Chapter 4 Gives up affectation?
返璞归真?
“นายน้อยเจิ้งเยว่!”
“กงจู่ไท่เหยี่ยน!”
ลู่เสี่ยวยวีที่เผยท่าทางตกใจ.
ราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้ กงจู่ไท่เหยี่ยน และตระกูลเจิ้ง เจิ้งเยวี,นับว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก,กล่าวได้ว่าพอจะเทียบได้กับเทพน้อยเซียวฉางเฟิงได้เลย.
ลู่เผิงและลู่เสี่ยวผิงที่ดูร้อนรน,เมื่อเห็นขบวนเสร็จเคลื่อนที่เข้ามาใกล้.
เหล่าผู้คุ้มกันราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี่และยอดฝีมือของตระกูลเจิ้ง ที่เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ,ลู่เผิง,ลู่เสี่ยวยวีที่กลายเป็นเงียบ,ก้มหน้าก้มตา,เวลานี้แทบไม่กล้าหายใจ.
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย,ต่อให้เป็นเจ้าสำนักอาชูร่า,เมื่อยู่ต่อหน้าราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้,หรือตระกูลเจิ้ง,ก็ไม่กล้าเสียมารยาทเช่นกัน.
ขบวนเสด็จของกงจู่ไท่เหยี่ยนและนายน้อยตระกูลเจิ้ง,ที่ดูคึกคักเป็นอย่างมาก,ทว่าหลังจากเห็นวัวกระทิงลากราชรถทองคำ,กงจู่ไท่เหยี่ยนก็ตกใจขึ้นมาทันที.
รถลากด้านหน้าคาดไม่ถึงว่าจะสร้างขึ้นมาจากทองคำ? นอกจากนี้ยังวัวลากยักษ์เป็นสีทองอีกด้วย.
โลกนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีวัวสีทอง.
เห็นเขาของกระทิงทองคำแล้ว,ดวงตาคู่งามของนางเต็มไปด้วยความสงสัย.
เจิ้งเยว่ที่เห็นกงจู่ไท่เหยี่ยนจ้องเขม็ง,ก็เผยยิ้มออกมา“กงจู่ชอบกระทิงทองคำอย่างงั้นรึ?หากชอบ,ข้าจะซื้อให้.”
กงจู่ไท่เหยี่ยนส่ายหน้าไปมา,เอ่ยด้วยรอยยิ้ม,“ที่จริงไม่ได้ชอบแต่อย่างใด,ทว่าคิดว่ากระทิงทองคำช่างแปลกนัก,เขาของมันนั้นดูคล้ายกับเขามังกรเลย.”
เจิ้งเยว่เผยยิ้ม,“ในโลกนี้มีอสูรที่แปลกประหลาดมากมาย,เขาของกระทิง,ความจริงเหมือนกับเขามังกร,ทว่าก็เพียงแค่ของเลียนแบบเท่านั้น.”จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังลู่อี้ปิงคราหนึ่ง,พร้อมกับเผยยิ้ม“ตระกูลปุถุชนไม่รู้ว่ามาจากตระกูลใหนกัน,คาดไม่ถึงว่าจะมีวัวทองคำที่ลากรถที่สร้างขึ้นมาจากทองคำ!”
กงจู่ไท่อี้เผยยิ้ม.
สำหรับตระกูลปุถุชนนั้นทองคำถือว่าเป็นสิ่งหายาก,แต่สำหรับตระกูลผู้ฝึกตนและนิกายที่ใช้ศิลาวิญญาณเป็นหลัก ทองคำก็เป็นแค่โลหะธรรมดาทั่วไปเท่านั้น.
ขบวนเสด็จที่ผ่านไปในท้ายที่สุด.
ลู่เผิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เผยท่าทางผ่อนคลาย.
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยถามออกมาในทันที“ในทวีปเทพยุทธ์เวลานี้ใครคือผู้ปกครองอย่างงั้นรึ?”
ลู่เผิงที่ตกใจ,ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นจริงจัง,เอ่ยด้วยแววตาเคารพ,“เป็นหว่านอู๋ตี้ต้าเหริน!”
หว่านอู๋ตี้? ลู่อี้ผิงที่ตกใจ,ตระกูลหว่านอย่างงั้นรึ? เขานึกย้อนกลับไป,เวลานั้นนอกจากหยางตงแล้วยังมีเด็กผู้หญิงที่มีสกุลหว่านด้วย.
“เจ้ารู้จักหว่านเป่ยเป่ยใหม?”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยถามออกมาอย่างไม่สนใจนัก.
ลู่เผิงที่สงสัย,ก่อนที่จะครุ่นคิดว่าคำพูดของลู่อี้ผิงนั้นหมายถึงตัวตนที่ไร้คู่เปรียบหรือไม่?,จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสี,ทว่าขณะจะเอ่ยออกไปนั้น,ที่ฝูงชนด้านข้าง,ปรากฏคนสองคนขึ้น.
ลู่เผิงที่เห็นคนที่ก้าวมาขวางรถลากพวกเขา,ก็ใบหน้ากลายเป็นซับซ้อน,แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“ซุนลี่.”
ซุนลี่ก็คืออาวุโสนิกายหมื่นปิศาจ!
ฝ่ามือพิษเย็นที่เขาได้รับ,ก็เป็นฝีมือของซุนลี่นั่นเอง.
ซุนลี่เผยยิ้ม“ลู่เผิง,ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยังไม่ตาย! มีอายุยืนดีนิ.”จากนั้นเขาก็มองไปยังลู่เสี่ยวยวี,“บุตรสาวของเจ้า,โตขึ้นมาก,สวยซะด้วย.”จากนั้นเขาที่หยุดอยู่ด้านหน้าพวกลู่อี้ผิง,พร้อมกับอาวุโสอีกคน กระตุ้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา.
ในเวลานั้นรอบ ๆ ร่างกายของซุนลีที่มีแสงสีทองมากมายหมุนวนกระจายแผ่ออกมาหลายวง.
“โอสถทองคำขั้นที่สี่!”ยอดฝีมือใกล้ ๆ ที่อุทานออกมา.
เขตแดนยุทธ์นับตั้งแต่แรกเริ่มพิภพ,แบ่งแยกจากต่ำไปสู่ง ประกอบด้วย ดินแดนสร้างรากฐาน(จูจี),ดินแดนธรรมชาติ(เซียนเทียน.),ดินแดนเหนือธรรมชาติ(เสิ่นถง),โอสถทองคำ(จินตาน),เรือนม่วง(สือฝู)
ดินแดนโอสถทองคำขั้นที่สี่,สำหรับตระกูลเล็ก ๆ นับว่าเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน.
ใบหน้าของลู่เผิงที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนตกใจ.
สามปีก่อน,ซุนลี่มีระดับโอสถทองคำขั้นสองเท่านั้น,ตอนนี้ตัดผ่านระดับมายังโอสถทองคำขั้นสี่อย่างคาดไม่ถึง.
สำหรับเขาที่เพิ่งถอนพิษไอเย็นออกไปหมดแล้ว,แต่เพราะได้รับพิษมานาน,เขตแดนบ่มเพาะจึงหยุดอยู่ที่โอสถทองคำขั้นที่หนึ่งเหมือนเช่นเมื่อสามปีที่แล้ว.
ลู่อี้ผิงที่ปลดปล่อยกลิ่นอายโอสถทองคำออกมา,เจิ้งเยว่และกงจู่ไท่เหยี่ยนที่ออกไปไกลแล้วรู้สึกแปลกประหลาดจึงได้หยุด,พร้อมกับหันกลับมามอง.
“คุณชาย,ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า!”ในเวลานั้นลู่เผิงที่เอ่ยเตือนลู่อี้ผิงทันที.
“ไปรึ?”ซุนลี่เผยยิ้ม“เจ้าคิดว่าจะไปใหนได้?”ในเวลานั้นในมือของเขาปรากฏดาบใหญ่พร้อมกับตะวันฟัน ปล่อยปราณดาบไอเย็นสีดำพุ่งกรีดอากาศออกมา.
“ปราณไอเย็นลึกล้ำ!”
“นี่คือพลังวิเศษของนิกายหมื่นปิศาจ!”
ลู่เผิงที่ตกใจเป็นอย่างมาก,ในอดีต,เขารู้ดีถึงพลังฝ่ามือไอเย็น,ทว่าอีกฝ่ายยังมีกระบวนท่าที่แข็งแกร่งกว่าฝ่ามือไอเย็นอีกรึ?
นอกจากนี้อีกฝ่ายที่ตัดผ่านระดับไปยังดินแดนโอสถทองคำขั้นที่สี่ไปแล้ว,ไม่ต้องสงสัยว่าพลังของซุนลี่ย่อมเหนือกว่าสามปีที่แล้วเป็นแน่.
ก่อนที่ปราณดาบอีกฝ่ายจะพุ่งมาถึงราชรถ,ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังกึกก้อง.
เสียงของกระทิงคำรามที่ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน.
ผู้คนรอบ ๆ ถึงกับหูดับไปตาม ๆ กัน.
เสียงคำรามของกระทิง,ปล่อยคลื่นพลังสีทองที่กวาดม้วนพุ่งออกไปทันที.
ซุนหลี่ที่ยืนอยู่ถึงกับผวา,ปราณดาบของเขาที่สลายหายแทบจะในทันที,นอกจากนี้คลื่นพลังสีทองยังรวดเร็วเวลานี้ได้เคลื่อนเข้าหาเขาแล้ว.
พริบตานั้น,เขารู้สึกราวกับว่าพลังที่ยิ่งใหญ่น่าพรั่นพรึงได้กดทับสะกดเขาจนไม่อาจขยับได้.
ดาบใหญ่ในมือของเขากลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที.
ส่วนเขา,กลายเป็นว่าวที่สายป่านขาด ลอยกระเด็นออกไปไกลกระแทกเข้ากับขบวนเสด็จราชวงศ์อู๋จีที่อยู่ไกลออกไป.
เสียงที่ดังสนั่นจนทุกคนหูดับ,แม้แต่ขบวนเสด็จยังกลายเป็นความวุ่นวาย.
ซุนลี่ที่กระเด็นไปหล่นอยู่ใต้เท้าของอสูรลากรถของเจิ้งเยว่และกงจู่ไท่เหยี่ยน,ชุดของเขาที่ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ,ร่างไร้ชีวิตนอนแน่นิ่ง,ไร้ซึ่งเสียงหายใจโดยสิ้นเชิง.
ลู่เผิง,เจิ้งเยว่,กงจู่ไท่เยี่ยนและเหล่าผู้คนรอบ ๆ,ที่มองไปยังศพซุนลี่ด้วยความตะลึงงัน.
พวกเขาทุกคนจ้องอมงไปยังกระทิงมังกรเขาทองด้วยความตกใจและหวาดผวา.
เสียงคำรามของกระทิง,มันทรงพลังเกินไปแล้ว.
คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถสังหารยอดฝีมือระดับโอสถทองคำได้ในทันที!
เห็นร่างของซุนลี่ที่ตกตายไปแล้ว,อาวุโสนิกายหมื่นปิศาจอีกคนผวาขาสั่นงันงก,ดวงตาตื่นตระหนกหวาดกลัวใบหน้าซีดเซียว.
เขาที่หันหลังกลับ,พร้อมกับวิ่งหนีไปในทันที.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่อาวุโสนิกายหมื่นปิศาจอีกคนหนีออกไป,ทันใดนั้นบนท้องฟ้ากับปรากฏแสงที่สว่างเจิดจ้าฟาดลงมา.
เขาที่ตกใจเงยหน้าขึ้นมอง,ก่อนที่จะเห็นคลื่นลำแสงสีทองที่ระเบิดดังก้องซัดเข้ากับร่างของเขาแล้ว.
ในเวลานั้น,สติของเขาก็ขาดหายไปในทันที.
ผู้คนรอบ ๆ ที่เห็นอาวุโสนิกายหมื่นปิศาจคนดังกล่าว ถูกแสงสีทองระเบิดกลายเป็นกองโลหิตที่เปื้อนไปบนพื้นแล้ว.
ทุกสรรพสิ่งสวรรค์และปฐพีกลายเป็นเงียบงัน.
ไม่มีใครเห็นชัดเจนเลยว่ากระทิงทองคำเขามังกรก่อนหน้านี้ลงมืออย่างไร.
“ไป.”ลู่อี้ปิงที่เอ่ยอย่างไม่แยแส,ไม่เหลือบแลซู่ลี่และกองเลือดเลย.
กระทิงมังกรเขาทองคำที่ก้าวเท้าลากราชรถทองคำเคลื่อนตัวไปด้านหน้า.
ผู้คนมากมายต่างก็จ้องมองราชรถทองคำค่อย ๆ จากไปด้วยความซับซ้อน.
กงจู่ไท่อี้ที่จ้องมองราชรถทองคำที่หายไปด้วยความสงสัยในใจพร้อมกับเอ่ยถามผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีระดับดินแดนเรือนม่วงออกไป,“เจ้าคิดว่าวัวนั่นเป็นสายพันธ์อะไร.”
ยอดฝีมือบัญชาอสูรประจำราชวงศ์,จ้องมองไปยังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จากไปแล้ว,เอ่ยด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครั้งที่วัวกระทิงนั่นลงมือ,สัมผัสได้ถึงพลังมังกรที่ผันผวน,เป็นไปได้ว่าร่างกายของมันมีสายโลหิตของเผ่ามังกร!”
วัวที่มีสายโลหิตเผ่ามังกรอย่างงั้นรึ?
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ.
จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“ส่วนความแข็งแกร่งของมันนั้น,ข้าไม่อาจมองเห็นได้เลยจริง ๆ.”
กงจู่ไท่เหยี่ยนพยักหน้ารับ.
ยอดฝีมือเรือนม่วงตระกูลเจิ้งเอ่ยออกมาเสียงแหบ“บุรุษชุดม่วงที่มายังเมืองโหลวเสวี๋ย,ไม่ใช่ว่าต้องการเข้าร่วมทดสอบศิษย์นิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนหรอกรึ?”
ยอดฝีมือเรือนม่วงขั้นที่สี่ใบหน้าเผยความประหลาดใจ“ผู้เยาว์คนนั้น,ร่างกายไม่มีเจิ้นหยวนและพลังภายในเลย,นับเป็นเรื่องแปลกจริง ๆ,หรือพลังบ่มเพาะของเขาก้าวไปถึงขั้นกลับสู่รากฐานแล้วอย่างงั้นรึ?”
เจิ้งเยวีที่เผยยิ้มเอ่ยออกมาเล็กน้อย,“กลับสู่รากฐาน?ยอดฝีมือดินแดนมหาจักรพรรดิยังไม่อาจกลับสู่รากฐานได้เลย,นี่เจ้าคิดไม่คิดว่า ชายหนุ่มคนนั้นเป็นยอดฝีมือดินแดนเทพวิญญาณหรอกนะ?”
เหล่ายอดฝีมือตระกูลเจิ้งต่างก็เผยยิ้มแล้วเงียบไป.
กงจู่ไท่เหยียนจ้องมองลู่อี้ผิงจากไป,พร้อมกับครุ่นคิด.