Chapter 53 Flying Flower Great Array
飞花大阵
ลู่อี้ผิงที่พยักหน้าให้กับจักรพรรดินิจียวีที่เข้ามาทักทาย.
คนอื่น ๆ ที่เผยความประหลาดใจอย่างที่สุด.
จักรพรรดินิจียวีที่ก้าวออกไปทักทายด้วยตัวเอง,ผู้เยาว์คนนี้,เพียงแค่พยักหน้ารับอย่างงั้นรึ?
เหล่าคนของสำนักเฟยฮัวต่างพยายามคาดเดาสถานะของลู่อี้ผิง,จักรพรรดินิจียวีที่หันหน้ากลับมาเอ่ยกับเจ้าสำนักเฟยฮัวจีหลิน,“น้องสาว,นี่คือคุณชายลู่อี้ผิง!”
“ลู่อี้ผิง!”เหล่ายอดฝีมือสำนักเฟยฮัวที่ตื่นตกใจ.
ไม่ใช่แค่นั้น.
แม้แต่โหลวถงและคนของนางยังตื่นตกใจไปด้วยเช่นกัน.
โดยเฉพาะหัวหน้าองค์รักษ์ถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสี.
ทั่วทั้งทวีปเวลานี้ไม่มีใคร ไม่รู้จักลู่อี้ผิง,ชื่อนี้ที่ราวกับสายฟ้าฟาดที่ก้องกังวานในหูของเขา.
เจ้าสำนักจีหลินที่ใบหน้ากระตุก,ก่อนที่จะค่อย ๆ เผยยิ้มเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“แท้จริงแล้วเป็นคุณชายลู่อี้ผิงนี่เอง,ไม่รู้ว่าลู่อี้ผิงมาเยือนสำนักเฟยฮัวของข้าด้วยเรื่องอันใด?”
เห็นจากท่าทางของลู่อี้ผิงแล้ว,เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก.
เสียงตะโกนก่อนหน้านี้ ทำให้กองกำลังขนาดใหญ่ของทั้งสำนัก,เวลานี้เข้ามาล้อมกรอบพวกลี่อี้ผิงทันที.
“มีปัญหาอะไร?”ลู่อีผิ้งจ้องมองไปยังเจ้าสำนักเฟยฮัวคราหนึ่ง,ก่อนที่จะยกนิ้วขึ้น,ชี้ไปยังบรรพชนชราซุนฟางดึงร่างที่ลอยกระเด็นไปก่อนหน้านี้,ลอยกลับมาอยู่ที่ด้านหน้าของลู่อี้ผิง.
เจ้าสำนักเฟยฮัวจีหลินที่เห็นเข้าเอ่ยเสียงเคร่งขรึม“คุณชายลู่,บรรพชนชราซุนฟางไม่รู้สถานะของท่านก่อนหน้านี้,จึงเสียมารยาทไป,ขอให้คุณชายลู่,อย่าได้ถือสา.”
ลู่อี้ผิงไม่สนใจเจ้าสำนักจีหลิน,สายตาที่จดจ้องมองไปยังบรรพชนชราซุนฟาง,ที่เวลานี้ถูกพลังสะท้อนของราชรถทองคำ,เกราะบนร่างที่ระเบิด,เผ้าผมกระเซอะกระเซิง,แววตาที่จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความตกใจและหวาดกลัว.
“เจ้าได้สั่งการให้เข่อเจี่ยสังหารเจ้าสำนักอาชูร่าและเหล่าคนของสำนักอาชูร่าเพื่อเหตุอันใด?”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
หัวใจของซุนฟางที่เต้นไปมาไม่เป็นจังหวะ,เอ่ยเสียงสั่น“คุณชายลู่,เข้าใจผิดแล้ว,ข้าและสำนักอาชูร่าไม่เคยมีความแค้นใด ๆ ต่อกัน,แล้วข้าจะสั่งเข่อเจี่ยสังหารเจ้าสำนักอาชูร่าและคนของสำนักอาชูร่าได้อย่างไร!”
เหล่ายอดฝีมือสำนักเฟยฮัวที่จ้องมองหน้ากันและกันด้วยแววตาว่างเปล่าหวาดหวั่น.
ไม่คาดคิดเลยว่าลู่อี้ผิงจะมาที่นี่เพราะเหตุของสำนักอาชูร่า.
บรรพชนชราเถาเฟิงที่ก้าวออกไปด้านหน้าเอ่ยออกมาว่า“ใช่แล้วคุณชายลู่,บรรพชนชราซุนฟางและสำนักอาชูร่าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน,แล้วจะสั่งให้เข่อเจี่ยสังหารเจ้าสำนักอาชูร่าและคนของสำนักอาชูร่าได้อย่างไร.”
“บรรพชนชราซุนฟางน้อยครั้งที่จะออกจากสำนักเฟยฮัว,แล้วจะไปมีความขัดแย้งกับสำนักอาชูร่าได้อย่างไร.”
ลู่อี้ผิงไม่สนใจนางแม้แต่น้อย,ก่อนที่จะเริ่มค้นวิญญาณบรรพชนชราซุนฟางทันที.
เพียงไม่นาน,การค้นวิญญาณก็เสร็จสิ้น.
แววตาของลู่อี้ผิงเผยความเย็นชาออกมา.
เจ้าสำนักเฟยฮัวจีหลินที่เห็นแววตาของลู่อี้ผิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร,ต้องการสังหารบรรพชนชราซุนฟาง,นางก็เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า“คุณชายลู่,หากเรื่องนี้เป็นฝีมือของบรรพชนชราซุนฟาง,พวกเราจะทำการสืบสวนตามกฎสำนัก,เพื่อให้คุณชายลู่พอใจแน่นอน,ขอให้คุณชายลู่ปล่อยบรรพชนชราซุนฟางให้กับสำนักเฟยฮัวลงโทษเถอะ.”
ในเวลานั้น,โหลวถงที่ก้าวไปด้านหน้าเอ่ยออกมาว่า“ถึงแม้นว่าบรรพชนชราจะเป็นคนทำ,แต่โทษก็ไม่ถึงตาย,หวังว่าเจ้าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์”
“โทษไม่ถึงตายอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงแค่นเสียง,ก่อนที่จะลงมือกุดหัวของบรรพชนชราซุนฟาง ลอยกระเด็นหลุดออกไปทันที.
เหล่าคนของสำนักเฟยฮัวที่เวลานี้ต่างก็ตกใจขึ้นมาทันที.
เจ้าสำนักเฟยฮัวจีหลิน,โหลวถงที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองไปยังโหลวถงอย่างไม่แยแส,“นางสั่งตยออกไปสังหารเจ้าสำนักอาชูร่า,สั่งให้นิกายพันปิศาจกวาดล้วงสำนักอาชูร่า,คนระดับต่ำและสูงหลายหมื่นคนที่ตายลงไป,แม้แต่อาวุโสสำนักอาชูร่ายังถูกทรมานก่อนถูกสังหารอย่างอมหิต!”
“ความหมายของเจ้า,คำสั่งของนางท่าสั่งกวาดล้างสำนักอาชูร่าโทษไม่ถึงตาย,ถึงจะกวาดล้างอีกหลายสำนักเช่นสำนักอาชูร่า,ซุนฟางก็ไม่มีโทษถึงตาย,ใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของโหลวถงที่กลายเป็นแดงกล่ำ,ภายในใจที่เต็มไปด้วยความโกรธ.
นางไม่คาดคิดเลยว่าทั้งที่นางเอ่ยปากด้วยตัวเอง,ลู่อี้ผิงกับไม่เพียงไม่ให้เกียรตินางเลยหน้ำซ้ำยังกล่าวตำหนินางต่อหน้าอีกด้วย.
นางเป็นคนของตระกูลโหลว,อาจารย์ของนางคือบรรพชนชราสำนักไท่อี้,เจียงซู่ซู่,เจียงยวีคืออาจารย์ลุงของนาง,ทว่าอีกฝ่ายกับไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย.
ในเวลานี้,ลู่อี้ผิงที่ทำการตรวจสอบแหวนมิติของซุนฟาง,พร้อมกับนำแผนผังอะไรบางอย่างออกมา.
เกี่ยวกับสำนักอาชูร่า.
ซุนเฟิงที่สังการกวาดล้วงสำนักอาชูร่า,เพราะแผนผังดังกล่าวนี่เอง.
ทันใดนั้นลู่อี้ผิงก็จ้องมองไปยังบรรพชนชราเถาเฟิง“แผนผังอีกครึ่งหนึ่ง,อยู่กับเจ้าใช่ใหม?”
นอกจากซุนฟางแล้ว,ยังมีบรรพชนชราของสำนักเฟยฮัวที่จำนนต่อวังปิศาจทมิฬ,นั่นก็คือเถาเฟิง,เรื่องกวาดล้างสำนักอาชูร่า,นางก็มีส่วนด้วยเช่นกัน.
บรรพชนชราสำนักเฟยฮัว เถาเฟิงได้ยินลู่อี้ผิงถามถึงแผนผังอีกครึ่ง,ใบหน้าของนางซีดขาว,ดวงตายากที่จะปกปิดความหวาดกลัวเอาไว้ได้.
“เจ้าสำนัก,ลู่อี้ผิงโหดเหี้ยมอมหิต,ก่อนหน้านี้ก็สังหารอาวุโสสูงเข่อเจี่ยสำนักเฟยฮัวของพวกเราที่เทือกเขาทะเลทมิฬแล้ว,ตอนนี้ยังบุกมายังศูนย์ใหญ่สังหารบรรพชนชราซุนฟาง,ตอนนี้ยังคิดจะใส่ความข้าอีกด้วย!”
“ขอให้เจ้าสำนักเปิดใช้งานมหาค่ายกลเฟยฮัว,สังหารปิศาจร้ายด้วย!”
มหาค่ายกลเฟยฮัว,นี่คือสุดยอดค่ายกลที่บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเฟยฮัวเป็นผู้สร้างขึ้น,หลังจากที่จ่ายไปด้วยราคามหาศาล,ก็ได้ว่าจ้างปรมาจารย์ค่ายกลอันดับหนึ่งของทวีปเทพยุทธ์ เฉินชิงหยางมาสร้างมหาค่ายกลเฟยฮัวขึ้น.
ในเดียวกันนั้น,เสียงหวีดหวิวแหวกอากาศพุ่งมาแต่ไกล,ก่อนจะเห็นบรรพชนชราสำนักเฟยฮัวอีกหลายคนที่ออกมาจากดินแดนบรรพชน.
ในเวลานี้,เก้าบรรพชนชราได้มาถึงแล้ว.
หลังจากที่เหล่าบรรพชนชรามาถึงก็เห็นศพไร้ศีรษะของซุนฟาง,ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์ไปในทันที.
“ลู่อี้ผิง,เจ้ามันสามหาวมากเกินไปแล้ว! เจ้าสังหารอาวุโสสูงสำนักเฟยฮัวเข่อเจี่ยยังไม่พอ,ตอนนี้ยังมายังศูนย์ใหญ่สำนักเฟยฮัวสังหารบรรพชนชราซุนฟางอีก!”สตรีชราที่ค้ำไม้เท้าฟินิกซ์จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความโกรธ“เจ้าคิดว่าสำนักเฟยฮัวของข้า,ต้องการจะสังหารใครก็ทำได้อย่างงั้นรึ?!”
สตรีชราผู้นี้,ก็คือฮู่หยิงอาจารย์ของจีหลิน,เป็นเจ้าสำนักคนก่อน,เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเฟยฮัว,เทพแท้จริงขั้นสุดท้าย.
อย่างไรก็ตามนางที่เอ่ยจบ,กับเห็นลู่อี้ผิงที่ใช้พลังดึงร่างของบรรพชนชราเถาเฟิงมาด้านหน้า,พร้อมกับกุดหัวของบรรพชนชราเถาเฟิงไปอีกคน.
เถาเฟิงก็เหมือนกับซุนฟาง,มีระดับเทพวิญญาณขั้นต้น.
ทุกคนที่ชงักไปตาม ๆ กัน.
อาจารย์จื่อหลิน,ฮู่หยิงที่เวลานี้ใบหน้าบิดเบี้ยวใบหน้าเขียวช้ำ,ดวงตาเย็นชา,จนทำให้พื้นที่รอบ ๆ อุณหภูมิลดลงทันที.
ใบหน้าของลู่อี้ผิงยังคงเฉยเมยไม่แยแส,ก่อนที่จะทำการตรวจสอบแหวนมิติของเถาเฟิงซึ่งพบแผนผังอีกครึ่ง ด้านใน.
แววตาของฮู่หยิงที่กลายเป็นเย็นยะเยือบ.
“อาจารย์!”จีหลินที่รับรู้ความคิดอาจารย์ต้องการเอ่ยอะไรออกมา.
“เปิดมหาค่ายกลเฟยฮัว!”ฮู่หยิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
เหล่ายอดฝีมือสำนักเฟยฮัวหัวใจเย็นยะเยือบ,ก่อนที่จะไปประจำตำแหน่ง,ร่อนลงยอดเขาต่าง ๆ ของสำนักเฟยฮัว.
ทันใดนั้น,ริ้วแสงที่น่าอัศจรรย์พุ่งขึ้นท้องฟ้าจากยอดเขาต่าง ๆ ทั่วสำนักเฟยฮัว,มองไกล ๆ เหมือนกับสายน้ำตกที่กำลังไหลบ่าขึ้นสู่ท้องฟ้า.
คลื่นพลังความแข็งแกร่งที่ซัดตลบอบอวล,พร้อมกับปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า,ล๊อกเป้าไปยังลู่อีผิ้งและราชรถสีทอง.
ในเวลานั้นฮู่หยิง เทพแท้จริงขั้นสุดท้าย,ร่อนลงที่ยอดเขาหลัก,นางที่นำไม้เท้าฟินิกซ์ปักลงที่แท่นศิลาใจกลางของลานด้านหน้าห้องโถงหลัก.
มหาค่ายกลเฟยฮัวถูกกระตุ้นเปิดการทำงานอย่างสมบูรณ์.
คลื่นพลังมากล้นของค่ายกลที่ไหลหลั่ง,ได้ทำให้ผู้คนทั่วทุกหนแห่งในจักรวรรดิไป่ฮัวตกใจพร้อม ๆ กัน.