Chapter 27 He called Lu Yiping
他叫路一平
ราชรถทองคำที่สะท้อนแสงตะวันดูเจิดจรัสจับตาเป็นอย่างมาก.
เซียวฉางเฟิง,กงจู่ไท่เหยี่ยน,เจิ้งเยว่และคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นราชรถที่ลากโดยวัวทองคำ.
การที่มาพบลู่อี้ผิงที่จักรวรรดิเป่ยโตวนั้นทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก.
“เป็นเจ้า!”เซียวฉางเฟิงที่เห็นลู่อี้ผิง,ทันใดนั้น,แววตากลายเป็นเย็นชา,ซึ่งแตกต่างจากกงจู่ไท่เหยี่ยนและเจิ้งเยว่ที่ดูอัศจรรย์ใจเท่านั้น.
เหล่ายอดฝีมือของเซียวฉางเฟิงเองก็จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ดีในเมืองหลวงไม่อนุญาตให้ต่อสู้กัน,ดังนั้นผู้ฝึกตนตระกูลเซียวจึงไม่มีใครกล้าลงมือแต่อย่างใด.
เพราะว่าเมื่อวานมีเรื่องสำนักกระดูกขาว,ดังนั้นราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้,คนของตระกูลเซียวและตระกูลเจิ้งจึงยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักกระดูกขาว.
ในเวลานั้น,กงจู่ไท่เหยี่ยนที่ก้าวไปด้านหน้าเอ่ยกับลู่อี้ผิง“ไม่คิดว่าจะพบกับคุณชายลู่ที่นี่,คุณชายลู่มาเข้าร่วมงานฉลองจักรวรรดิเป่ยโตวอย่างงั้นรึ?”
เซียวฉางเฟิงได้ยินดังกล่าว,ก็แค่นเสียงเผยยิ้มออกมา“งานฉลองจักรวรรดิเป่ยโตว,คนที่จะเข้าร่วมงานฉลองอย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือขอบเขตที่เหนือกว่าดินแดนโอสถทองคำเท่านั้น!”
แน่นอนว่าจักรวรรดิเป่ยโตวนั้นได้เชิญยอดฝีมือมากมาย,ยอดฝีมือทุกคนที่ได้รับเลือกสิบคนเข้าสู่ตำหนัก,นอกจากนี้คนที่เข้าร่วมงานอย่างต่ำก็ต้องมีพลังสูงกว่าขอบเขตโอสถทองคำ.
ทว่าเซียวฉางเฟิงนั้น,เพิ่งตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตโอสภทองคำ,ทว่าการที่มาครั้งนี้เพราะว่าเป็นตัวแทนของบิดาของเขา.
“โอสถทองคำอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
จางจิน,เจ้าเหวิน,เหว่ยปิง,เฉิงหยงหยวนที่เผยยิ้มออกมา.
แม้แต่ลู่อี้ผิงก็ส่ายหน้าไปมา,เขาไม่มีเจิ้นหยวน,ไม่มีพลังภายใน,ไม่มีพลังเทวะ,ทำให้เซียวฉางเฟิงและคนอื่น ๆ คิดว่าเขาเป็นปุถุชนทั่วไป.
อย่าว่าแต่เซียวฉางเฟิง,โจวติงเทียน,แม้แต่หว่านอู๋ตี้จ้าวทวีปเทพยุทธ์,แม้แต่บุคคลอันดับหนึ่งพิภพเหิงหยวน,ผู้ก่อตั้งสำนักไท่อี้,เจียงยวี,ที่แข็งแกร่งที่สุด,ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา.
เซียวฉางเฟิงที่เห็นวัวกระทิงมังกร,จางจินและคนอื่น ๆ หัวเราะ,ใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้มเย็นชา.
ในเวลานั้น,ที่ไกลออกไปปรากฏคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น.
“กงจู่ไท่เหยี่ยน.”ผู้เยาว์คนหนึ่งที่เห็นกงจู่ไท่เหยี่ยน,ก็เผยความตื่นเต้นดีใจ.
กงจู่ไท่เหยี่ยนที่เห็นคนที่ก้าวเข้ามา,ก็เผยท่าทางประหลาดใจ,พร้อมกับเผยยิ้มหวานออกมา“เป็นนายน้อยอวิ๋นกัวหัวนี่เอง.”
เซียวฉางเฟิง,เจิ้งเยว่,ที่ได้ยินต่างก็ตกใจ.
อวิ๋นกัวหัว?
ทายาทสายตรงของอวิ๋นไห่เทียนตระกูลอวิ๋น.
แม้นว่าจะยังหนุ่ม,ทว่าก็มีอายุมากกว่าพวกเขาไม่กี่ปี,แต่กับเป็นยอดฝีมือขอบเขตปล้นเต๋าแล้ว! พรสวรรค์ของอีกฝ่ายนับว่าเป็นผู้เยาว์ที่มากพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลอวิ๋น,นอกจากนี้ก็นับว่าเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในจักรวรรดิเป่ยโตว.
“ผู้น้อย,เซียวฉางเฟิง,เจิ้งเยว่ตระกูลเซียวและตระกูลเย่,ราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้,คารวะนายน้อยอวิ๋นกัวหัว.”เซียวฉางเฟิงและเจิ้งเยว่ที่เร่งรีบเอ่ยกล่าวทักทาย.
อวิ๋นกัวหัวที่พยักหน้าให้กับสองคนเล็กน้อย,ก่อนที่จะเดินไปด้านหน้ากงจู่ไท่เหยียน,เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“กงจู่ไท่เหยี่ยนมาถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่รึ?”
กงจู่ไท่เหยียนที่เผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“พวกเราเพิ่งมาถึงวันนี้.”
ลู่อี้ผิงหาได้สนใจคนของราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้แต่อย่างใด,เอ่ยต่อวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ“ไปเถอะ,ไปยังหอการค้าความลับสวรรค์.”
หอการค้าความลับสวรรค์แม้นว่าจะมีข้อมูลสิ่งของที่เขาต้องการ,ทว่าเขาเองก็ต้องการสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างด้วยเช่นกัน.
ดังนั้นจึงเดินทางไปยังหอการค้าความลับสวรรค์ด้วยตัวเอง.
กงจูไท่เหยี่ยนที่เห็นลู่อี้ผิงกำลังจากไป,ก็เอ่ยปากออกมาในทันที“คุณชายลุ่,กระบี่เพลิงชาติ,ไม่รู้ว่า จะให้ข้าได้ยลสักหน่อยได้หรือไม่?”
กระบี่เพลิงชาติรึ?
อวิ๋นกัวหัวและเหล่ายอดฝีมือตระกูลอวิ๋นที่จ้องมองไปยังลู่อี้ผิง.
ลู่อี้ผิงที่หาได้สนใจ.
ราชรถที่เคลื่อนที่ต่อไปด้านหน้า.
กงจู่ไท่เหยี่ยนที่เห็นลู่อี้ผิงไม่สนใจ,ถึงกับตะลึงไปเลย.
ในเวลานั้น,ยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นคนหนึ่งที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว,จากนั้นก็ขวางราชรถทองคำ,แววตาที่จ้องมองลู่อี้ผิง“กระบี่เพลิงชาติของหยางตง,อยู่กับเจ้าอย่างงั้นรึ?”
“กระบี่เพลิงชาติ,เจ้าดึงออกมาอย่างงั้นรึ?”
กระบี่เพลิงชาติของเทพกระบี่หยางตงถูกดึงออกมาเดือนที่แล้ว,ข่าวได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว,ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งทวีปเทพยุทธ์ต่างก็สนใจเรื่องดังกล่าว,ทุกคนต่างก็เผยความประหลาดใจเป็นอย่างมากต้องการรู้เป็นอย่างมากว่าเป็นผู้ใดที่ดึงมันออกมาได้..
ลู๋อี้ผิงที่จ้องมองยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นที่ขวางทาง,เอ่ยอย่างไม่แยแส,“ไสหัวไปให้พ้น.”
กงจู่ไท่อวิ๋น,อวิ๋นกัวหัว,เซียวฉางเฟิง,เจิ้งยว่และคนอื่น ๆ ที่อดตกใจไม่ได้เหมือนกัน.
เซียวฉางเฟิงที่แค่นเสียง.
เจ้าคนแซ่ลู่,แส่หัวความตายเองสินะ.
ต่อหน้าคนของตระกูลอวิ๋นกับแสดงท่าทางอหังการเช่นนั้นออกมา.
หยินกัวหัวที่มาพร้อมกับยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นพวกเขาต่างก็เป็นทายาทสายตรงเป็นคนสำคัญของตระกูลอวิ๋นด้วยเช่นกัน,คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนและเอาใจใส่เป็นอย่างมาก,มีสถานะที่สูงกว่าคนของตระกูลอื่นจะเทียบได้.
ยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นที่หรี่ตาจ้องมอง,เห็นชัดเจนว่าไม่คาดคิดว่า ลู่อี้ผิงจะกล้าเอ่ยไสหัวไปกับตัวเอง.
ใบหน้าของเขาที่กลายเป็นเคร่งขรึมเอ่ยออกมาว่า“เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรอย่างงั้นรึ?”เขาจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความเย็นชา“เจ้าหนู,เจ้ารู้ใหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เขาจะเอ่ยอะไรออกไป,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เตะออกไปทันที,ยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นไม่ได้ตอบสนอง,ถูกเตะกระเด็นลอยออกไปทันที.
ทุกคนที่จับจ้องมอง ชงักงัน,พบว่ายอดฝีมือตระกูลอวิ๋นคนดังกล่าวหายลับไปบนขอบฟ้าไกลแล้ว.
“ทำเป็นยิ่งใหญ่,ที่แท้ก็สวะนี่เอง.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ดึงขาหน้ากลับมา.
ทุกคนที่ตกใจ,ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย,หลังจากจ้องมองรอคอยไปนานเหมือนกัน,แต่ยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นกับไม่มีทีท่าว่าจะหล่นกลับลงมาเลยแม้แต่น้อย.
เซียวฉางเฟิง,เจิ้งเยว่และคนอื่น ๆ ที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.
ยอดฝีมือคนดังกล่าวเป็นทายานตรงตระกูลอวิ๋นเช่นกัน,กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่าอวิ๋นกัวหัวแม้แต่น้อย,เป็นยอดฝีมือขอบเขตปล้นเต๋า.
บรรยากาศที่กลายเป็นเงียบทันที!
ทุกคนที่เงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป,ราชรถที่เคลื่อนที่ออกไปช้า ๆ.
ดวงตาของอวิ๋นกัวหัวที่กลายเป็นเย็นชาเป็นอย่างมาก,หมัดที่กำแน่น,ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้ออกไปขวางแต่อย่างใด.
“หากยังมีครั้งหน้าอีก,นั่นคือชะตาที่เจ้าจะได้รับ!”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยเสียงเบา ๆ ดังออกมา.
ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนักตกใจ.
ไม่รู้ว่าลู่อี้ผิงเอ่ยกล่าวกับผู้ใด.
กงจู่ไท่เหยี่ยนรู้สึกหัวใจหนักอึ้งขึ้นมา.
คำพูดนั่น,ไม่ใช่ว่าเอ่ยกับนางหรอกรึ?
ก่อนหน้านี้,อวิ๋นกัวหัวมาถึง,นางกับเอ่ยกล่าวว่าต้องการดูกระบี่เพลิงชาติของลู่อี้ผิง,คล้ายกับว่ามีจุดประสงค์ที่มีเจตนาร้ายแฝงอยู่ด้วย.
กงจู่ไท่เหยียนจ้องมองราชรถที่วิ่งออกไปไกลแล้ว,ดวงตาของนางเป็นประกาย,แทบไม่เคยเชื่อมาก่อน,ลู่อี้ผิงนั้นเป็นปุถุชนทั่วไป,น่าเสียดาย,ที่ไม่เห็นอีกฝ่ายลงมือด้วยตัวเอง.
วัวตนนั้น,ความแข็งแกร่งเองก็มากมายเหนือจินตนาการ.
อย่างไรก็ตาม,ข่าวเรื่องกระบี่เพลิงชาติ,ได้แพร่ออกไปแล้ว,นางไม่เชื่อว่าลู่อี้ผิงจะอยู่เฉยไม่ลงมือได้.
หลังจากที่ลู่อี้ผิงผ่านไปนานแล้ว,ยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นท้ายที่สุดก็ล่วงหล่นลงมาจากอากาศ,กระแทกเข้ากับกำแพงเมืองเสียงดังสนั่นทำให้ทุกคนตกใจ,เหล่าทหารที่เร่งรีบไปตรวจสอบทันที.
ขณะที่อวิ๋นหัวหัวมาถึงยืนอยู่ต่อหน้าศพของทายาทสายตรงคนดังกล่าว,พวกเขาบอกได้ว่านี่คือศพที่ถูกเตะลอยกระเด็นออกไปก่อนหน้านี้.
ในเวลานั้นอาวุโสสูงสุดตระกูลอวิ๋นก็มาถึงจ้องมองเห็นศพหลานตัวเอง,เขาที่แทบระงับจิตสังหารเอาไว้ไม่อยู่,พร้อมกับกัดฟันแน่น“ใครทำ?!”
“เขามีชื่อว่าลู่อี้ผิง!”หยุนกัวหัวเร่งรีบเอ่ย“เป็นคนที่ดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้.”
เหล่าคนตระกูลอวิ๋นต่างก็เผยท่าทางตกใจไปตาม ๆ กัน.
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใหน?”อวิ๋นซิงหยุนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
“เขากำลังไปหอการค้าความลับสวรรค์,ตอนนี้ควรที่จะอยู่ที่หอการค้าความลับสวรรค์!”อวิ๋นกัวหัวเอ่ย.