Chapter 26 Awaits respectfully your honorable self
恭候大驾
เมื่อวานแม่ทัพจักรวรรดิเป่ยโตวต้องการจะจับลู่อี้ผิงและพวกอยู่เลย,ทว่าตอนนี้กับมาขอพบลู่อี้ผิง,นับว่าเป็นเรื่องชวนยิ้มอยู่เหมือนกัน.
“ผู้น้อยแม่ทัพจักรวรรดิเฉินหยวน,คารวะคุณชายลู่.”เฉินหยวนยกมือผสานกำปั้นเอ่ยกับลู่อี้ผิง.
เหนือแม่ทัพ,คือแม่ทัพใหญ่.
อย่างไรก็ตาม,คนที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่จะต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพวิญญาณเท่านั้น.
เฉินหยวนเวลานี้เป็นเพียงระดับมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ด.
แน่นอนยอดฝีมือขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นที่เจ็ด,ในจักรวรรดิเป่ยโตว,ก็นับว่าเป็นคนที่สำคัญเช่นกัน.
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,จากนั้นก็นั่งยกน้ำชาขึ้นจิบ“มีอะไรอย่างงั้นรึ?”ไม่ได้สนใจเชิญอีกฝ่ายนั่งแต่อย่างใด.
เฉินหยวนที่ขมวดคิ้ว,ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก,เอ่ยออกมาว่า“ข้าได้รับมอบหมายจากเหนือหัวมาเชิญคุณชายลู่เข้าร่วมงานฉลอง.”จากนั้นเขาก็นำบัตรเชิญสีทองออกมา.
ซ่งหนิงที่ก้าวออกไปรับบัตรเชิญ,ก่อนส่งให้กับลู่อี้ผิง.
เฉินหยวนที่เผยยิ้ม“บัตรเชิญที่ฝ่าบาทเขียนด้วยตัวเอง,ในงานฉลองนี้มีเพียงแค่สิบคนเท่านั้น,คุณชายลู่เป็นหนึ่งในนั้น.”
ด้วยกลัวไม่รู้ว่าลู่อี้ผิงจะไม่รู้ความสำคัญ จึงเอ่ยเพิ่มขึ้นมาว่า“อีกใบก็เป็นของอวิ๋นไห่เทียน.”
“จักรพรรดินิไป๋ฮัว!”
ได้ยินสองชื่อ,ซ่งหนิงรู้สึกร่างโยกคลอนไปมา,เอ่ยด้วยความประหลาดใจ“อวิ๋นไห่เทียน! จักรพรรดินิไป่ฮัว!”
อวิ๋นไห่เทียน!
จักรพรรดินิไป๋ฮัว.
คนทั้งสอง,ไม่ต้องเอ่ยว่าเพิ่งมีชื่อเสีงเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว,นับว่าเป็นคนที่เป็นที่รู้จักกันทั่วทวีปเทพยุทธ์.
สำหรับกลุ่มอิทธิพลในทวีปเทพยุทธ์,แน่นอนว่าย่อมต้องได้ยินชื่อทั้งสองอย่างไม่ต้องสงสัย.
“อวิ๋นไห่เทียน,จักรพรรดินิไป๋ฮัว.”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยเผยท่าทางไร้อารมณ์.
แม้นว่าเขาจะเพิ่งออกจากสันโดษ,เพียงแค่หนึ่งเดือน,ทว่าก็พอได้ยินชื่อของทั้งสองมาบ้าง.
อวิ๋นไห่เทียน,ร่างกายาแฝดนักบุญ,ฝึกฝนเต๋าแห่งกระบี่และเต๋าแห่งกู่ฉิน,ซ้ำยังอยู่ในระดับสูงมาก,เป็นประมุขน้อยตระกูลอวิ๋นซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของทวีปเทพยุทธ์.
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีระดับเทพวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดของทวีปเทพยุทธ์.
ส่วนจักรพรรดินิไป๋ฮัว,นางก็คือจักรพรรดินิของจักรพรรดิไป๋ฮัวนั่นเอง.
ในทวีปเทพยุทธ์มีจักรพรรดิหลายร้อยแห่ง,ทว่าจักรวรรดิไป่ฮัว,เป็นหนึ่งในสิบจักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุด.
จักรพรรดินิไป่ฮัว,ไม่เพียงแค่สวย,ทว่ายังโสดอีกด้วย,เหมือนกับมหาจักรพรรดิโจวติงเทียนจักรวรรดิเป่ยโตว,ทั้งสองต่างก็ก่อตั้งประเทศของตัวเอง,ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นที่สืบทอดตำแหน่งมาจากบิดา.
“ใช่แล้ว,เป็นนายน้อยหยวนไห่เทียนและจักพรรรดินิไป่ฮัว.”เฉินหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงทีเอ่ยสอบถาม,“มหาจักรพรรดิของเจ้ามีสุดยอดกายเทพหรือไม่?”
เฉินหยวนที่ตะลึงงันไปเลย,เห็นชัดเจนว่าเขาไม่คาดคิดว่าลู่อี้ผิงจะเอ่ยสอบถามเช่นนั้นออกมา.
สุดยอดกายาเทพอย่างงั้นรึ?
“อืม,เอาล่ะ,เจ้ากลับไปบอกมหาจักพรรดิของเจ้า,ถึงเวลาข้าจะไปอย่างแน่นอน.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
เฉินหยวนที่เผยยิ้ม“เช่นนั้นพวกเราจะรอต้อนรับคุณชายลู่ก็แล้วกัน.”จากนั้นเขาก็เอ่ยลาจากไป.
หลังจากเฉินหยวนจากไป,ซ่งหนิงที่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“คุณชาย,ไม่คาดคิดเลยว่ามหาจักรพรรดิจักรวรรดิเป่ยโตวจะเขียนบัตรเชิญ,ให้แม่ทัพเฉินหยวนมาส่งให้ท่านด้วยตัวเอง.”
ดูเหมือนว่าจะได้รับเกียรติ อย่างที่สุด.
ถึงจะมียอดฝีมือระดับเทพวิญญาณอีกไม่น้อยแต่กับไม่ได้รับเกียรติขนาดนั้น.
แม้นว่านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนจะได้รับบัตรเชิญเข้าร่วม,ทว่าบัตรเชิญของเขาและลู่อี้ผิงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง,เพราะมันเป็นบัตรเชิญที่ถูกเชิญจากคนที่แตกต่างกันนั่นเอง.
ลู๋อี้ผิงที่เปิดดูบัตรเชิญ,เห็นเพียงอักขระไม่กี่ตัว,ทว่ามีกลิ่นอายของมังกรเหินและฟินิกซ์ร่ายรำ,แผ่ความอหังการ,แผดแรงกดดันของจักรพรรดิผู้ปกครองออกมา.
“ตัวอักษรที่มีความรู้แค่หางอึ่ง.”ลู่อี้ผิงเหลือบมองเล็กน้อย.
แม้นว่าจักรวรรดิเป่ยโตวจะก่อตั้งไม่นาน,เพียงแค่หนึ่งหมื่นปี,แต่ก็เป็นจักรวรรดิอันดับหนึ่งของทวีปเทพยุทธ์,เห็นชัดเจนว่าโจวติงเทียนไม่ธรรมดา.
อวิ๋นไห่เทียนและจักรพรรดินิไป่ฮัว,แม้นว่าจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในทวีปเทพยุทธ์,ทว่าก็ยังด้อยกว่าโจวติงเทียนนั่นเองง
เกี่ยวกับโจวติงเทียน,เขามีตำนานอยู่มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย.
อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงรู้ดี,โจวติงเทียนเชิญเขา,ไม่ได้ให้เกียรติเท่ากับอวิ๋นไห่เทียนและจักรพรรดินิไป่ฮัว,แต่เป็นเพราะสวีซิวนิกายปิศาจน้ำพุเหลืองต่างหาก.
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือศิษย์หรือลูกหลานของสวีซิวอย่างไม่ต้องสงสัย.
ซ่งหนิงได้ยินลู่อี้ผิงเอ่ยว่าตัวอักษรของมหาจักรพรรดิโจวติงเทียนที่มีความรู่แค่หางอึ่ง,ก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างเหมือนกัน.
เขาที่ลอบมอง,ดูอักษรในบัติเชิญเหมือนกัน,กลิ่นอายของอักษรที่ดูน่าเกรงขาม,เปี่ยมล้นด้วยปราณกระบี่ที่จะทะยานท้องฟ้า.
เห็นชัดเจนว่าเพียงแค่สิบอักษรกับเปี่ยมล้นด้วยเต๋าแห่งกระบี่ที่ร้ายกาจ.
ซ่งหนิงที่กลืนน้ำลายคำโต.
นี่คือ,อักษรที่มีความรู้เท่าหางอึ่งอย่างงั้นรึ?
หลังจากนั้น,ซ่งหนิงที่ทำความเคารพลู่อี้ผิงและถอยออกไป,เขาที่อดไม่ไหวรอที่จะหลอมกลั่นเม็ดยาทองคำเทพวิญญาณไม่ไหวเหมือนกัน.
เวลานี้เขามีระดับขอบเขตจักรพรรดิโบราณขั้นที่สิบ,นอกจากนี้ยังอยู่ขั้นสิบสุดท้ายมาหลายปีแล้ว,ด้วยเม็ดยาทองคำเทพวิญญาณ,จะทำให้เขาตัดผ่านไปยังระดับมหาจักรพรรดิ,หรืออย่างแย่ที่สุดก็ทำให้เขาแตะขอบประตูได้ก็ยังดี.
ขณะซ่งหนิงเข้าปิดด่านในห้อง,ลู่อี้ผิงได้ออกไปหาลู่เผิงและลู่เสี่ยวยวีในสวนด้านหลัง.
ลู่เผิงและลู่เสี่ยวยวีทั้งสองที่ฝึกฝนวิชากระบี่อาชูราอย่างตั้งใจ.
ปราณกระบี่มากมายที่พวยพุ่งปกคลุมท้องฟ้า.
อย่างไรก็ตาม,ลมปราณกระบี่ก็หมุนวนโคจรอยู่เพียงในสวน,ไม่เล็ดรอดไปยังพื้นที่อื่น ๆ แต่อย่างใด.
เทียบกับเดือนก่อนแล้ว,เมื่อลู่อี้ผิงพบกับพวกเขา,ทักษะกระบี่ที่ยกระดับขึ้นมาหลายเท่า.
เห็นชัดเจนว่า,ตลอดเดือนนี้,ทั้งสองตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างมาก.
“คุณชาย.”ลู่เผิง,ลู่เซียวยวีทั้งสองที่จ้องมองลู่อี้ผิง,ก่อนที่จะหยุดฝึก,และก้าวเข้ามาหาเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ
“เพลงกระบี่อาชูร่าฝึกฝนได้ดี.ลู่อี้ผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
ลู่เผิงที่เกาศีรษะไปมา,เอ่ยด้วยความขัดเขิน“ข้าโง่จนเกินไป,กระบวนท่ากระบี่ที่ 20 นั้น,จึงไม่อาจฝึกฝนต่อไปได้.”
ลู่อี้ผิงที่ส่ายหน้าไปมา“ไม่ใช่ว่าเจ้าโง่หรอก,กระบวนท่าที่ยี่สิบขึ้นไปนั้น,จะต้องมีเจิ้นหยวนที่ลึกล้ำกว่านี้,ขอบเขตพลังเจ้าต่ำเกินไป.”เอ่ยเสร็จ,เขาก็นำเม็ดยาสีทองเทพแท้จริงที่หลอมขึ้นมาจากร่างของสวีซิวออกมา,ส่งมันให้กับทั้งสอง.
เม็ดยาทองคำเทพแท้จริง,ที่ถูกส่งเข้าไปในร่างพวกเขาทั้งสองทันที,มันได้ตรงลอยออกไปอยู่ในจุนตานเถียนของพวกเขา.
“มันคือเม็ดยาทองคำเทพแท้จริง,ตอนนี้มันได้ผสานเข้าไปในจุนตานเถียนของพวกเจ้า,หลังจากพวกเจ้าบ่มเพาะมันจะค่อย ๆ สลายและผสานเข้ากับจุนตานเถียนพวกเจ้าช้า ๆ,เปลี่ยนเป็นเจิ้นหยวนของพวกเจ้า,ช่วยยกระดับพวกเจ้าได้เร็วขึ้น.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
“เป็นเม็ดยาทองคำเทพแท้จริง จริง ๆด้วย!”ลู่เผิงและลู่เสวียนหยีที่ตื่นตระหนกตกใจ,แทบไม่อยากเชื่อ.
เป็น,เทพแท้จริง.
เมื่อครั้งที่สำนักอาชูร่าถูกทำลาย,จ้เาสำนักนั้นมีระดับจักรพรรดิโบราณเท่านั้น,ตัวตนระดับเทพแท้จริงนั้น,พวกเขาย่อมไม่เคยฝันถึงมาก่อน.
“เอาล่ะไปบ่มเพาะซะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“หลังจากนี้ก็สร้างสำนักอาชูร่าขึ้นมาใหม่.”
ต้องไม่ลืมว่าสำนักอาชูร่านั้นเป็นสหายของเขาที่ก่อตั้งขึ้นมา,เขาย่อมไม่หวังให้สำนักอาชูร่าต้องจบลงเช่นนี้.
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ!”ลู่เผิงและลู่เสี่ยวหยวี,ที่ก้มคำนับให้กับลู่อี้ผิงด้วยความซาบซึ้ง.
ลู่อี้ผิงที่ให้ทั้งสองลุกขึ้น,ไม่รบกวนการฝึกฝนของทั้งสอง,ก่อนก้าวออกจากสวนไป.
หลังจากออกจากสวนแล้ว,ลู่อี้ผิงก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำออกจากคฤหาสนาไปพร้อมกับพวกจางจิน.
หลังจากที่ออกจากคฤหาสน์ในเวลานั้นบังเอิญพบเข้ากับยอดฝีมือตระกูลเซียว,ตระกูลเจิ้งของราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้.
เซียวฉางเฟิง,กงจู่ไท่เหยี่ยน,เจิ้งเยวีสามคนที่นั่งอยู่บนสัตว์ขี่,ก้าวเดินเคียงค้าง,พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน.