Chapter 48: Went back to tell once nine certainly
回去告诉曾九绝
จากคำพูดของเจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์ได้เอ่ยว่า,นิกายพันปิศาจได้ยอมจำนนต่อวังปิศาจทมิฬแล้ว,เขาได้นำอิทธิพลของวังปิศาจทมิฬออกมาเตือนตัวเอง,หากสังหารนิกายพันปิศาจ,เท่ากับล่วงเกินวิหารปิศาจทมิฬ.
จางจิน,เจ้าเหวินและพวกทั้งสี่ที่เผยยิ้ม.
ลู่อีผิ้งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“นิกายพันปิศาจจำนนต่อวิหารปิศาจทมิฬแล้วนี่เอง,หากเจ้าไม่เอ่ย,ข้าไม่รู้เลยจริง ๆ,..หากเป็นแบบนั้น,ข้ายิ่งต้องฆ่า!”
เจ้าจื่อเห่าที่ใบหน้ากลายเป็นเคร่งขรึม.
ลู่อี้ผิงเอ่ยเพิ่ม“เจ้าเป็นศิษย์หอเทพยุทธ์อย่างงั้นรึ? ว่าแต่,ศิษย์หอเทพยุทธ์กลายเป็นหมารับใช้วิหารปิศาจทมิฬไปแล้วเมื่อไหร่กัน.”
“เจ้า!”เจ้าจื่อเห่าที่ทั้งโกรธและอาย.
เวลานั้น,ลู่เผิงก้าวไปด้านหน้าลี่เฟยแล้ว,มีดคู่ที่ตะวัดเหวี่ยงออกไป.
เจ้าจื่อเห่าที่เห็นลู่เผิงเพียงแค่ระดับโอสถทองคำ เมินเฉยคำพูดตัวเองอย่างคาดไม่ถึง,จึงเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“แส่หาความตาย!”
ในมือของเขา หอกยาวที่พุ่งทะลวงออกไปในทันที.
“เก้ามังกรสะบั้นนภา!”
พลังเทพที่พวยพุ่ง,หมุนวนเป็นริ้วแสงพุ่งตรงไปยังอกของลู่เผิง.
ริ้วแสงเพลิงเก้าเส้นของมังกรเพลิงที่ส่องสว่าง.
แววตาของเจ้าจื่อเห่าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,หอกเก้ามังกรของเขา,นับเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของหอเทพยุทธ์,แม้นว่าเวลานี้เขาจะเป็นเพียงเทพวิญญาณขั้นกลาง,ทว่าด้วยหอกเก้ามังกรนี้,แม้แต่เทพวิญญาณขั้นสุดท้าย,เขาก็สามารถรับมือได้.
เห็นหอกของเจ้าจื่อเห่าที่พุ่งตรงไปยังหน้าอกของลู่เผิง,ในเวลานั้นมือข้างหนึ่งด้านข้างที่ยกขึ้นกันหอกของเจ้าจื่อเห่าเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง.
มือเปล่ากุมปลายหอก.
หอกยาวของเจ้าจื่อเห่าที่อยู่ในฝ่ามือของอีกฝ่าย,เสียงที่ดังหวีดหวิวเปลวเพลิงที่ลุกโชนพวยพุ่ง,แต่กับไม่อาจขยับเคลื่อนไปด้านหน้าไปได้แม้แต่นิ้วเดียว,นอกจากนี้ยังไม่ระคายผิวของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ.
เจ้าจื่อเห่าและเข่อเจี่ย เผยความประหลาดใจอย่างหนัก,พบว่า,แท้จริงแล้วเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังของชายชุดน้ำเงินที่ลงมือ.
จางจินนั่นเอง.
Zhang Jin grips Zhao Zihao long spear, the complexion coldly, shakes, pulls out, then saw Zhao Zihao to be shaken to fly, but long spear fell in his hand.
จางจินที่คว้าหอกเจ้าจื่อเห่าเอาไว้นั่นเอง,ใบหน้าของเขาที่มืดครึ้มเย็นชา,ก่อนที่หอกจะสั่นไปมา,เวลาต่อมาร่างของเจ้าจื่อเห่าที่กระเด็นลอยออกไป,หอกยาวที่หล่นออกจากมือของเขาแล้ว.
เจ้าจื่อเห่าที่ลอยกระเด็นออกไป,ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนจากอีกฝั่ง เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยได้ถูกลู่เผิงกุดหัวไปแล้ว.
เหล่ายอดฝีมือนิกายพันปิศาจคนอื่น ๆ จิตวิญญาณที่สั่นสะท้านเย็นยะเยือบ.
พวกเขาที่จ้องมองไปยังเข่อเจี่ย,ร้องตะโกนเพื่อให้ท่านเข่อเจี่ยช่วยชีวิต.
“เจ้าคืออาวุโสใหญ่สำนักเฟยฮัวเข่อเจี่ย?”ลู่อี้ผิงที่จ้องมองไปยังเข่อเจี่ย“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่,ก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องไปถึงสำนักเฟยฮัว.”
ได้ยินคำพูดที่เจือด้วยจิตสังหารของลู่อี้ผิง,อาวุโสใหญ่สำนักเฟยฮัวเข่อเจี่ยที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า“ข้าคืออนุของบรรพชนชราหยางซือหยวนวิหารปิศาจทมิฬ.”
ลู่อี้ผิงที่สะบัดมือ ดึงร่างอีกฝ่ายลอยมาอยู่ด้านหน้า.“อนุหยางซือหยวนรึ? แล้วมีปัญหาอะไร?”
“เจ้าเป็นใคร?!”เข่อเจี่ยเอ่ยเสียงสั่น.
“ลู่อี้ผิง.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส.
เข่อเจี่ย,เจ้าจื่อเห่าได้ยิน,เวลานี้ใบหน้ากลายเป็นขาวซีด“เจ้าคือลู่อี้ผิง!”
เรื่องของเจ้านิกายน้อยนิกายภูตหยินเห่าตันได้แพร่กระจายออกไปแล้ว,เหล่ายอดฝีมือทั้งทวีปเทพยุทธ์,ต่างก็ได้ยินชื่อเสียงของลู่อี้ผิงกันหมดแล้ว.
ทั้งสองก่อนหน้านี้คาเดาสถานะของชายชุดน้ำเงินคงจะเป็นใครสักคนของสำนักอาชูร่า,ทว่าไม่คาดคิดแม้แต่น้อย ชายหนุ่มชุดน้ำเงินผู้นี้กับเป็นลู่อี้ผิง เซียนกู่ฉินนั่นเอง.
ทว่า,ทั้งสองไม่เข้าใจเลยว่าสำนักอาชูร่าที่เป็นเพียงกลุ่มอิทธิพลชั้นสองในทวีปเทพยุทธ์,เกี่ยวพันธ์อะไรกันลู่อี้ผิงกัน?
ลู่อี้ผิงไม่ได้สังหารเข่อเจี่ยอาวุโสใหญ่สำนักเฟยฮัวทันที,ทว่าทำการค้นวิญญาณของอีกฝ่าย.
เขาต้องการรับรู้ว่ามีใครคนอื่นสั่งการเข่อเจี่ยให้ทำการสังหารกวาดล้างคนของสำนักอาชูร่าหรือไม่?
เพียงไม่นาน,การค้นวิญญาณก็เสร็จสิ้น.
ใบหน้าของลู่อี้ผิงได้กลายเป็นเย็นชา.
คนที่สั่งเข่อเจี่ยสังหารกวาดล้างสำนักอาชูร่านั้น,ไม่ใช่เจ้านิกายเฟยฮัว,แต่เป็นบรรพชนชราสำนักเฟยฮัว ซุนฟาง!
อย่างไรก็ตามซุนฟางผู้นี้,ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของวังปิศาจทมิฬตั้งแต่แรกแล้ว.
ไม่เพียงซุนฟาง,บรรพชนชราอีกหลายคนในสำนักเฟยฮัวต่างก็ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของวิหารปิศาจทมิฬมานานแล้ว.
หลังจากค้นวิญญาณเสร็จ,เปลวเพลิงที่ลุกโชนล่วงหล่นบนร่างของอาวุโสใหญ่เข่อเจี่ย,จากนั้นอีกฝ่ายก็ถูกเพลิงกลืนกินสลายหายไปในอากาศ,แม้แต่ขี้เถ้าก็ไม่เหลือ,ทั้งแก่นหยวน,ดวงวิญญาณยังสลายหายไปด้วย.
เจ้าจื่อเห่าที่จ้องมองลู่อี้ผิง,แววตาที่ตื่นตระหนก.
เกี่ยวกับเรื่องของลู่อี้ผิง,เป็นที่โจษจันไปทั้งทวีปเทพยุทธ์,กล่าวว่าลู่อี้ผิงนั้นบ้าคลั่ง,กระทำอะไรตามใจไม่สนผู้ใด,ตอนนี้เห็นกับตา,แม้แต่สนมของบรรพชนชราวังปิศาจทมิฬ,ยังถูกเขาสังหารโดยไม่สนใจด้วยซ้ำ.
เสียงโหยหวนโอดโอยดังขึ้นไม่หยุด.
เขาที่เห็นเหล่ายอดฝีมือนิกายพันปิศาจที่ถูกลู่เผิงสังหารทีละคน ๆ.
พื้นที่แห่งนี้อยู่บนเกาะกลางทะเลทมิฬ,เหล่ายอดฝีมือนิกายพันปิศาจถูกผนึกพลังไม่อาจบินหนีได้จึงไม่มีทางให้หนีนั่นเอง.
เพียงไม่นาน,เสียงร้องโอดโอยก็หยุดลง.
เวลานี้บนลานยอดเขา,มีศพของนิกายพันปิศาจมากมายกองทับถมกันอยู่.
กลิ่นโลหิตที่แสบคาวจมูกฟุ้งกระจายไปทั่ว.
จางจินและคนอื่น ๆ ที่ก้าวออกไปช่วยลู่เผิงเก็บกวาดพื้นที่.
เจ้าจื่อเห่าที่ยืนขึ้น,ต้องการจากไป,แต่กับไม่กล้า.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองเขา,เมื่อสายตาของลู่อี้ผิงที่จ้องมองมา,ทำให้หัวใจของเจ้าจื่อเห่าหัวใจเต้นสั่นไหวโครมคราม,ก้มหน้างุด ๆ,ไม่กล้าสบตาลู่อี้ผิงแม้แต่น้อย.
“หอกเก้ามังกร,เป็นเซิ่งจิ่วเจี่ยมอบให้เจ้าอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส.
เซิ่งจิ่วเจี่ย?
เจ้าจื่อเห่าที่ดวงตาเบิกกว้าง,จับจ้องมองลู่อี้ผิงนี่เขารู้จักบรรพชนชราจิ่วเจี่ยหอเทพยุทธ์ด้วยอย่างงั้นรึ?
เทพยุทธ์จิ่วเจี่ย,นี่คือบรรพชนที่ทรงพลังที่สุดในยุคโบราณ,ทว่าชื่อที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็คือ เซิ่งจิ่วเจี่ย,ผ่านมานานหลายปีแล้ว,ไม่มีใครกล้าเอ่ยนามจริงของอีกฝ่ายตรง ๆ ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าเทพยุทธ์
หอกเก้ามังกรนั้น,ไม่ใช่เทพยุทธ์จิ่วเจี่ยมอบให้เขา,แต่เป็นเทพยุทธ์อีกคนของหอเทพยุทธ์,ซึ่งเทพยุทธ์ผู้นี้ก็คือศิษย์สายตรงของเทพยุทธ์จิ่วเจี่ยนั่นเอง.
ได้ยินลู่อี้ผิงเอ่ยนามจริงของบรรพชนชราเทพยุทธ์จิ่วเจี่ย,เจ้าจื่อเห่าที่ใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้ม,ถึงแม้นจะเป็นเจียวยวีสำนักไท่อี้,เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชรา,ยังต้องเรียกว่า อาวุโสจิ่วเจี่ย
“ลู่อี้ผิง,เจ้าคงไม่คิดว่า เจ้าได้สังหารเห่าตัน,สวีซิวแล้วรู้สึกตัวเองไร้เทียมทาน,เจ้ากล้าเรียกชื่อบรรพชนชราเทพยุทธ์จิ่วเจี่ยด้วยชื่อตรง ๆ,มาดูว่าหากอยู่ต่อหน้าบรรพชราจิ่วเจี่ยแล้ว,เจ้ายังกล้าเรียกชื่อตรง ๆอีกใหม!”เจ้าจื่อเห่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
“ใช่.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส“ต่อให้จิ่วเจี่ยมาอยู่ต่อหน้าข้า,ข้าก็จะเอ่ยเช่นนั้น.”เวลานั้นเขาได้ยิงบอลพลังปะทะร่างเจ้าจื่อเห่าลอยกระเด็นออกไปทันที.
“กลับไปบอกเจ้าหนูจิ่วเจี่ยซะ,ให้เขาดูแลหอเทพยุทธ์ดี ๆ หน่อย,หากหอเทพยุทธ์เกี่ยวข้องอะไรกับวังปิศาจทมิฬอีกล่ะก็,เมื่อถึงเวลานั้นอย่าได้โอดครวญก็แล้วกัน.”ลู่อี้ผิงเอ่ยกล่าวดังไล่หลัง.
บรรพชนชราหอเทพพยุทธ์หลายคน,หลายรุ่นที่ใกล้ชิดกับวังปิศาจทมิฬเป็นอย่างมาก.
กล่าวได้ว่ามีแม้แต่ยอดฝีมือของหอเทพยุทธ์ที่แต่งงานกับสตรีวังปิศาจทมิฬอีกด้วย.
เจ้าจื่อเห่าที่ลอยกระเด็นออกจากเทือกเขาทะเลทมิฬ,ก่อนที่จะล่วงหล่นลงบนทะเลทมิฬ,ได้ยินเสียงของลู่อีผิ้ง,ทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว.
เขาที่ตะเกียกตะกายฉุดร่างที่ไม่อยู่ในสภาพดีนักขึ้นฝั่งอย่างยากลำบาก,ขณะมองย้อนไปยังเทือกเขาทะเลทมิฬ,ดวงตาที่เผยความเย็นชา,จากนั้นก็บินแหวกอากาศจากไป.
ไม่นานหลังจากนั้น,ลู่เผิงและพวกจางจินก็เก็บกวาดทุกอย่างเสร็จสิ้น.
ลู่อี้ผิงที่เข้ามาในห้องโถงอาชูร่า.
แม้นว่าห้องโถงอาชูร่าจะถูกเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ด้วยฝีมือของคนนิกายพันปิศาจ,ทว่าสิ่งก่อสร้างหลายอย่างก็ยังคงอยู่,ลู่อี้ผิงที่เดินไปรอบ ๆ,ไม่รู้ว่ามาถึงดินแดนบรรพชนอาชูร่าตั้งแต่เมื่อไหร่.