Chapter 38 What origin?
什么来历?
“ผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่อี้ผิง,ไม่ได้มีเพียงหมัดเทวะเพลิงทองคำ,ทว่ายังมีแม้แต่วิชาของอาวุโสนักบุญปิศาจและอาวุโสเฒ่าแห่งกาลเวลาอีกด้วย.”หวานเฉิงเอ่ย.
“เจ้ากำลังจะบอกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาอีกฝ่ายมีทั้งหมัดคุกเทวะปรากฏการณ์สวรรค์และหมัดเทวะแห่งการเวลาอย่างงั้นรึ?!”หว่านอู๋ตี้ที่กล่าวออกมาด้วยความตกใจ.
หว่านเฉิงพยักหน้ารับ“ไม่เพียงแค่นั้น,ลู่อี้ผิงยังมีตำราหมัดคุกเทวะปรากฏการณ์สวรรค์และหมัดเทวะกาลเวลาฉบับจริงอีกด้วย! เขาได้เผยมันออกมาต่อหน้าทุกคน!”
“หงเอ๋อเอ่ยว่าตำราหมัดคุกเทวะปรากฏการณ์สวรรค์และหมัดเทวะแห่งกาลเวลานั้น,ไม่รู้ว่าทำมาจากวัตถุดิบอะไร,ไม่อาจมองเห็นเข้าไปด้านใน,นอกจากนี้ตำราทั้งสองยังแผ่กลิ่นอายความลึกล้ำออกมาอีกด้วย.”
หว่านอู๋ตี้ได้ยิน,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
“ตอนนี้คาดเดาได้ว่า,ลู่อี้ผิงนั้นได้รับสมบัติจากถ้ำที่พักอาวุโสนักบุญปิศาจและถ้ำที่พักอาวุโสเฒ่าชราแห่งกาลเวลามา!”หวานเฉินที่เอ่ยแสดงความคิดเห็น“ส่วนวิชาของตระกูลหว่านของพวกเรา,เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายได้รับสมบัติจากถ้ำที่พักของบรรพชนหรือไม่?”
หว่านอู๋ตี้ที่ดวงตาเป็นประกายเอ่ยออกมาว่า“เจ้าหมายถึง,ปู่บรรพบุรุษอย่างงั้นรึ?!”
ตระกูลหว่าน,ประมุขรุ่นสอง,หว่านอู๋จื่อ,ได้หายตัวไปในประวัติศาสตร์,เรื่องนี้ถือเป็นความลับของตระกูลหว่านเช่นกัน.
หว่านเฉิงพยักหน้ารับ.
หว่านอู๋ตี้ครุ่นคิดชั่วครู่,เอ่ยออกมาว่า“เจ้าไปพบลู่อี้ผิง,ขอให้เขามายังตระกูลหว่านของพวกเรา,ข้าต้องการพบเขา.”
ไม่ว่าอย่างไร,ก็ต้องจัดการเรื่องนี้.
เขาจะต้องนำหมัดเทวะเพลิงทองคำคืนกลับมา.
เขาต้องหาวิธีนำมาจากอีกฝ่ายให้ได้.
ว่าแต่จะใช้วิธีอะไรให้เขาคืนมา? หว่านอู๋ตี้ที่ขมวดคิ้วแน่น.
“อาณาจักรเซียนกู่ฉิน.”หว่านอู๋ตี้พูดพึมพำกับตัวเอง.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น,จักรพรรดินิจียวีและเหล่ายอดฝีมือจักรวรรดิไป่ฮัวเองก็กำลังพูดคุยเรื่องของลู่อี้ผิงเช่นกัน.
“เจ้าบอกว่า,ลู่อี้ผิง,เป็นใครมาจากใหนอย่างงั้นรึ?”จักรพรรดินิจียวีเอ่ยถาม.
“ผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่อี้ผิงนั้นเป็นยอดฝีมือเทพแท้จริงขั้นสุดท้าย,เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ใช่หลานของสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.”ยอดฝีมือจักรวรรดิไป่ฮัวที่เอ่ยอย่างลังเล,ใบหน้าหวาดหวั่น“เขาอาจจะมาจากสถานที่นั่นหรือไม่?!”
จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังพื้นที่แห่งหนึ่ง.
ในเวลานั้นยอดฝีมือมากมายที่ใบหน้าเปลี่ยนสีไปตาม ๆ กัน.
“เจ้าคิดว่า,เขามาจากดินแดนจิวเทียนอย่างงั้นรึ?!”ยอดฝีมือเทพวิญญาณอีกคนที่เอ่ยเสียงสั่น.
จิวเทียน!(เก้าสวรรค์)
ทุกคนที่กลายเป็นเงียบ.
ถึงจะเป็นจักรพรรดินิจียวีเอง,ก็วางถ้วยชาลงมือสั่นเหมือนกัน.
จิวเทียน!
ผ่านไปนานเหมือนกัน,จักรพรรดินิจียวีที่สูดหายใจลึกเอ่ยออกมาว่า“นี่ก็แค่เพียงการคาดเดา,บางทีอาจจะคาดเดาผิดก็ได้,เขาอาจจะไม่ได้มาจากจิวเทียนแต่อย่างใด.”
ทุกคนที่พยักหน้ารับ.
ขณะที่กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ เองก็กำลังปรึกษาหารือกัน,ลู่อี้ผิงอยู่ในคฤหาสน์ของสวีซิว,ในแหวนมิติของเจ้านิกายน้อย,เห่าตัน,มีกายเทพอยู่.
กายเทพสองร่าง,นับว่าเป็นกายเทพที่ใช้ได้เหมือนกัน.
ร่างแรกเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง,อีกร่างเป็นเทพแท้จริงขั้นกลาง.
ลู่อี้ผิงที่ทำการผสานทั้งสองร่างเข้ากับร่างของเหว่ยปิงและเฉินหยงหยวน,หลังจากผสานกายเทพแล้ว,ทั้งสองก็สามารถที่จะบำเพ็ญกฎเกณฑ์มหาเต๋าได้แล้ว.
จากนี้,จางจิน,เจ้าเหวิน,เหว่ยปิง,เฉินหยงหยวน ทั้งสี่คน,ต่างก็มีร่างเทพกันหมดแล้ว,เป็นยอดฝีมือเทพแท้จริง.
“ส่วนชีพจรวิญญาณระดับสูง,เจ้านำไป,กลั่นร่างกายเถอะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“ตั้งใจบ่มเพาะวิชาที่ข้ามอบให้ให้ดี,พยายามตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตเทพสวรรค์ให้ได้!”
“ขอรับ,จู่เหริน!”จางจิน,และพวกเจ้าเหวินที่คุกเข่าแสดงความเคารพ.
ในเวลานั้นลู่อี้ผิงที่สร้างก้อนแสงที่มีกฎเกณฑ์ของเทพสวรรค์,พร้อมกับส่งมันเข้าไปในดวงวิญญาณของพวกเขาทั้งสี่,ผสานเข้าไปในกายเทพของพวกเขา.
พลังแห่งกฎเทพสวรรค์,มันถูกส่งเข้าไปในร่างของทั้งสี่,พลังขอบเขตเทพสวรรค์ที่หลอมรวมยกระดับพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.
ในเวลานั้น,ที่ด้านนอก,ซ่งหนิงที่ส่งเสียงดังขึ้น“คุณชาย,ซ่งหนิงมีเรื่องรายงานต้องการเข้าพบ.”
“เข้ามา.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ซ่งหนิงที่ก้าวเข้ามา,พร้อมกับโค้งคำนับด้วยความเคารพต่อลู่อี้ผิง,เวลานี้เขาแทบไม่กล้าหายใจแรง,เอ่ยออกมาด้วยความนับถือ“คุณชาย,หอการค้าความลับสวรรค์รู้ว่าท่านจะเข้าร่วมประมูลพรุ่งนี้,ประทานซุนลี่เสวียนได้ส่งบัตรที่นั่งพิเศษมาให้,เขาเอ่ยว่ารอต้อนรับคุณชายด้วยความเคารพที่สุด!”
หลังจากกลับจากวังหลวง,อารมณ์ของซ่งหนิงแทบไม่อาจระงับเอาไว้ได้.
เขาต้องการลอบมองพวกจางจินทั้งสี่,ทว่ากับไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำ.
เพียงแค่คิดถึงระดับเทพแท้จริง,มันก็ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออกแล้ว.
ในเวลานั้น,ในงานเลี้ยงเฉลิงฉลอง,ลู่อี้ผิงสังหารประมุขน้อย,นิกายภูตหยินเห่าตัน,ก็ทำให้เขาสั่นสะท้านแล้ว,ยอดฝีมือเช่นนี้สามารถที่จะกวาดล้างนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนได้อย่างง่ายดาย.
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยว่าทำไมเหล่าบรรพชนชรานิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนถึงได้ดูเคารพและหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างที่สุด,เวลานี้เริ่มพอจะเข้าใจได้ลาง ๆ แล้ว.
ลู่อี้ผิงที่รับบัตรเชิญชั้นพิเศษของหอการค้าความลับสวรรค์มา,ส่ายหน้าไปมา“กายเทพ,ข้ามีแล้ว,พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้ประมูลอีก.”
ก่อนหน้านี้เขาต้องการเข้าร่วมประมูล,เพราะว่าต้องการกายเทพมาให้เหว่ยปิงและเฉินหยงหยวน,เวลานี้กับมีแล้ว,ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป.
ซ่งหนิงที่ตะลึง,เอ่ยอย่างระมัดระวัง“ข้าได้ยินมาว่าการประมูลพรุ่งนี้,นอกจากกายเทพแล้ว,ยังมีสมบัติหายาก,ว่ากันว่ามีการประมูลตรา,จ้าวแห่งทวยเทพยุคโบราณด้วย.”
“ตราจ้าวแห่งทวยเทพ.”ลู่อี้ผิงเผยความประหลาดใจออกมา.
“ขอรับ.”ซ่งหนิงเอ่ยด้วยความเคารพ“นอกจากตราจ้าวแห่งทวยเทพแล้ว,ยังมีสมบัติจากยุคโบราณหลายอย่าง.”
“สิ่งของจากยุคโบราณ.”ลู่อี้ผิงที่เผยความประหลาดใจ“มีอะไรบ้าง?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้.”ซ่งหนิงเอ่ย“ประธานซุนลี่เสวียนเอ่ยออกมาเท่านี้.”
ลู่อี้ผิงพยักหน้า“ตกลง,ข้ารู้แล้ว.”จากนั้นเขาก็นำชีพจรวิญญาณระดับสูงออกมา,ซึ่งถูกผนึกอยู่ในลูกแก้ว,ส่งให้กับซ่งหนิง.
ซ่งหนิงที่จ้องมองชีพจรวิญญาณระดับสูง,ก็ชงักเอ่ยออกมาปากสั่นขาสั่น“คุณชาย,นี่คือ!”
“ไม่ได้ให้เจ้า,นำมันกลับนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน.”ลู่อี้ผิงเอ่ย,“ให้เจ้านำมันให้เจ้าหนูหยางเฉิงนำไปทดแทนชีพจรเดิมที่ตำหนักบรรพชนเหล่ยฉิวเจี้ยนซะ.”
“ข้ารู้ว่าเส้นชีพจรนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนั้นได้ถดถอยลง,เกรงว่าคงจะอยู่ได้ไม่กี่ปี.”
ซ่งหนิงที่คุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้น,“ขอบคุณ,คุณชาย!”
“ซ่งหนิงขอบคุณคุณชายแทนศิษย์นิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนทุกคน.”
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองซ่งหนิงที่คุกเข่า,พลางถอนหายใจ“ในอดีตเจ้าหนูหยางตงเองก็เอ่ยเช่นเดียวกับเจ้า.”
ภายในใจซ่งหนิงที่สั่นไหว,เจ้าหนูหยางตงอย่างงั้นรึ?!
เขายากที่จะสงบใจกับคำพูดดังกล่าวได้,แม้นว่าจะไม่รู้สถานะของลู่อี้ผิง,ทว่าจากคำพูดดังกล่าว,เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นตัวตนจากโบราณที่อายุมากกว่าเทพกระบี่หยางตงอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงยังมอบศิลาวิญญาณเกรดเทวะให้กับซ่งหนิงอีกด้วย.
นับตั้งแต่รู้ว่าหยางตงอาจจะถูกฝังอยู่ในค่ายกลฝังเทพเก้าสมบูรณ์,เขาก็คิดว่านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนคงเสียหายไปไม่น้อย,ในอดีต,หากเขาสั่งสอนค่ายกลให้กับหยางตงบ้าง,เขาคงไม่ถูกขังไว้ในค่ายกลฝังเทพ,คงไม่ถูกสังเวยไปเช่นนี้,เขาอาจพอมีความหวังสามารถหาวิธีหนีออกมาได้แล้ว.
คิดถึงหลุมศพฝังเทพเก้าสัมบูรณ์,ใบหน้าของลู่อี้ผิงก็กลายเป็นเคร่งขรึมทันที.
ซ่งหนิงเห็นลู่อี้ผิงใบหน้ากลายเป็นเคร่งขรึม,ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก.