Chapter 46: Founder statue
祖师石像
เห็นเพียงพุทธรูปโบราณ,ที่ขยายใหญ่ยักษ์,เป็นดั่งภูเขาสีทอง,แรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกไป ทำลายบอลปิศาจของเขาให้ระเบิดไปทันที.
ผู้นำเผ่าจื่อโม่ถึงกับผวา.
“เพลิงเทวะแสงปิศาจ!”
ร่างกายของเขาที่ปะทุเพลิงปิศาจที่น่าเกรงขามออกมา,โจมตีไปยังพุทธรูปอย่างบ้าคลั่ง,ทว่าแม้นจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว,แต่กับไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้กับพุทธรูปได้เลยแม้แต่น้อย.
ตูมมมมมมมม!
ผู้นำเผ่าจื่อโม่,ถูกพุทธรูปยักษ์กระแทกทับลงมาเสียงดังสนั่น.
เกิดเป็นหลุมรอยพุทธรูป.
หลุมบนพื้นที่แตกแยกเกิดเป็นแอ่งขนาดยักษ์ขึ้นมา.
เหล่ายอดฝีมือเผ่าจื่อโม่คนอื่น ๆ ที่เร่งรีบเข้ามา,ก่อนที่จะหยุดลงด้วยความตื่นตระหนก,เวลานี้ผู้นำเผ่าจื่อโม่ถูกพุทธรูปกระแทกจมลงบนพื้นไปแล้ว,ทำให้พวกเขาถึงกับยืนเซ่อไปเลย.
ในเวลาเดียวกัน,พุทธรูปก็ลอยขึ้นก่อนที่จะหดตัวลงไปอยู่ในมือของลู่อี้ผิงตามเดิม.
เห็นเพียงแค่ผู้นำเผ่าจื่อโม่ที่นอนจมอยู่ใต้หลุมลึก,ร่างกายที่บิดเบี้ยวไม่สมประกอบ.
ลู่อี้ผิงชี้นิ้วออกไป,ก่อนที่ศพของผู้นำเผ่าจื่อโม่จะลอยขึ้นมาจากหลุม,หล่นลงบนหม้อจักรวาล.
เพียงไม่นาน,เม็ดยาทองคำระดับเทพแท้จริงก็ลอยออกจากเตาจักรวาล.
เม็ดยาทองคำที่หลอมจากหัวหน้า เผ่าจื่อโม่,ดังนั้นจึงเหนือกว่าสวีซิวและอู๋โม่ไม่น้อย.
ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปเพียงแค่กระพริบตาเท่านั้น.
เหล่ายอดฝีมือเผ่าจื่อโม่ที่เห็นหัวหน้าถูกสังหารไปแล้ว,แม้แต่ถูกหลอมเป็นเม็ดยาทองคำอีกด้วย,ก็ยืนตะลึงเข้าไปอีก,จิตใจกลายเป็นว่างเปล่า.
ยอดฝีมือเทพแท้จริง,กายเทพนั้นเหนือกว่าอุปกรณ์เทวะทั่วไป,และหลอมศพเทพแท้จริงนั้น ยากอย่างที่สุด,เหล่านิกายใหญ่ต้องใช้เวลาหลอมนานหลายปี,ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายกับหลอมร่างเทพแท้จริงเพียงแค่อึดใจได้เช่นนี้.
ขณะเหล่ายอดฝีมือเผ่าจื่อโม่ตื่นตะลึงอยู่นั้น,จางจินเจ้าเหวิน,เหว่ยปิง,เฉินหยงหยวนทั้งสี่ก็เข้าล้อมกรอบจัดการคนอื่น ๆ ทันที.
“หมัดคุกเทวะปรากฏการณ์สวรรค์!”
การโจมตีที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
พลังหมัดทั้งสี่ที่รุนแรงราวกับขุนเขาแหวกอากาศพุ่งออกไป.
เหล่ายอดฝีมือเผ่าจื่อโม่ที่ลอยกระเด็นไปทั่วสารทิศ.
เสียงร้องเจ็บปวดทรมาน,ที่ก้องกังวานไปทั่วเมืองพุทธะ.
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก,เพียงไม่นานเสียงดังก้องก็หยุดลง.
ภายในเมืองพุทธะ,จึงเปื้อนอาบไปด้วยโลหิตสีม่วง.
ลู่อี้ผิงนึกถึงคราบโลหิตสีม่วงที่เปื้อนบนดาบจ้าวแห่งทวยเทพได้,ทว่าโลหิตของเผ่าจื่อโม่,ดูจะแตกต่างอยู่เล็กน้อย.
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงก็นำสิ่งของต่าง ๆ จากเผ่าจื่อโม่ไป,และออกจากอุโมงค์พุทธะ,ออกจากวิหารพุทธะฮั่วหลง,เดินทางมุ่งตรงไปยังจักรวรพรรดิไป่ฮัวต่อ.
หลังจากพวกลู่อี้ผิงออกจากวิหารพุทธะฮั่วหลงไปไม่นาน,เหล่ายอดฝีมือตระกูลถานก็เร่งรีบเดินทางมาถึง.
เหล่ายอดฝีมือตระกูลถานที่เห็นศพของตระกูลถานมากมาย,ใบหน้ากลายเป็นเคร่งขรึมซับซ้อน.
“มันเป็นใคร,ที่สังหารคนของตระกูลถานของข้ามากมายขนาดนี้!”บรรพชนชราขอบเขตเทพแท้จริงตระกูลถาน,เผยแววตาเย็นชาดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิต เอ่ยคำรามเสียงดัง.
อย่างไรก็ตาม,ขณะพวกเขาเดินทางมาถึงส่วนลึกโพรงพุทธะ,ก็เห็นศพของผู้ฝึกตนเผ่าจื่อโม่,ทำให้พวกเขากลายเป็นเซ่อไปเหมือนกัน.
“เผ่าจื่อโม่อย่างงั้นรึ?!”
“แต่ว่า,ใครที่สังหารยอดฝีมือเผ่าจื่อโม่กัน?”
ยอดฝีมือตระกูลถานต่างก็เผยความประหลาดใจออกมา.
เช้าวันถัดมา.
ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ได้เดินทางมาถึงทะเลทมิฬของจักรวรรดิไป่ฮัว.
ทะเลทมิฬ,มีน้ำทะเลที่ดำเหมือนกับหมึก,เป็นดั่งชื่อของมัน.
ที่ใจกลางทะเลทมิฬนั้นมีเทือกเขาทะเลทมิฬตั้งตระหง่านอยู่.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองทะเลทมิฬในเวลานี้,คิดย้อนกับไปถึงเฉินเซียวเทียนสหายของเขาที่ได้มาก่อตั้งสำนักอาชูร่าที่นี่ในอดีต.
ในอดีตนั้น เป็นเขาเองที่ช่วยสหายรักเฉินเซียวเทียนเลือกสถานที่ตั้งสำนักอาชูร่า,ซึ่งก็คือทะเลทมิฬแห่งนี้นะเอง.
ทะเลทมิฬยังคงอยู่,แต่สหายของเขาไม่อยู่แล้ว.
หลังจากนั้นลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ก็ข้ามทะเลทมิฬไปยังเทือกเขาทะเลทมิฬทันที.
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้,เทือกเขาทะเลทมิฬ,เจ้านิกายพันปิศาจลี่เฟยกำลังสั่งการให้ศิษย์สร้างสิ่งก่อสร้างมากมายขึ้น.
นับตั้งแต่นิกายพันปิศาจทำลายสำนักอาชูร่าไป,พวกเขาก็ยึดครองที่นี่,โดยวางแผนที่จะสร้างเป็นสาขาที่สำคัญของสำนักพันปิศาจไว้ที่นี่.
ที่นี่อยู่ใจกลางทะเลทมิฬ,พื้นที่รอบ ๆ มีลมปราณวิญญาณจากทะเลทมิฬที่หนาแน่น,เหมาะสมกับการฝึกฝนวิชาของสำนักพันปิศาจ.
พวกเขาต้องใช้เวลามากกว่าสามปีในการรื้อถอน,และเริ่มสร้างขึ้นมาใหม่,กล่าวได้ว่าเวลานี้สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง.
ลี่เฟยที่จ้องมองสิ่งก่อสร้างของสำนักอาชูร่าที่ส่วนใหญ่ถูกรื้อถอนไปหมดแล้วก็พยักหน้าพอใจ,เวลานี้เหลือเพียงแค่โถงใหญ่ด้านหน้า,และรูปปั้นผู้ก่อตั้งเฉินเห่าเทียนที่ตั้งอยู่
เมื่อยืนที่ห้องโถงแห่งนี้,มันสามารถที่จะมองเห็นบรรยากาศของทะเลทมิฬได้,เป็นภาพฉากที่ดูยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตามเพราะรูปปั้นใหญ่ที่มีความสูงร้อยเมตร,ทำให้บิดบังภาพฉากที่งดงามนี้ไปด้วย.
“พวกเจ้า,ก่อนอื่นทำลายรูปปั้นนี้ให้กับข้าก่อน.”ลี่เฟยที่เอ่ยกับคนของนิกายพันปิศาจ.
เหล่าผู้ฝึกตนนิกายพันปิศาจที่จ้องมองกันและกันเอ่ยออกมาว่า.
“เจ้านิกาย,รูปปั้นผู้ก่อตั้งสำนักอาชูร่านี้,ค่อนข้างแปลก.”ผู้ฝึกตนนิกายพันปิศาจคนหนึ่งเอ่ย“รูปปั้นนี้มีพลังลึกล้ำ,ไม่มีใครสามารถรื้อถอนได้.”
“พลังลึกลับอย่างงั้นรึ?”ลี่เผยเผยความประหลาดใจออกมา.
ผู้ฝึกตนนิกายพันปิศาจพยักหน้ารับ.
ลี่เฟยที่ดูลังเล“งั้นยังไม่ต้องจัดการก็ได้,รอให้อาวุโสสูงสุดสำนักเฟยฮัว,ท่านเข่อเจี่ยมาตรวจสอบก่อนก็ได้,ได้ยินมาว่านางได้นำยอดฝีมือหอเทพยุทธ์มาด้วย,พวกเจ้าไปเตรียมตัว,เตรียมต้อนรับให้ดี”
“คนของหอเทพยุทธ์!”ยอดฝีมือของนิกายพันปิศาจต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ.
ลู่เฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“เป็นคุณชายเจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์.”
ผู้คนที่กลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันที.
ทวีปเทพยุทธ์,มีสี่คุณชายพรสวรรค์ คนแรก,หว่านหง ตระกูลหวาน,คนที่สอง เจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์,คนที่สาม อวิ๋นไห่เทียน ตระกูลอวิ๋น,และคนที่สี่เฉินหยวน ตระกูลเฉิน.
ตระกูลเฉิน,ในทวีปเทพยุทธ์นั้นมียอดฝีมือด้านค่ายกลอันดับหนึ่งก็คือเฉินชิงหยาง ซึ่งเฉินหยวนก็คือบุตรของเขานั่นเอง.
“ดังนั้น,พวกเจ้าไปเตรียมตัวต้อนรับคุณชายเจ้าจื่อเห่าได้แล้ว จากนี้อย่าให้มีความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น,เข้าใจใหม?”ลี่เฟยที่เอ่ยออกมาด้วยความลึกล้ำทันที.
เหล่าคนของนิกายพันปิศาจได้ยินก็รู้สึกเย็นยะเยือบ,ไม่กล้าขาดความระมัดระวังเลยแม้แต่น้อย.
ไม่นานหลังจากนั้น,จากพื้นทีไกลออกไป,ปรากฏร่างสองร่างที่บินตัดอากาศมา,เป็นหนึ่งชายหนึ่งสตรี,คนที่บินนำมานั้นคืออาวุโสสูงสุดนิกายเฟยฮัว เข่อเจี่ยและเจ้าจื่อเห่าหอเทพยุทธ์นั่นเอง.
เหล่าผู้คนของนิกายพันปิศาจที่ตั้งสองแถวสร้างขบวนพิธีต้อนรับทันที.
“คารวะท่านเข่อเจี่ย!” ลี่เฟยที่นำทุกคนโค้งทำความเคารพ
“คุณชาย เจ้าจื่อเห่า!”
เข่อเจียนที่ได้สั่งลี่เฟยและคนอื่นเตรียมต้อนรับการมาของเจ้าจื่อโจวที่จะมาเยือนเทือกเขาทะเลทมิฬก่อนหน้านั้นแล้ว.
ที่ลานอาชูร่า,เข่อเจี่ยจ้องมองไปยังใจกลางที่มีรูปปั้นผู้ก่อตั้งอาชูร่าอยู่,พลางขมวดคิ้วไปมา“รูปปั้นหินบัดซบนี่,ทำไมยังไม่เอาออก.”
เจ้านิกาย,นิกายพันปิศาจลี่เฟยเอ่ยด้วยความเคารพ,“ท่านเข่อเจี่ย,รูปปั้นผู้ก่อตั้งอาชูร่านี้ค่อนข้างแปลก,มันมีพลังลึกล้ำป้องกันอยู่,ทำให้ยังคงยืนตระหง่านมานานหลายปี,ไม่อาจขยับ,ยากจะรื้อถอน.”
เจ้าจื่อเห่าวังเทพยุทธ์เผยความประหลาดใจ,แววตาจดจ้องมองรูปปั้น,ดวงตาที่เป็นประกาย,ราวกับพบอะไรบางอย่าง,ก่อนที่จะก้าวไปด้านหน้ารูปปั้น,พลางขมวดคิ้วไปมา,และส่ายหน้าเบา ๆ.
“คุณชายเจ้า,ท่านเป็นยอดฝีมือค่ายกล,รูปปั้นนี้,มีค่ายกลซ่อนอยู่งั้นรึ?”เข่อเจี่ยจ้องมองเจ้าจื่อเห่า,รู้สึกแปลกใจและได้ถามออกมา.
เจ้าจื่อเห่าครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า“จะบอกว่าเป็นค่ายก็ไม่เชิง,เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่คล้ายกับค่ายกลรวมและเก็บหิมะของเมืองโหลวเสี๋ย.”
จากนั้นเขาก็เผยยิ้มออกมา“ทว่าการจะรื้อถอนรูปปั้นนี้,ก็ไม่ยาก,ข้าจะลองดู!”