการรักษาที่ดูธรรมดาที่สุด.
“เข็มเก้าหยางคืนชีพ!”หลี่ปินที่เผยความประหลาดใจ“นี่คุณชายลู่เป็นคนของหอราชาสมุนไพรอย่างงั้นรึ?”
โจวเฉิงเองก็เผยความประหลาดใจออกมา.
กับการใช้ทักษะเข็มเหินของลู่อี้ผิง,พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าเป็นทักษะเข็มเก้าหยางคืนชีพของหอราชาสมุนไพร.
จึงสงสัยเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคือคนของหอราชาสมุนไพร?
เหล่ายอดฝีมือของสำนักเจี่ยเล่อที่ถูกสายฟ้าของอาชาอสนีลอยกระเด็น,ต่างก็โกรธเกรี้ยว,ทว่าเห็นทักษะเข็มเก้าหยางคืนชีพ,ก็เปลี่ยนเป็นหวาดผวา.
หอราชาสมุนไพร,มีทักษะอันยอดเยี่ยมในการรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ,กล่าวได้ว่าในพิภพเหิงหยวนแห่งนี้,พวกเขามีชื่อเสียงที่สูงล้ำ,รองลงมาจากสำนักไท่อี้เท่านั้น.
แม้แต่หอเทพยุทธ์,ยังด้อยกว่าหอราชาสมุนไพรอยู่เล็กน้อย.
เห็นหลี่ปินและคนอื่น ๆ เข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนของหอราชาสมุนไพร,ลู่อี้ผิงเองก็คร้านจะอธิบาย,เมื่ออาการบาดเจ็บของหยางกังฟื้นกลับมาแล้ว,เขาก็ดึงเข็มสังสารวัฏกลับคืน.
“เป็นอย่างไรบ้าง?”ลู่อี้ผิงเอ่ยสอบถามชายหนุ่มหยางกัง.
เกี่ยวกับนิสัยของชายหนุ่มหยางกัง,ลู่อี้ผิงรู้สึกประทับใจอยู่เหมือนกัน.
หยางกังที่โคจรเจิ้นหยวน,เคลื่อนพลังอย่างราบรื่น,ก็เผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“ทักษะการแพทย์ของคุณชายลู่ช่างสูงล้ำ,ข้าหายดีแล้ว.”
ในเวลานั้นหัวหน้าสำนักเจี่ยเล่อขอบเขตจักรพรรดิโบราณที่อดทนต่ออาการบาดเจ็บก้าวมาด้านหน้า,ยกมือผสานเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“ใคร่ขอถามคุณชาย,เป็นคนของหอราชาสมุนไพรอย่างงั้นรึ?”จากนั้นเขาก็หยุดดูลังเลก่อนเอ่ยเพิ่ม“คนทั้งสอง,บรรพชนจี่ ของพวกเราสั่งให้จับกุมตัวพวกเขาไป.”
บรรพชนจี่,เป็นหนึ่งในสองบรรพชนสำนักเจี่ยเล่อที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั่นเอง.
ลู่อี้ผิงจ้องมองฝ่ายตรงข้ามเอ่ยออกมาเล็กน้อย“แล้วอย่างไร?”
ผู้นำขอบเขตจักรพรรดิโบราณสำนักเจี่ยเล่อ,ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก.
“พวกเราไป.”ลู่อี้ผิงที่สั่งวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
สำนักเจี่ยเล่อไม่มีใครกล้าขวาง,แววตาจับจ้องมองลู่อี้ผิงนำหลี่ปินและหยางกังจากไป.
“อาวุโส,บรรพชนสั่งจับพวกเขาให้ได้,พวกเรากลับไปมือเปล่าเกรงว่าบรรพชนจี่คงโกรธเกรี้ยวอย่างหนักแน่”ยอดฝีมือคนหนึ่งที่นึกถึงอารมณ์ของบรรพชนจี่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที.
ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิโบราณที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์เอ่ยออกมาว่า“คนของหอราชาสมุนไพรเข้ามายุ่งเกี่ยว,บรรพชนย่อมเข้าใจ,ไม่ควรลงโทษพวกเรา”เวลานี้เขาที่เผยใบหน้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย “ว่าแต่คนของหอราชาสมุนไพรที่สามารถใช้เข็มเก้าหยางคืนชีพได้,ที่ยังเยาว์อยู่นั้น จะมีสักกี่คนกัน?”
กล่าวจบ,เขาก็เอ่ยสั่งการต่อคนของเขา “ไปตรวจสอบ,ว่าเขาเป็นคนใคร ของหอราชาสมุนไพร?”
หลังจากมา,หลี่ปินที่ตามลู่อี้ผิงด้านหลัง,ใบหน้ารู้สึกอักอ่วนอับอาย,เอ่ยต่อลู่อี้ผิง“คุณชายลู่,เรื่องเมื่อคืนนี้,พวกเรา...”
“เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิเจ้า.”ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา.
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อไม่มีหยุด.
มีพักบ้างเป็นครั้งคราว.
วันที่สาม.
ก็มองเห็นเมืองเทียนตูแต่ไกล.
เมืองเทียนตู,ตั้งอยู่บนเทือกเขารีเยว่ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปเทพยุทธ์,ควรคู่เป็นเมืองอันดับหนึ่งของทวีปเทพยุทธ์ก็ว่าได้.
ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ที่บินขึ้นบนท้องฟ้าขึ้นสู่ยอดเขา,จ้องมองไปยังเมืองหลวง,เห็นยอดเขารีเยว่,มีเมืองที่งดงามตั้งอยู่,สัมผัสได้ถึงความโอ่อ่ายิ่งใหญ่.
บนท้องฟ้านั้น,มีเรือเหาะบินกันไปมา,ราชรถนับไม่ถ้วนที่มุ่งตรงสู่เมืองเทียนตู่.
กลุ่มของลู่อี้ผิงที่มุ่งสู่ประตูเมือง.
กล่าวได้ว่ายิ่งเขาใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองเทียนตู,รอบ ๆ กำแพงเมืองนั้น,มีกองกำลังทหารตระกูลหว่าน คอยตรวจตราอย่างเคร่งครัด.
ลู่อี้ผิงที่ขี่วัวกระทิงมังกรนำทุกคนเข้าไปในเมือง.