Chapter 30 The celebration started
庆典开始了
“สำนักเฟยฮัว.”ลู่อี้ผิงที่เผยความประหลาดใจ.
สำนักเฟยฮัว,เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิไป่ฮัว.
อย่างน้อยก็เหนือกว่านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนมาก,ทว่าเจ้าสำนักของสำนักเฟยฮัวนั้น,เป็นน้องสาวของจักรพรรดินิไป่ฮัว.
น้องสาวของจักรพรรดินิไป่ฮัวนั้นเข้าร่วมสำนักเฟยฮัวตั้งแต่เด็ก,บรรพชนชราสำนักเฟยฮัวได้รับนางเป็นศิษย์,ด้วยความพยายามอย่างยากลำบาก,ท้ายที่สุดก็ได้เป็นเจ้าสำนักในที่สุด.
ลู่อี้ผิงที่ได้ค้นความทรงจำของอู๋โม่และสวีซิว,รับรู้เรื่องราวของพิภพเหิงหยวนเป็นอย่างมาก,แม้นว่าจะไม่รับรู้อย่างระเอียดที่สุด,ทว่าเกี่ยวกับกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ เขาย่อมเข้าใจดี.
“ใช่,เป็นอาวุโสเข่อเจี่ยของสำนักเฟยฮัว.”ซ่งหนิงเอ่ย“ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของเจ้าสำนักหรือไม่? ตอนนี้ไม่อาจบอกได้.”
“ทว่าพวกเราได้ตรวจสอบแล้ว,เข่อเจี่ยนั้นมีความสัมพันธ์กับบรรพชนชราวังปิศาจทมิฬ,หยางซือหยวน.”
“วิหารปิศาจทมิฬ,หยางซือหยวน.”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยกล่าวพึมพำ.
ขณะที่ลู่อี้ผิงกำลังสอบถามเรื่องราวการสืบสวนสำนักอาชูร่าจากซ่งหนิง,ในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในวังหลวง,บุรุษที่สวมชุดสีขาว,สะอาด,นั่งอยู่โดยมีสาวใช้อยู่ในอ้อมกอดพลางกินผลไม้วิญญาณ,เป็นเจ้านิกายน้อยสำนักภูตหยิน,เห่าตัน.
“ลู่อี้ผิงไม่ออกจากคฤหาสน์เลยอย่างงั้นรึ?”เขาเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
ผู้ใต้บังคับบัญชาเร่งรีบเอ่ยรายงาน“ไม่เลย,นับตั้งแต่ไปหอการค้าความลับสวรรค์,กลับมาก็อยู่ในคฤหาสน์,ไม่ได้ออกไปใหนเลย”
“เจ้าคิดว่า,ลู่อี้ผิงมีพลังขอบเขตอะไร?”เห่าตันเอ่ยสอบถาม.
ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งครุ่นคิดเอ่ยออกมาว่า“ยากที่จะมองออก,แต่ร่างกายของเขาไม่มีเจิ้นหยวนไม่มีพลังภายใน,ไม่มีพลังเทวะใด ๆ.”
“ผู้ใต้บังคับบัญชา คิดว่า,เขาใช้สิ่งประดิษฐ์เทวะปกปิดพลังบ่มเพาะของตัวเองเอาไว้.”
เห่าตันที่ดูลังเลเล็กน้อย“ก่อนหน้านี้สามพันปี,ถังเซียวไป่ได้สวมผ้าคลุมแห่งความว่างเปล่า,สามารถปกปิดพลังบ่มเพาะตัวเองได้,เป็นไปได้ว่ามันคือผ้าคลุมแห่งความว่างเปล่าของถังเซียวไป่หรือไม่?”
ได้ยินคำพูดของเห่าตันเอ่ยถึงเรื่องถังเซียวไป่,ทุกคนที่ใบหน้ากระตุกเผยความประหลาดใจออกมาเช่นกัน.
ก่อนหน้านี้สามพันปี,ถังเซียวไป่มีชื่อเสียงไม่น้อย เป็นมารร้ายที่สวมเสื้อคลุมแห่งความว่างเปล่าไล่ล่าผู้คน,ไม่มีใครมองเห็นพลังบ่มเพาะของเขา,ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายตกตายในมือของเขา,แม้แต่กลุ่มอิทธิพลใหญ่หนึ่งแห่งยังล่มสลายด้วยฝีมือของเขาด้วย.
ด้วยเหตุนี้,ถังเซียวไป่จึงถูกสำนักไท่อี้ล้อมกรอบ,จึงตกตายไปในที่สุด.
ในเวลานั้น,เห่าตันที่เผยยิ้ม,เอ่ยออกมาว่า“เจ้าว่าหากข้าลงมือสังหารลู่อี้ผิงในงานฉลอง,ตาเฒ่าสวีซิวจะบ้าคลั่งหรือไม่?”
สังหารลู่อี้ผิง?!
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนตกใจ“ประมุขน้อยจะลงมือจริง ๆ รึ?”
“ลู่อี้ผิงนั้นมีตราของปิศาจเฒ่าน้ำพุเหลืองสวีซิว,ตอนนี้ยังอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของสวีซิว,เห็นชัดเจนว่าลู่อี้ผิงมีความสำคัญต่อสวีซิว,ไม่เช่นนั้นสวีซิวคงไม่มอบเหรียญตาให้กับเขา.”
“หากพวกเราสังหารเขา,สวีซิวเกรงว่าคงไม่เพียงแค่โกรธอย่างแน่นอน!”
เห่าตันแค่นเสียง,“โกรธแล้วอย่างไร,นิกายภูติหยินต้องกลัวสวีซิวด้วยรึ? ในอดีตเจ้ามารเฒ่าสังหารคนของพวกเราไปหลายร้อยคน! ข้าสังหารหลานมันตอนนี้,ถือว่าเอาคืนอย่างสาสมแล้ว!”
“หลายปีมานี้,มารเฒ่าซ่อนตัวอยู่ในสนามรบแห่งทวยเทพ,ไม่มีใครรู้ว่า อีกฝ่ายซ่อนอยู่ที่ใหน.”
“ข้าจะทำให้มารเฒ่าสวีซิวนั่นโกรธเกรี้ยว,จนมันต้องออกมา!”
“ข้าจะสังหารดื่มเลือด,เฉือนเนื้อมันมาทำกับแกล้มสุรา!”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.
ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร.
เหล่ายอดฝีมือหลายคนของนิกายภูตหยินถูกมารเฒ่าสังหารไป,เป็นธรรมดาที่เจ้านิกายน้อยต้องการแก้แค้น.
“เอาล่ะ,พวกเจ้าออกไปก่อน.”เห่าตันเอ่ย.
ขณะที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาออกไป,เขาก็คว้าสาวใช้เข้ามา,กัดคอเข้าไปในทันที.
เสียงเจ็บปวดทรมานดังก้องกังวานไปทั่ว.
ภายใต้เสียงร้องโหยหวน,ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือบ,ประมุขน้อยที่ฝึกฝนวิชาเทพมารโลหิต,จำเป็นต้องดื่มเลือดของมนุษย์เป็นประจำ,นอกจากนี้ยังต้องเป็นโลหิตสด ๆ อีกด้วย.
ในเวลาเดียวกัน,ตระกูลหว่าน,หวานหง,ที่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับลู่อี้ผิงเช่นกัน.
“ประมุขน้อย,พวกเราต้องการลงมือกับลู่อี้ผิงจริง ๆ รึ? ได้ยินมาว่าผู้คุ้มกันของเขาแข็งแกร่งมาก,อยู่ในขอบเขตเทพวิญญาณ!”ยอดฝีมือตระกูลหว่านเอ่ยสอบถาม“พวกเราควรรายงานกลับไปหาท่านประมุขก่อนหรือไม่?”
หวานหงที่ยืนมือขัดหลัง,เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“วางใจได้,ข้ารู้ตัวดีว่าทำอะไร,ถึงแม้นว่าพวกเราจะไม่ลงมือ,เห่าตันนิกายภูตหยินคงไม่ปล่อยเขาแน่.”
วังหลวงเป่ยโตว.
พรุ่งนี้,เป็นงานครอบครอบฉลองครบหนึ่งหมื่นปี,ทว่ามหาจักรพรรดิเป่ยโตว โจวติงเทียนเวลานี้กำลังขมวดคิ้วแน่น.
สถานะของลู่อี้ผิงถูกเผยออกมาทำให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมา,เจ้านิกายน้อยนิกายภูตหยินเห่าตันและประมุขน้อยหว่านหงตระกูลหว่านต่างก็เดินทางเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ด้วย.
นอกจากนี้ในเมืองหลวงหลายวันมานี้ยังปรากฏนิกายมาร หลากหลายเพิ่มขึ้นมาไม่หยุด.
คาดไว้ว่าวังหลวงคงจะเกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่.
ทว่าแม่ทัพเฉินหยวน,ที่คุกเข่าลงที่ห้องโถง,ที่หน้าผากหลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา,เพราะสถานะของลู่อี้ผิงที่เผยออกไปให้อวิ๋นไห่เทียนรับรู้นั้น ออกมาจากปากของเขา.
“ฝ่าบาท,เป็นความผิดของเฉินเอง!”เฉินหยวนที่จ้องมองเจ้าติงเทียนที่เงียบไม่เอ่ยกล่าวอะไร,ทำให้หัวใจของเขารัดตรึง,จนรู้สึกเสียวสันหลัง.
โจวติงเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ลุกขึ้นได้แล้ว.”
“งานเฉลิมฉลองพรุ่งนี้,เพิ่มทหารคุ้มกันทางเข้าออกของวังหลวงขึ้นอีก!”
เพิ่มกองกำลังทหารขึ้นอย่างงั้นรึ?
เฉินหยวนที่ตกใจ.
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าในวังหลวงเวลานี้มีทหารคุ้มกันหนึ่งล้านคน,นอกจากนี้ยังเป็นกองกำลังระดับสูงที่เป็นไม้ตายของจักรวรรดิอีกด้วย.
อย่างไรก็ตาม,โจวติงเทียนก็สั่งการเพิ่มขึ้นอีก,เขาไม่กล้ามีคำถามใด ๆ ได้แต่รับคำสั่งและถอยออกไป.
เช้าวันถัดมา.
งานเฉลิมฉลองที่เริ่มขึ้น.
เมืองหลวงที่ดูคึกคักเป็นอย่างมาก.
ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่เบียดเสียดแออัดกันในเมือง.
มีการจุดปะทัดเสียงดังกึกก้อง,นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ไฟที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าส่องสว่างหลากสีปกคลุมทั่วทั้งวังหลวง.
กล่าวได้ว่าในเมืองหลวงเวลานี้,ไม่ว่าจะเป็นถนนสายหลักสายรอง,ตรอกซอกซอยแออัดไปด้วยผู้คนจริง ๆ.
“คุณชาย,งานฉลองเริ่มแล้ว.”ลู่เผิงที่จ้องมองบนท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้า,ก็เผยยิ้มออกมาด้วยความสุข.
แน่นอนว่าเวลานี้ทั่วทั้งเมืองย่อมเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ประชาชนผู้คนทุกคนย่อมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ.
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม,ลุกขึ้นเอ่ยออกมาว่า“ไปเถอะ,ได้เวลาเดินทางแล้ว.”
ดังนั้น,ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ จึงได้เดินออกจากคฤหาสน์ขึ้นรถมุ่งตรงไปยังวังหลวง.
ลู่อี้ผิงที่นำลู่เผิงและลู่เสี่ยวยวีขึ้นรถ,นำหน้าโดยพวกจางจินทั้งสี่,มีซ่งหนิงและคนของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่ตามหลังไป.
“นั่นลู่อี้ผิง!”
บนถนน,ขณะที่ถนนแทบไม่มีช่องว่าง,ทว่าราชรถสีทองคำกับสามารถเปิดทางข้ามผ่านไปได้.
“เขาคือลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ? มีคนบอกว่าเขามีเขี้ยว,หน้าตาดุร้ายเหมือนกับปิศาจร้ายไม่ใช่รึ?”
“ได้ยินมาว่าเขามีเสื้อคลุมแห่งความว่างเปล่าปกปิดรูปลักษณ์และพลังบ่มเพาะของตัวเองเอาไว้,ร่างกายจึงไม่มีพลังภายในและเจิ้นหยวน.”
ภายในฝูงชนที่มีเสียงดังงึมงำที่นี่ด้วย.
บนราชรถ,ลู่อี้ผิงขมวดคิ้ว,เขาไปมีเขี้ยวรูปร่างเหมือนปิศาจร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เสื้อคุมแห่งความว่างเปล่าอย่างงั้นรึ? มีใครจงใจปล่อยข่าวเกี่ยวกับเขารึอย่างไร?
ในเวลานั้นวัวกระทิงมังกรเขาทองคำแค่นเสียง,ราวกับสายฟ้าดังกึกก้อง,ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หูดับ,ตื่นตะลึง,พื้นที่นับหมื่นลี้กลายเป็นเงียบไปในทันที.
ราชรถทองคำที่เคลื่อนที่ออกไปช้า ๆ.
ก่อนหน้านั้นนานแล้ว,ถนนไปยังวังหลวงอีกสาย.
ในเวลานี้,บุรุษในชุดสีขาวมาจากอีกมุมถนนกำลังเคลื่อนไหวเช่นกัน,เป็นเจ้านิกายน้อยนิกายภูตหยินนั่นเอง.