Chapter 29 Yin Ghost Sect Young Sect Lord( third)
阴鬼宗少宗主(第三更)
“หลังจากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสังหารพวกหวังซาน 77 คน,แม่ทัพเฉินหยวนได้นำกองกำลังไปจับกุม,ทว่าอีกฝายนำเหรียญตราออกมา.”
“เหรียญตราดังกล่าว,เป็นของสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง!”อวิ๋นไห่เทียนเอ่ย“นอกจากนี้คฤหาสน์ที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือ,ที่พักของสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.”
“ส่วนผู้คุ้มกันทั้งสี่นั้น,ควรจะมีขอบเขตเทพวิญญาณ!”
เหล่ายอดฝีมือตระกูลอวิ๋นได้ยินคำพูดดังกล่าว,ถึงกับสะดุ้งตกใจ.
ผู้คุ้มกันสี่คนมีระดับเทพวิญญาณ?!
สวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,ส่งยอดฝีมือเทพวิญญาณสี่คนมาปกป้องลู่อี้ผิง?!
เช่นนั้นสถานะของลู่อี้ปิงในใจของสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
“ไม่แปลใจว่ามหาจักรพรรดิจักรวรรดิเป่ยโตวโจวติงเทียนไม่จับกุมเขา!”อาวุโสตระกูลอวิ๋นคนหนึ่งที่กล่าวด้วยน้ำเสียงมืดครึ้ม,ขณะกล่าวก็จ้องมองไปยังอวิ๋นซิงหยุนคราหนึ่ง.
โชคดีทีเขาหยุดอวิ๋นซิงหยุนเอาไว้เมื่อเช้า.
ไม่เช่นนั้น,ตอนนี้,ไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น.
อวิ๋นซิงหยุนใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าลู่อี้ผิงจะเป็นหลานของสวีซิวจอมปิศาจนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.
คิดถึงสภาพของหลานชายที่ต้องตายอย่างอนาถ,ภายในใจได้แต่ต้องถอนหายใจยาว.
ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดจากอวิ๋นไห่เทียน,คนอื่น ๆ โดยเฉพาะอวิ๋นกัวหัวที่ยืนอยู่ที่มุม,ก็ซีดเซียว ร่างกายหลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา.
คิดถึงเรื่องเมื่อเช้านี้ก็ทำไห้จิตใจของเขาสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ.
โชคดีที่,คนเข้าไปขวางทางรถไม่ใช่เขา,ไม่เช่นนั้น,เกรงว่าเขาคงตายเปล่าแหงแซะ!
ในเวลาต่อมา,อวิ๋นไห่เทียนเอ่ย“ข้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว,นอกจากนี้ บัตรเชิญพิเศษสิบใบที่เขียนโดยมหาจักรพรรดิ,ยังมอบให้กับลู่อี้ผิงหนึ่งใบด้วย.”
คนของตระกูลอวิ๋นที่สั่นไปมาทันที.
อวิ๋นไห่เทียนเรียกอวิ๋นกัวหัวมา,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ตอนนี้เจ้าห้ามออกไปใหน,เดือนหน้า,งานฉลองก็ไม่ต้องเข้าร่วม.”
อวิ๋นกัวหัวที่ก้มหน้า,กล่าวตอบรับด้วยความเคารพ.
วันถัดมา.
กงจู่ไท่เหยียน,เซียวฉางเฟิง,เจิ้งเยว่ทั้งสามที่มายังคฤหาสน์ของอวิ๋นกัวหัว,อธิบายเรื่องต่อพ่อบ้าน,ทว่าพ่อบ้านของอวิ๋นกัวหัวที่ได้แต่ส่ายหน้าไปมา“อาจจะไม่ยุติธรรมกับทั้งสามอยู่,แต่นายน้อยถูกกักบริเวณ,ไม่อาจออกไปได้,และไม่อาจพบใครได้ด้วย.”
“ถูกกักบริเวณอย่างงั้นรึ?!”กงจู่ไท่เหยี่ยนที่เผยความประหลาดใจ.
“ทำไม?!”เซียวฉางเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา.
พ่อบ้านส่ายหน้าไปมา“เหตุผลพิเศษ,ไม่มีใครรู้,เป็นคำสั่งของนายท่านอวิ๋นไห่เทียน.”
“อวิ๋น,ท่านอวิ๋นไห่เทียน!”ได้ยินคำสั่งจากอวิ๋นไห่เทียนสั่งกักขังอวิ๋นกัวหัว,ทั้งสามยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่.
ท้ายที่สุด,ทั้งสามก็ได้แต่จากไปอย่างประหลาดใจ.
พวกเขาที่กลับไปยังที่พักของตัวเอง.
กงจูไท่เหยียนที่กลับมาถึงคฤหาสน์ กับถูกเรียกเข้าพบโดยบรรพชนชราราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้ไท่อู๋จี้ทันที.
“ท่านบรรพชนต้องการพบกับข้าอย่างงั้นรึ?”กงจู่ไท่เหยี่ยนถึงกับตะลึงไปเลย.
นางที่เต็มไปด้วยความสงสัยก้าวเข้าไปในสวนที่ไท่อู๋จี้อยู่.
งานเฉลิมฉลองจักรวรรดิเป่ยโตว,บรรพชนชราจักรพรรดิอู๋จี้,ไท่อู๋จี้เองก็มาเช่นกัน.
หลังจากกงจู่ไท่เหยี่ยนมาถึง,ก็พบว่าบิดาของนางไท่เห่าก็มา.
ไท่อู๋จี้เห็นกงจู่ไท่เหยียนเข้ามา,ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ไท่เหยี่ยน,เจ้านิกายซ่งหนิงพาคนมากมายมาถึงเมื่อวาน,เจ้าและคนอื่น ๆ ควรจะไปพบกับเจ้านิกายซ่งหนิง,พูดคุยกับศิษย์ของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนบ้าง.”
กงจู่ไท่เหยี่ยนที่เผยท่าทางสงสัย.
ให้นางไปเยี่ยมซ่งหนิงอย่างงั้นรึ?
แม้นว่านางจะพูดคุยกับศิษย์นิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนบ้าง,ทว่านางที่เป็นองค์หญิงราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้ด้วยสถานะแล้วไม่ได้ด้อยกว่าซ่งหนิง,ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเยี่ยมซ่งหนิงไม่ใช่รึ?
เห็นกงจู่ไท่เหยี่ยนสงสัย,ไท่อู๋จี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“เจ้านิกายซ่งหนิงตอนนี้อยู่ที่เดียวกับคุณชายลู่อี้ผิง,หลังจากที่เจ้าไป,ก็ควรจะขอคำปรึกษาวิชากระบี่กับคุณชายลู่ดู,ก็อย่างที่เจ้ารู้,คุณชายลู่อี้ผิงนั้นมากพรสวรรค์สามารถดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้.”
“ลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ?!”กงจู่ไท่เหยี่ยนที่ตะลึงไปเหมือนกัน.
นางพอจะรับรู้ความตั้งใจของบรรพชนชราไท่อู๋จี้ได้,แท้จริงแล้วการให้นางไปเยี่ยมเยือนซ่งหนิง,ที่จริงต้องการให้นางติดต่อกับลู่อี้ผิง?
ทว่า,ทำไม?
“เหลาจู่จง(บรรพชนชรา),ลู่อี้ผิงเป็นใครอย่างงั้นรึ?”กงจู่ไท่เหยี่ยนที่เผยความประหลาดใจออกมา.
ไท่อู๋จี้พยักหน้ารับ,เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ใช่,พวกเราเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่า,ลู่อี้ผิงผู้นี้ก็คือลูกหลานของสวีซิวบรรพชนชรานิกายปิศาจน้ำพุเหลือง!”
“อะไรนะ,นิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,บรรพชนชราสวีซิว!”กงจู่ไท่เหยี่ยนที่ชงักไปในทันที.
เป็นแบบนี้นะเอง,ลู่อี้ผิงผู้นี้,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลูกหลานของสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.
จากนั้น..
ทันใดนั้น,นางก็คิดถึงเรื่องของอวิ๋นกัวหัว.
เป็นแบบนี้นะเอง.
เป็นเช่นนี้นะเอง!
ไท่อู๋จี้เห็นท่าทางของกงจู่ไท่เหยียน,แม้นว่าจะรู้สึกแปลก ๆ,แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร,จึงเอ่ยต่อ“สถานะของลู่อี้ผิงค่อย ๆ เผยออกมาช้า ๆ,เป็นไปได้ว่าซ่างฉางเฟิงและจางเยว่คงจะรู้กันแล้ว.”
ทว่าในเวลานั้น,คนของตระกูลเซียวได้ทำการหยุดความบ้าคลั่งของเซียวฉางเฟิงเอาไว้,แม้แต่นั่งผวาไปตาม ๆ กัน.
......
คฤหาสน์สวีซิว.
ลู่อี้ผิงที่ยืนอยู่ที่ลาน,ในมือนั้นมีดาบใหญ่เล่มหนึ่ง.
ดาบมีความยาวหนึ่งจั้ง(3.33ม.) คมดาบเป็นสีน้ำเงิน,แผ่แสงสว่างเจิดจรัสกระจายทั่วลาน.
ดาบเล่มนี้,ในอดีตเป็นดาบของจ้าวแห่งทวยเทพนั่นเอง.
หลังจากที่จ้าวแห่งทวยเทพล่วงหล่นตกตายไป,เขาก็ได้ค้นพบมันในสนามรบแห่งทวยเทพ.
ในอดีตนั้นเขาพบดาบเล่มนี้,บนดาบนั้นเต็มไปด้วยโลหิตสีม่วง.
“จูเหริน,บรรพชนตระกูลเซียวมาคุกเข่าอยู่ด้านนอก,เขานำเซียวฉางเฟิงมาด้วย,นอกจากนี้เซียวฉางเฟิงยังถูกทำลายพลังบ่มเพาะไปแล้วด้วย,ตอนนี้กำลังกล่าวขออภัยต่อนายท่าน.”จางจินเข้ามา,เอ่ยกล่าวต่อลู่อี้ผิงด้วยความเคารพ.
“ให้เขาไปซะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาเล็กน้อย“บอกเขา,ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมาคุกเข่าหน้าคฤหาสน์.”
“จากนี้หากใครต้องการพบข้า,บอกว่าข้าไม่ต้องการพบ,อย่าให้ใครมารบกวนข้าอีก.”
จางจินทำความเคารพและถอยออกไป.
หลังจากจางจินจากไป,ลู่อี้ผิงก็เก็บดาบจ้าวแห่งทวยเทพเข้าสู่หม้อจักรวาล,และเริ่มบ่มเพาะวิชาลับอมตะต่อ.
แม้นว่าวิชาอมตะจะมาถึงขั้นสุดท้าย,ทว่าก็อยู่ในขั้น 49 เท่านั้น,ยังไม่ถือว่าสำเร็จแต่อย่างใด.
มีห้าสิบขั้นอย่างงั้นรึ?
ไม่อาจบอกได้,เพราะว่าแผ่นหยกแห่งโชควาสนาซึ่งยังไม่สมบูรณ์นั้น,ไม่ได้บอกว่ามีเพียงแค่ห้าสิบขั้นแต่อย่างใด.
หลายวันมานี้,ลู่อี้ผิงที่อยู่ในลานส่วนตัวไม่ออกไปใหน,บ่มเพาะวิชาอมตะตระหนักรู้มหาเต๋า.
ไม่นานหลังจากนั้น,ก็สิ้นเดือนในที่สุด.
พรุ่งนี้,เป็นวันเฉลิมฉลองของจักรวรรดิเป่ยโตว.
ลู่อี้ผิงที่ก้าวออกมาจากลาน,พบว่าซ่งหนิงเวลานี้ได้ตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตมหาจักรพรรดิแล้ว,ส่วนลู่เผิงและลู่เสี่ยวยวี,ก็ยกระดับได้อย่างน่าอัศจรรย์,ลู่เผิงมีระดับโอสถทองคำขั้นเจ็ด,ส่วนลู่เสี่ยวยวีนั้นอยู่ในระดับเหนือธรรมชาติขั้นที่ห้าแล้ว.
“ทำได้ดี.”ลู่อี้ผิงเอ่ยกับซ่งหนิง.
ซ่งหนิงที่อยู่ด้านหน้าลู่อี้ผิง,เผยท่าทางนอบน้อมเป็นอย่างมาก,เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“หากไม่มีคุณชาย,ก็ไม่รู้เลยว่าจะตัดผ่านระดับเมื่อไหร่”เอ่ยจบก็หยุดและเอ่ยออกมาว่า“คุณชาย,ได้ยินมาว่าเจ้านิกายน้อยนิกายภูตหยินมาด้วยพรุ่งนี้,พวกเขาเองก็ได้รับเชิญเข้าร่วมงานงานเฉลิมฉลองครั้งนี้.”
“นอกจากนี้ยังมีนายน้อยตระกูลหว่านด้วย.”
ลู่อี้ผิงที่พยักหน้ารับรู้.
นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองละนิกายภูตหยินนั้น,แม้นว่าจะเป็นนิกายที่แปลกประหลาด,ทว่าก็เปรียบเหมือนกับน้ำกับไฟ,ไม่เป็นมิตรต่อกัน,ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่,โดยเฉพาะบรรพชนชราสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลืองที่ได้สังหารคนของนิกายภูตหยินไปเป็นจำนวนมาก.
ส่วนตระกูลหว่านเอง,สวีซิวก็มีความแค้นมากมายนับไม่ถ้วนกับพวกเขา.
“เรื่องสำนักอาชูร่าที่ให้ไปตรวจสอบได้ความอย่างไร?”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
“ไม่อาจยืนยันได้,ทว่ามีร่องรอยเล็กน้อย.”ซ่งหนิงเอ่ยรายงาน“เจ้าสำนักอาชูร่านั้นถูกอาวุโสนิกายเฟยฮัวสังหาร.”