Chapter 39 Heard that his sword is quick
听说他的剑很快
หนึ่งคืนผ่านไป.
ลู่อี้ผิงที่นั่งราชรถสีทองออกจากคฤหาสน์,ตรงไปยังหอการค้าความลับสวรรค์.
จางจิน,เจ้าเหวินและพวกทั้งสี่คนที่นำหน้ารถเช่นเดิม.
วัวกระทิงทองคำที่สะท้อนแสงแดดยาวเช้า,ดูเจิดจรัสเป็นประกายเป็นอย่างมาก.
เหล่าผู้ฝึกตนนิกายต่าง ๆ บนถนน,เวลานั้นปรากฏแสงสีทองแยงตา,พริบตานั้นพวกเขาต่างหวาดผวา,หลบลี้หนีหาย,ทำให้ถนนโล่งอย่างรวดเร็ว.
ลู่อี้ผิงถึงกับพูดไม่ออก,นี่เขาน่าหวาดกลัวขนาดนั้นเลยรึ?
เพียงไม่นาน,ราชรถทองคำก็มาถึงหอการค้าความลับสวรรค์.
ก่อนมาถึงประตู,หัวหน้าสาขาซุนลี่เสวียนและสมาชิกระดับสูงต่างก็มารอคอยต้อนรับเขาแล้ว,ซุนลี่เสวียนที่เห็นราชรถทองคำ,ก็เผยท่าทางจริงจัง,ก้าวออกไป,ประสานกำปั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“คุณชายลู่มาเยือนหอการค้าความลับสวรรค์อีกครั้ง,แสงสีทองทำให้หอการค้าของพวกเราดูรุ่งโรจน์เจิดจรัส!”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม“ประธานซุนสุภาพแล้ว,ออกมาต้อนรับนานแล้วรึ?”
ซุนลี่เสวียนที่เอ่ยกล่าวยกยอ,โบกมือไปมา“ไม่เลย,ได้ยินมาว่าคุณชายลู่มา,พวกเราเพิ่งออกมาต้อนรับ.”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,ภายใต้การนำทางของซุนลี่เสวียน,เขาก็เข้าไปในหอการค้าความลับสวรรค์พร้อมกับพวกจางจิน.
ซุนลี่เสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“รู้ว่าคุณชายลู่จะมา,ข้าได้ทำความสะอาดห้องรับรองหมายเลขหนึ่งเอาไว้ก่อนแล้ว.”
ลู่อี้ผิงได้ยิน,ก็เผยยิ้ม“ได้ยินมาว่าหอการค้าหมายเลขหนึ่งนั้นสงวนเอาไว้ไม่ให้คนนอกใช้,มีเพียงแค่ประธานใหญ่และประมุขน้อยเท่านั้น.”
ซุนลี่เสวียนเผยยิ้ม“คุณชายลู่เข้าร่วมประมูลสาขาแห่งนี้,ข้าได้รายงานไปยังสำนักงานใหญ่แล้ว,ท่านประธานเอ่ยด้วยตัวเอง,ให้เปิดห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งต้อนรับคุณชายลู่เองเลย.”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม,ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก.
ดังนั้น,ภายใต้การนำของซุนลี่เสวียน,ลู่อี้ผิงที่เข้าไปในห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง.
ทว่าในเวลาเดียวกัน,ที่ห้องพิเศษหมายเลขสอง,ผู้เยาว์คนหนึ่งที่ขมวดคิ้วเอ่ยออกมาว่า“นี่ซุนลี่เสวียนถึงเปิดห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง,ให้คนนอกเข้าใช้เลยอย่างงั้นรึ?”
“ขอรับ,เส้าจู่,นั่นคือลู่อี้ผิง!”ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ.
“ลู่อี้ผิง.”ชายหนุ่มที่ยกสุราขึ้นจิบ,เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม“เจ้าเด็กแซ่ลู่ที่สังหารเห่าตันนะรึ?”
น้ำเสียงของอีกฝ่าย,ที่ราวกับว่าไม่เห็นลู่อี้ผิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย.
เสียงที่ชั่วร้ายดังขึ้นอีก“เจ้าเด็กแซ่ลู่สินะ.”
ชายหนุ่มที่กล่าวตอบรับ,เอ่ยออกมาว่า“ได้ยินมาว่ากระบี่อีกฝ่ายเร็วมาก,ข้าต้องการเห็นจริง ๆ,กระบี่มันกับข้า,ใครจะเร็วกว่ากัน.”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเผยยิ้ม“หากเป็นเต๋าแห่งกระบี่,ในพิภพเหิงหยวนแห่งนี้,ในรุ่นผู้เยาว์,ไม่มีใครเหนือกว่าเส้าจู่แน่นอน.”
ชายหนุ่มเผยยิ้ม.
ทว่าหลังจากที่ลู่อี้ผิงเข้ามาห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง,นั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่หุ้มจากหนังสัตว์ยุคโบราณ,นอกจากนี้น่าจะเป็นสัตว์ร้ายยุคโบราณขอบเขตเทพแท้จริงอีกด้วย.
เมื่อนั่งลงไป,สัมผัสที่นุ่มสบาย,แม้แต่มีกลิ่นหอมเรื่อ ๆ แผ่ออกมาชำระจิตด้วย.
“นี่คือหนังอสูรหมี่เซี่ยง.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ซุนลี่เสวียนที่เผยยิ้มออกมาทันที,“ขอรับ,สายตาคุณชายลู่ช่างแหลมคม,นี่คืออสูรหมี่เซี่ยง,มีคนน้อยคนนักที่รู้จัก.”
ลู่อี้ผิงที่เปลี่ยนเรื่อง“ได้ยินจากซ่งหนิงว่า,มีเหรียญตรา,จ้าวแห่งทวยเทพยุคโบราณประมูลด้วยอย่างงั้นรึ? ไม่รู้ว่าเหรียญตานี้ใครเป็นคนนำออกประมูล,หรือเป็นของหอการค้าความลับสวรรค์หามาเอง?”
ซุนลี่เสวียนที่ดูลังเล,ก่อนที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ขอกล่าวตามจริงต่อคุณชายลู่,เหรียญตราจ้าวแห่งทวยเทพนั้น,เป็นคนนอกนำเข้าประมูล,ทว่าเป็นใครนั้น,หอการค้าเราเองก็ไม่รู้จัก,ฝ่ายตรงข้ามนั้นสวมหน้ากากปิดบังตัวเองเอาไว้.”
“..”ลู่อี้ผิงที่พยักหน้ารับ.
เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก.
หลังจากนั้น,ซุนลี่เสวียนก็ขอตัวออกจากห้อง,เอ่ยกล่าวว่าหากลู่อี้เสวียนต้องการอะไร,ให้แจ้งพนักงาน.
หลังจากซุนลี่เสวียนจากไป,ลู่อี้ผิงที่ครุ่นคิด,ในอดีตไม่ใช่ว่าเขาได้ค้นสนามรบแห่งทวยเทพอย่างระเอียดแล้วหรอกรึ?,ว่าแต่อีกฝ่ายได้รับมาได้อย่างไรกัน?
เป็นไปได้ว่าเป็นลูกหลานของจ้าวแห่งเทพอย่างงั้นรึ?
หากไม่ใช่รุ่นลูกหลานของจ้าวแห่งทวยเทพ,บางทีอาจเป็นหนึ่งในคนที่ล้อมสังหารจ้าวแห่งทวยเทพในเวลานั้นหรือไม่?
ในเวลานั้น,เหล่ายอดฝีมือมากมายที่กำลังเดินทางมาถึงเข้านั่งที่นั่งของตัวเอง.
ลู่อี้ผิงที่มองผ่านกระจกห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง,เห็นร่างที่ครุ่นเคย,ก็เผยท่าทางประหลาดใจ,เป็นนางนะเอง,เวลานี้เจ้าหน้าที่หอการค้าความลับสวรรค์ที่กำลังต้อนรับ,เป็นสตรีจากหอราชาสมุนไพรอี้ซินที่เขาพบที่สนามรบแห่งทวยเทพก่อนหน้านี้นะเอง.
อย่างไรก็ตาม,กับไม่เห็นชายชราเหอโชวมาด้วย.
อี้ซินมาถึง,ทำให้พื้นที่รอบ ๆ กลายเป็นโกลาหล.
แม้นว่าหอราชาสมุนไพรจะไม่ใช่กลุ่มอิทธิพลของทวีปเทพยุทธ์แห่งนี้,ทว่าก็มีชื่อเสียงที่ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากลุ่มอิทธิพลในทวีปเทพยุทธ์แห่งนี้อย่างแน่นอน,ด้วยเต๋าแห่งยาของหอราชาสมุนไพร,ไม่มีนิกายใหนเทียบเคียงได้,แม้แต่ตระกูลหว่านและจักรวรรดิเป่ยโตวยังต้องไปขอให้หอราชาสมุนไพรปรุงยาให้ในบางครั้ง.
“คุณชายลู่,,นายน้อยตระกูลหลง,หลงเหิงเฟิงอยู่ด้านนอก,บอกว่าต้องการมาเยี่ยมเยือน.”ในเวลานั้น,เจ้าหน้าที่หอการค้า,ที่เข้ามาเอ่ยกับลู่อี้ผิง.
ตระกูลหลง,ตระกูลหว่าน,ตระกูลถาน,ตระกูลลู่ ที่มีชื่อเสียงไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน.
ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหลงเองก็ไม่ได้มีตระกูลหลักในทวีปเทพยุทธ์,ทว่าอยู่ในทวีปเทียนหลง.
“ไม่พบ.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส.
เจ้าหน้าที่หอการค้าที่ตกใจ.
ไม่พบอย่างงั้นรึ?
อย่างไรก็ตาม,เขาเองก็ทำได้เพียงแค่ตอบรับและถอยออกไป.
ที่ด้านนอกประตู,บุรุษในชุดที่โอ่อ่าสีเหลืองอ่อน,แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขาม,นายน้อยตระกูลหลง,หลงเหิงเฟิงที่ถือพัด,ด้านหลังมียอดฝีมือตระกูลหลงตามมา.
ในเวลานั้น,ห้องที่เปิดออก,เจ้าหน้าที่หอการค้าก้าวออกมา,หลงเหิงเฟิงเอ่ยถาม,“กวนซีหลิน,ตอนนี้ข้าเข้าไปได้รึยัง?”
เจ้าหน้าที่หอการค้าเอ่ยกล่าวขอโทษ“นายน้อยหลง,ขออภัยด้วย,คุณชายลู่บอกว่าไม่ต้องการพบ.”
“ไม่ต้องการพบอย่างงั้นรึ?!”หลงเหิงเฟิงที่ตะลึงงัน,“เจ้าบอกหรือไม่ว่าข้าเป็นนายน้อยตระกูลหลง?”
“บอกไปแล้ว.”เจ้าหน้าที่หอการค้าเอ่ย.
หลงเหิงเฟิงที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์,เมื่อวานนี้เขาได้รับข้อมูลเหตุการณ์จากวังเป่ยโตว,เขาก็เร่งรีบเดินทางมาทันที,คาดไม่ถึงว่าลู่อี้ผิงจะไม่ให้เขาพบ!
“ลู่อี้ผิง,โอหังจริง ๆ!”ยอดฝีมือตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้ม.
เจ้าหน้าที่หอการค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน.
เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าลู่อี้ผิงจะไม่ให้หลงเหิงเฟิงเข้าพบ.
ยอดฝีมือตระกูลหลงอีกคนที่เอ่ยกับเจ้าหน้าที่หอการค้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เจ้าไปบอกเขา,นายน้อยของพวกเราต้องการพูดคุยเรื่องตำราหมัดเทวะเพลิงทองคำ,นายน้อยของพวกเรายินดีที่จะซื้อมันด้วยกระดูกมังกรสวรรค์.”
“อะไรนะ,กระดูกมังกรสวรรค์!”เจ้าหน้าที่หอการค้าที่สะดุ้งตกใจ.
หลงเหิงเฟิงที่ส่งศิลาวิญญาณเกรดทวะให้กับเจ้าหน้าที่หอการค้า,เอ่ยออกมาว่า“บอกกับลู่อี้ผิง,พวกเราไม่จำเป็นต้องได้ฉบับจริงหมัดเทวะเพลิงทองคำก็ได้,เพียงแค่ต้องการอ่านสักครั้ง,เมื่อถึงเวลานั้น,กระดูกมังกรสวรรค์ก็จะเป็นของเขา!”
เจ้าหน้าที่หอการค้ารับศิลาวิญญาณเกรดเทวะ,ดูลังเลเล็กน้อย,จากนั้นก็ก้าวเข้าไปรายงานลู่อี้ผิง.
“กระดูกมังกรสวรรค์อย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงจ้องมองเจ้าหน้าที่หอการค้าคราหนึ่ง,ทำไมไม่รู้,กวนซีหอการค้าที่รู้สึกหวาดกลัวลู่อี้ผิงจนหัวใจสั่นไปมา.
“ไม่สนใจ.”ลู่อีผิ้งเอ่ยกล่าวอย่างไม่แยแส,เอ่ยออกมาว่า“ระหว่างประมูล,หากไม่มีคำสั่งข้า,อย่าให้ใครเข้ามารบกวน.”
ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาเล็กน้อย,ทว่ากวนซีหอการค้าที่หัวใจรัดแน่น,เร่งรีบจากไปอย่างรวดเร็ว,ก่อนจากไปเขาพบว่าทั้งหน้าผากและแผ่นหลังได้หลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมาเปียกโชกไปหมด.