Chapter 47 Causes trouble?
来闹事?
เจ้าจื่อเห่าเอ่ย,ก่อนที่จะบินขึ้นไปตรงหน้าอกของรูปปั้น,จากนั้นก็วาดมือแปลก ๆ,ส่องแสงสว่างจ้า,อักขระที่ไหลมารวมตัวกัน.
“นี่อักขระรวมไร้ลักษณ์ผสานความว่างเปล่า!”เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยเอ่ยด้วยความประหลาดใจ.
ปรมาจารย์ค่ายกลนั้น,จะต้องสร้างรากฐานค่ายกล,แน่นอนว่าการใช้อักษรรูนเป็นเรื่องปรกติ,เพียงแต่ปรมาจารย์ค่ายกลบางคนที่ก้าวไปยังขอบเขตสูงพิเศษ,ไม่จำเป็นต้องวาดอักษรรูน,สามารถใช้อักขระความว่างเปล่าสร้างขึ้นมาได้เลย.
ซึ่งก็คืออักขระไร้ลักษณ์ผสานความว่างเปล่า.
เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยที่อุทานออกมาเสียงดัง,ใบหน้าของเจ้าจื่อเห่าที่ยังคงเฉยเมย,มือของเขาที่วาดไปมา,อักขระที่รวมตัวกันมากขึ้นและก็มากขึ้น,มีมากมายหลายพันตัวอย่างคาดไม่ถึง!
ไม่ได้หยุดเท่านั้น!
กล่าวได้ว่าถึงจะเป็นอักขระรวมความว่างเปล่า,ปรมาจารย์ค่ายกลการจะสร้างค่ายกลไร้ลักษณ์ขึ้นมาได้สามารถใช้อักขระไร้ลักษณ์ร้อยกว่าตัวขึ้นมาทันทีนั้น,แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้.
และยิ่งรวมอักขระไร้ลักษณ์หนึ่งพันตนทันที,ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่.
แม้แต่หลายพันตัวนั้นแทบจะนับมือได้!
หลังจากนั้นอักขระไร้ลักษณ์ภายใต้การควบคุมของเจ้าจื่อเห่า,ก็สร้างผังลึกล้ำขึ้นมา.
“รวมอักขระก่อตั้งรากฐาน!”อาวุโสใหญ่เข่อเจี่ยอาวุโสใหญ่นิกายเฟยฮัวที่อุทานออกมา“ได้ยินมาว่าคุณชายเจ้าคือปรมาจารย์ค่ายกลชั้นยอด,และสุดยอดเต๋าแห่งหอก,เป็นบุรุษที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น,วันนี้ได้เห็นกับตาควรคู่กับชื่อเสียงจริง ๆ.”
รวมอักขระก่อตั้งรากฐานนั้นยากยิ่งกว่าอักขระไร้รูปหลายเท่า.
เจ้าจื่อเห่าที่เผยยิ้ม“เป็นเพียงทักษะที่น้อยนิด,แทบไม่คู่ควรให้เหลียบแล,ยังห่างไกลจากอาวุโสหยางซือหยวนมาก.”
หยางซือหยวน!
บรรพชนชราวังปิศาจทมิฬนั่นเอง.
ไม่เพียงแค่อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือเทพแท้จริงขั้นสุดท้าย,ยังเป็นยอดฝีมืออันดับสิบของปรมาจารย์ค่ายกลในพิภพเหิงหยวนแห่งนี้อีกด้วย.
เข่อเจี่ยเผยยิ้ม“คุณชายเจ้าช่างถ่อมตน.”
ในเวลานั้น,เจ้าจื่อเห่าที่แผ่พลังเทวะที่พวยพุ่ง,ผสานเข้ากับผังลึกลับในทันที,ผังลึกลับที่แผ่ลำแสงปล่อยพลังที่น่าอัศจรรย์ใจออกไป.
“ไป!”เจ้าจื่อเห่าที่เหวี่ยงมือออกไป,ผังลึกลับที่เผยพลังน่าอัศจรรย์ใจกระแทกเข้ากับรูปปั้นของผู้ก่อตั้งอาชูร่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
ทันใดนั้น,รูปปั้นผู้ก่อตั้งอาชูร่าที่เงียบสงบได้เปล่งแสงออกมา.
ซี่ ๆ เสียงกัดกร่อนที่ดังขึ้นไม่หยุด,เสียงแตกร้ายที่กังวานไปทั่วรูปปั้น.
เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยที่เอ่ยด้วยความเคารพ,เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย“ทรงพลังยิ่งนักดูเหมือนว่ารูปปั้นคงพังทลายลงในเร็ว ๆ นี้,ความสามารถของคุณชายเจ้าช่างไร้เทียมทาน!”
เจ้าจื่อเห่าที่เผยยิ้ม.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่รูปปั้นกำลังจะพังทลาย,จู่ ๆ ก็ปรากฏริ้วแสงกระบี่ที่น่าขนลุกพวยพุ่งจู่โจมมายังเจ้าจื่อเห่าในทันที.
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก,เจ้าจื่อเห่าที่ตกใจ,นำหอกยาวออกมา.
“ดับดาราเหมันตร์!”
หอกของเขาที่ทะลวงออกไป,ลำแสงหอกที่พวยพุ่งแหวกอากาศออกไป.
หอกที่เปล่งแสงราวกับดวงดาราที่ล่วงหล่น,ปรากฏเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงพุ่งเข้าปะทะปราณกระบี่.
ดับดาราเหมันตร์,นับเป็นหนึ่งในกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด,ของกระบวนท่าหอกของหอเทพยุทธ์.
อย่างไรก็ตามมันกับไร้ซึ่งประโยชน์,ปราณกระบี่ที่ตัดลงมาปราณหอกพังทลายลงในทันที.
เจ้าจื่อเห่าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ,เร่งรีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว,ในเวลานั้นร่างกายของเขาที่เปล่งแสงสีทอง,รูนสีทองที่พุ่งออกมารวมตัวกันเป็นโล่เทวะปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้,สายฟ้าที่แล่นไปทั่วเกราะเทวะ.
นอกจากโล่สุดยอดอุปกรณ์ป้องกันของหอเทพยุทธ์,เขายังมีเกราะเทวะทองคำอสนี.
โล่ที่ขาดเป็นสองท่อนทว่าปราณกระบี่ยังไม่หยุด กระแทกเข้ากับเกราะทองคำอสนีเสียงดังสนั่น.
เจ้าจื่อเห่าที่ถูกกระแทกลอยกระเด็น,ลากครูดไปบนพื้นก่อนที่จะไปหยุดที่มุมของลาน,ที่มุมปากมีสายโลหิตไหลซึมออกมา,เกราะเทวะบริเวณอก,ถูกฟันเป็นรอยลึก,บาดเข้าไปจนถึงกระดูก.
เข่อเจี่ยอาวุโสสำนักเป่ยฮัวและเจ้านิกายพันปิศาจที่ตื่นตกใจ.
เจ้าจื่อเห่าที่ตื่นตระหนกจ้องมองด้วยความโกรธไปยังรูปปั้น.
“เพียงแค่ฝีมือค่ายกลงู ๆ ปลา ๆ,ต้องการทำลายรูปปั้นนี้อย่างงั้นรึ?”ในเวลานั้น,เสียง ๆ หนึ่งที่ดังก้องกังวาน.
ฝีมืองู ๆ ปลา ๆ อย่างงั้นรึ?
เจ้าจื่อเห่าได้ยิน,ใบหน้ากลายเป็นเคร่งขรึม,กวาดตามองผู้ฝึกตนนิกายพันปิศาจทั้งหมด.
ก่อนที่จะเลยขึ้นไปบนท้องฟ้าของทะเล,พบเข้ากับผู้เยาว์ในชุดสีน้ำเงินยืนอยุ่บนอากาศ,ที่ด้านหลังมีชายวัยกลางคนห้าคนและสตรีน้อยคนหนึ่ง.
ซึ่งแน่นอนว่าคนที่มานั้นก็คือลู่อี้ผิงและผู้ติดตามนั่นเอง.
ลู่อี้ผิงได้เก็บราชรถทองคำไปก่อนหน้านี้แล้ว.
เวลาต่อมาพวกเขาที่ร่อนลงจากท้องฟ้าลงไปยืนบนลาน.
“เจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่นิกายพันปิศาจของข้ากัน?”เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยก้าวออกไปด้านหน้า,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
ลู่อี้ผิงหาได้สนใจลี่เฟยและคนอื่น ๆ ,เขาที่ก้าวมายืนอยู่ด้านหน้ารูปปั้น,จ้องมองรูปปั้น,นึกถึงเรื่องราวในอดีต,ราวกับว่าเขาได้ย้อนกลับไปที่นี่เคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ดื่มสุราร้องเพลงอย่างสุข.
เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยเห็นลู่อี้ผิงไม่สนใจตัวเอง,ทว่าจ้องมองรูปปั้นผู้ก่อตั้งอาชูร่าไม่วางตา,ทำให้ใบหน้าเขากลายเป็นมืดครึ้ม.
“ไอ้หนู,เจ้านิกายของพวกเราถามเจ้าอยู่,มีปัญหาอะไรถึงมายังนิกายพันปิศาจของพวกเรา! อีกอย่างคุณชายเจ้าจื่อเห่าคือสุดยอดปรมาจารย์ค่ายกล,เด็กที่ไม่รู้ความเช่นเจ้าสามารถพูดพล่อย ๆ ได้รึ?”อาวุโสของนิกายพันปิศาจก้าวออกมาด้านหน้า,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
อย่างไรก็ตามอาวุโสนิกายพันปิศาจคนดังกล่าวพูดจบ,ก็พบว่าห้วงมิติที่ว่างเปล่าสั่นไหว,พลังที่มองไม่เห็นฟาดไปยังร่างเขาลอยกระเด้นออกไปทันที.
ทุกคนที่กลายเป็นตื่นตะหนกขึ้นมาในทันที.
แม้แต่เจ้าจื่อเห่าและเข่อเจี่ยทั้งสองยังตกใจไปด้วย.
“เจ้าเป็นใคร?”เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยใบหน้าดำมืด,จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความเย็นชา“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการมาสร้างปัญหาให้กับนิกายพันปิศาจของข้า,เจ้ามาผิดที่แล้ว.”
เข่อเจี่ยก็คือสนมของบรรพชนชราวังปิศาจทมิฬหยางซือหยวน,นิกายพันปิศาจเองก็เข้าร่วมสังกัดวังปิศาจทมิฬแล้ว,นอกจากนี้ที่นี่ยังมีแม้แต่เจ้าจื่อเห่าวิหารเทพยุทธ์ ไม่ว่าชายหนุ่มชุดน้ำเงินจะเป็นใครมาจากใหน,เขาก็ไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย.
“มาสร้างปัญหาอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงที่หันหน้ากลับมา,สายตาจับจ้องมองเจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟย,กล่าวอย่างไม่แยแส“เจ้าพูดผิดแล้ว,ข้ามาสังหารคนต่างหาก.”
สังหารคน? ได้ยินคำพูดดังกล่าวยอดฝีมือนิกายพันปิศาจก็เข้าล้อมกรอบพวกเขาทันที.
ลู่อี้ผิงที่ดูไม่แยแส,จ้องมองเจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟิย“เจ้าคือเจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยอย่างงั้นรึ?”
“ใช่,ข้าคือลี่เฟย!”เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงโอหัง.
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่ยื่นมือออกไป,ลำแสงนับหมื่นสายที่พวยพุ่งออกไป,พุ่งทะลวงไปยังร่างของเจ้านิกายพันปิศาจลีเผยและคนของนิกายพันปิศาจพร้อม ๆ กัน,เวลาต่อมาพวกลี่เผยและคนอื่น ๆ ต่างต้องหวาดผวาไปพร้อม ๆ กัน.
เจิ้นหยวนในร่างกายของพวกเขา,พลังภายในทั้งหมดได้ถูกผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์!
นอกจากนี้แม้แต่พลังกายเนื้อก็ยังถูกผนึกไปด้วย.
“นี่,เจ้า!”ลี่เฟยจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความหวาดกลัว.
ในเวลานั้นเจ้าจื่อเห่า,เข่อเจี่ย,ที่ขนลุกตั้งชันไปทั่วร่างทันที.
ผู้เยาว์ผู้นี้,สามารถผนึกเจิ้นหยวนพลังภายในแม้แต่พลังกายเนื้อของยอดฝีมือหลายพันในทันที!
ลี่เฟยและคนอื่น ๆ ที่ถูกผนึกเจิ้นหยวน,พลังภายใน แม้แต่กายเนื้อ,เวลานี้พวกเขาอ่อนด้อยกว่าปุถุชน เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่ด้วยซ้ำ.
ลู่อี้ผิงเอ่ยต่อลู่เผิงและลู่เสี่ยวยวี“พวกเขา ถูกผนึกพลังเอาไว้หมดแล้ว,ครอบครัวสำนักอาชูร่าของพวกเจ้าถูกพวกเขาสังหาร,เป็นเรื่องสำควรที่พวกเจ้าจะแก้แค้นด้วยตัวเอง.”
ในเวลานี้,ลู่เผิงมีขอบเขตโอสถทองคำ,ลู่เสวี่ยวยวีมีขอบเขตเหนือธรรมชาติ,การจะสังหารลี่เฟยและคนอื่น ๆ ไม่มีทางเป็นไปได้,ทว่าเวลานี้ลี่เฟยและพวกถูกผนึกเอาไว้แล้ว,ลู่เผิง,ลู่เสี่ยวยวี,สามารถสังหารลี่เฟยและคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย.
ลู่เผิงที่นำมีดคู่ออกมา,ดวงตาที่แดงซ่านก้าวไปหาลี่เฟยและคนของนิกายพันปิศาจทันที.
“สำนักอาชูร่า! เจ้าคืออาวุโสสำนักอาชูร่า!”ในเวลานั้นอาวุโสนิกายพันปิศาจเห็นลู่เผิงก็อุทานออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว.
ลู่เผิงที่ก้าวออกไปกำลังจะกุดหัวลี่เฟยและคนอื่น ๆ,ที่ด้านข้างเจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์ที่หันไปเอ่ยกับลู่อี้ผิงทันที“ผู้น้อยเจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์,ผู้ยอดเยี่ยมเป็นอะไรกับสำนักอาชูร่า?”
“ตอนนี้นิกายพันปิศาจจำนนต่อวังปิศาจทมิฬแล้ว,พวกเขาถือว่าเป็นคนของวังปิศาจทมิฬ,หากเจ้าสังหารคนของนิกายพันปิศาจ,ก็เท่ากับล่วงเกินวังปิศาจทมิฬไปด้วย!”