Chapter 25 Good Fortune Jade Disc
造化玉碟
ในพื้นที่เมืองหลวงจักรวรรดิเป่ยโตวนั้น,พื้นที่แต่ละนิ้วนั้นมีมูลค่าสูงเป็นอย่างมาก,ถึงจะเป็นร้านค้าเล็ก ๆ,ก็แพงสุด ๆ,โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง,แต่ที่นี่กับมีพื้นที่หลายร้อยหมู่.
คฤหาสน์เช่นนี้,อย่างน้อยต้องมีราคาหลายร้อยล้านศิลาวิญญาณเป็นแน่.
นอกจากนี้ยังเป็นศิลาเกรดสูงด้วย.
คฤหาสน์แห่งนี้มีค่ายกลที่สวีซิววางเอาไว้,หากไม่มีตรา,ถึงจะเป็นเทพแท้จริงขั้นสุดท้ายก็ไม่อาจเปิดเข้ามาได้.
แม้นว่าค่ายกลเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับลู่อี้ผิง,ทว่าในเมื่อมีตราอยู่แล้ว,เขาก็ใช้มันเข้ามาด้านในโดยไม่ต้องออกแรงใด ๆ.
เมื่อเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว,ลมปราณวิญญาณที่นี่สูงเป็นอย่างมาก.
ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ ที่เข้ามาด้านในเวลานี้ยืนเป็นไก่ไม้ไปเหมือนกัน,คาดไม่ถึงเลยว่าพลังวิญญาณที่นี่จะสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะพลังวิญญาณธาตุไม้และธาตุทองคำที่หายาก.
นอกจากนี้พื้นศิลาที่ปูพื้น,ล้วนแต่ปูขึ้นมาจากศิลาดารา.
ภายในลานคฤหาสน์ยังมีกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้หลายหมื่นชนิดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล.
ดอกไม้และพืชที่ปลูกมีมากมายหลายชนิดและหายากเป็นอย่างมาก.
นอกจากนี้ยังมีสระ,เป็นสระวิญญาณเก้าหยาง.
สระวิญญาณเก้าหยาง,มีลมปราณเก้าหยาง,ที่ฟุ้งกระจายไปทั่วทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่น.
ที่ด้านหลังคฤหาสน์มีสวนขนาดใหญ่,มีสวนสมุนไพรวิญญาณ,แต่ละชนิดเกรงว่าคงมีอายุกว่าห้าหมื่นปีแล้ว.
สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้,ทำให้ลมปราณวิญญาณที่นี่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง.
ซ่งหนิงและคนของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่อุทานออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
ลู่เผิง,ลู่เสี่ยวยวีทั้งสองที่รู้สึกราวกับว่าได้เข้ามาในวังสวรรค์ก็ไม่ปาน.
ลู่อี้ผิงที่ยังคงสุขุม,หากเทียบกับป่าศักดิ์สิทธิ์แล้ว,ที่นี่ก็เพียงแค่พื้นที่ขยะเท่านั้น,ยังไม่อาจเทียบหนึ่งในหมื่นด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงให้ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ เลือกห้องที่พักได้ตามต้องการ.
ในคฤหาสน์แห่งนี้มีห้องมากมาย,มากกว่า 100 ห้อง,คนของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่มาเพียงสี่สิบกว่าคนเท่านั้น,ห้องที่มีจึงมากกว่าจำนวนคนนั่นเอง.
ขณะที่ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ พักอยู่ในคฤหาสน์ของสวีซิว,ราชวังจักรพรรดิเป่ยโจว,มหาจักรพรรดิเป่ยโตวในชุดเก้ามังกรเวลานี้กำลังนั่งฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา,ดวงตาที่เป็นประกาย.
ขณะฟังรายงานจากเฉินหยวน,โจวติงเทียนที่เอ่ยอย่างลังเล,“เจ้าคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นและบรรพชนชรานิกายปิศาจน้ำพุเหลืองสวีซิวเกี่ยวข้องกันอย่างไร? เป็นศิษย์สายตรงของสวีซิวอย่างงั้นรึ?”
เฉินหยวนที่เร่งรีบกล่าวตอบ“เรื่องนี้เฉินไม่อาจบอกได้,แต่ในเมื่อชายหนุ่มคนนั้นมีตราของสวีซิว,ย่อมต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสวีซิวเป็นธรรมดา,หากไม่ใช่ศิษย์สวีซิว,ก็อาจจะเป็นลูกหลานผู้เยาว์ของสวีซิว.”
“ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนนั้น,ข้าได้สืบมาแล้ว,ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้เดินทางไปดึงกระบี่เพลิงชาติมา.”
เจ้าติงเทียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ“นี่เขาคือคนดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาเองรึ?”
ในทวีปเทพยุทธ์มีเหล่าผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มากมาย,แต่กับไม่มีใครที่สามารถดึงกระบี่ดังกล่าวออกมาได้แม้แต่คนเดียว.
“พ่ะยะค่ะ,นอกจากนี้เฉินยังได้ตรวจสอบมาแล้ว,มารกระบี่ตะวันตกที่บุกไปวันนั้นถูกสังหารไปแล้วในนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน.”เฉินยวนเอ่ยเพิ่ม.
โจวติงเทียนที่เผยความประหลาดใจ“เจ้าหมายความว่า,มารกระบี่ตะวันตก,บางทีอาจถูกผู้คุ้มกันข้างกายของเขาสังหารไปอย่างงั้นรึ?”
“เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น.”เฉินหยวนกล่าวด้วยความเคารพ.
โจวติงเทียนครุ่นคิด“เช่นนี้ผู้คุ้มกันทั้งสี่,ได้สังหารมารตะวันตกไป,บางทีพวกเขาคงไม่ได้ด้อยกว่าระดับขอบเขตเทพวิญญาณอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่าเป็นสวีซิวส่งมาคุ้มกันเขา?”
......
ในคืนนั้น,ท้องฟ้าที่ดูสลัวอึมครึม.
ลู่อี้ผิงที่นั่งสมาธิอยู่ในห้อง,โคจรเคล็ดวิชาอมตะ.
วิชาลับอมตะนั้น,ตอนนี้เขาฝึกฝนมาได้ 49 ขั้นแล้ว.
ซึ่งเป็นวิชาที่ถูกบันทึกเอาไว้ในแผ่นหยกแห่งโชควาสนา.
หลังจากออกจากป่าศักดิ์สิทธิ์,เขาก็ตัดผ่านระดับไปถึงขั้นที่ 49 แล้ว.
ด้วยการโคจรวิญญาณลับอมตะทั้ง 49 ขั้น,ลมปราณแห่งความโชคดีที่แผ่แสงสีทองออกไปรอบ ๆ.
บนศีรษะของลู่อี้ผิงนั้นมีเมฆแห่งความโชคดี,และบนเมฆแห่งความโชคดีก็มีแผ่นหยกโชควาสนาที่ไม่สมบูรณ์ลอยอยู่.
นี่คือหยกโชควาสนานั้นเป็นวัตถุดล้ำค่าที่สุดในตำนานการสร้างโลก(หงเหมิน) ทว่ามันยังไม่สมบูรณ์,นี่เพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น.
รอบ ๆ ร่างกายของลู่อี้ผิงนั้นมีมหาเต๋าที่กำลังหมุนวนเปล่งรัศมีแสงมากมายหลากหลายต่างกันไป มีทั้งมหาเต๋าชีวิตและความตาย,มหาเต๋าหยินหยาง,มหาเต๋าห้าธาตุ,แม้แต่มหาเต๋าสังสารวัฏ!
รวมกันทั้งสิ้นกว่า 1000 มหาเต๋า!
ในยุคโบราณนั้น,จ้าวแห่งทวยเทพมีพลัง 99 มหาเต๋า.
ทว่าลู่อี้ผิงตอนนี้กับมีถึง 1,000 มหาเต๋า.
แน่นอนว่า หากเทียบสัดส่วนได้,อาจจะพอบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมากกว่าอีกฝ่ายสิบเท่า.
เช้าวันถัดมา.
ลู่อี้ปิงที่หยุดโคจรวิชาลับอมตะ.
บนเมฆแห่งความโชคดี,หยกโชควาสนาที่หล่นมาอยู่ในมือของเขา.
“ไม่รู้ว่ายังมีหยกโชควาสนาส่วนอื่นหรือไม่?”ลู่อี้ผิงเริ่มครุ่นคิดที่จะหาเศษส่วนของหยกโชควาสนาส่วนอื่น ๆ.
หยกแห่งโชควาสนาสมบูรณ์นั้น,มีอยู่ด้วยกัน 24 ชิ้น,บันทึกมหาเต๋าทั้ง 3000 เอาไว้,สิ่งที่เขามีเวลานี้นับว่าเป็นส่วนสำคัญซึ่งได้บันทึกมหาเต๋าเอาไว้ถึง 1000.
นอกจากนี้เขายังฝึกมหาเต๋าทั้ง 1000 นั้นสมบูรณ์แล้วด้วย.
ในเวลานั้น,เขาได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอก.
ลู่อี้ผิงที่เก็บหยกเโชควาสนาเข้าไปในร่างกายและเอ่ยออกมาว่า“เข้ามา.”
ซ่งหนิงที่ผลักประตูเข้ามา,ด้วยท่าทางระมัดระวังเอ่ยออกมาอย่างเคารพ“คุณชาย,ข้าได้ไปสอบถามหัวหน้าหอการค้าความลับสวรรค์แล้ว,เขาเอ่ยว่าในเดือนหน้าจะมีการประมูลขึ้น,ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกายเทพเห่ยเยว่หนึ่งร่างด้วย.”
กายเทพเห่ยเยว่,แม้นว่าจะไม่ใช่กายาสุดยอดขั้น 14,ทว่าอย่างน้อยก็เป็นกายาเทพขั้นที่ 11.
“เดือนหน้าวันใหน?”ลู่อี้ผิงเอ่ยถาม“แล้วมีแค่ชิ้นเดียวอย่างงั้นรึ?”
“วันที่หนึ่งเดือนหน้าเป็นวันฉลองครบครอบหนึ่งหมื่นปีก่อตั้งจักรวรรดิเป่ยโตว,ส่วนวันประมูลเป็นวันที่สอง.”ซ่งหนิงเร่งรีบเอ่ยรายงาน“นอกจากนี้ข้าลองถามแล้ว,ทว่ากายเทพนั้นเป็นของที่หายากมาก.”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,จ้องมองซ่งหนิงหนึ่งครา ก่อนที่จะส่งเม็ดยาทองคำจากหม้อจักรวาลให้อีกฝ่าย“เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี.”
ซ่งหนิงทีรับเม็ดยาทองคำมา,สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่น่าอัศจรรย์ใจ,ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า“นี่เม็ดยาทองคำเทพวิญญาณ!”เขาที่แทบไม่อยากเชื่อเอ่ยออกมาว่า“คุณชาย,นี่มอบให้ข้าอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม“แน่นอนว่าต้องมอบให้เจ้าในห้องนี้มีคนอื่นรึไง?”เขาที่เผยยิ้มและเอ่ยออกมาว่า“แค่เม็ดยาทองคำเทพวิญญาณเม็ดเดียว,ลุกขึ้นได้แล้ว.”
ก่อนหน้านี้เขาได้หลอมมารกระบี่ตะวันตก,จากนั้นก็ยังได้หลอมอาวุโสของวิหารปิศาจทมิฬหกคนในป่าคุกทมิฬ,หลังจากมอบให้หยางเฉิงเฉินหง,จางจิน,เจ้าเหวินและคนอื่น ๆ,ในมือก็ยังมีเหลืออีกมากมาย.
ซ่งหนิงที่ได้ยินว่ามอบให้กับตัวเอง,ร่างกายก็สั่นไปมาด้วยความตื่นเต้น,คุกเข่าให้กับลู่อี้ผิงอย่างแรง,“ซ่งหนิงขอบคุณคุณชายที่ประทานยาให้!”
“ความเมตตาของคุณชายครั้งนี้,ซ่งหนิงจะไม่ลืมอย่างแน่นอน!”
ลู่อี้ผิงได้ยินก็เผยยิ้ม,ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด,ก่อนโบกมือให้อีกฝ่ายลุกขึ้น จากนั้นก็ก้าวออกมาจากห้อง.
ดวงตะวันเฉิดฉายที่ส่องมายังใบหน้า,ดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก.
“จูเหริน,ที่ด้านนอกเจ้าหน้าที่จักรรวรรดิเป่ยโตวขอเข้าพบ,เป็นแม่ทัพที่นำทัพมาเมื่อวาน”ในเวลานั้นเจ้าเหวินที่เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ.
“มหาจักรพรรดิเป่ยโตวส่งมาสินะ.”ลู่อี้ผิงที่ดูลังเลเล็กน้อย,“ให้เขาเข้ามา,นำเขาไปรอที่ห้องโถง.”
เจ้าเหวินที่แสดงความเคารพและก้าวถอยออกไป.
“คุณชาย,มหาจักรพรรดิเป่ยโตวให้คนมา,ไม่ใช่ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อวานหรือไม่?”ซ่งหนิงที่เอ่ยด้วยท่าทางเป็นกังวล.
“ไม่น่าจะใช่.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ทั้งสองที่ก้าวตรงไปยังห้องโถง,หลังจากมาถึง ก็พบกับชายวัยกลางคนที่สวมเกราะรบ,เป็นแม่ทัพที่นำทหารมาเมื่อวานนี้อย่างแน่นอน.