Chapter 22: The skeleton not saves( third)
尸骨无存(第三更)
ดังนั้น,พวกเขาจึงได้เดินทางไปยังจักรวรรดิเป่ยโตว.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
อยู่ไม่ไกลจากจักรวรรดิเป่ยโตว.
“จูเหริน(นายท่าน),ด้านหน้ามีหลุมศพมากมาย,เวลานี้ใกล้เข้าสู่เขตแดนจักรวรรดิเป่ยโตวแล้ว.”จางจินชี้ไปยังทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่มีสายลมที่เย็นยะเยือบพัดผ่านออกมา.
จักรพรรดิเป่ยโตวและจักรพรรดิไป่เยว่ที่ต่อสู้กันที่พื้นที่แห่งนี้อยู่เป็นประจำ.
ที่นี่จึงกลายเป็นหลุมฝังศพ,มีทหารมากมายนับไม่ถ้วนตายในสงคราม.
พื้นที่สุสานที่กว้างใหญ่ไพศาล,หลุมศพที่มากมายแทบมองไม่เห็นขอบเขต.
กล่าวได้ว่าเป็นสุสานแห่งนี้ใหญ่มาก,เป็นพื้นที่กว้างใหญ่เทียบได้กับหนึ่งรัฐเลยก็ว่าได้,ไม่รู้ว่ามีหลุมศพอยู่มากมายเท่าไหร่กัน.
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ.
“พวกเราไป.”
ราชรถที่บินสูง,ข้ามผ่านสุสานมากมาย,ผ่านไปอย่างไม่ยากลำบาก.
ในเวลานั้น,ในคืนหนึ่ง.
สายลมที่เย็นยะเยือบ พัดผ่านมาไม่หยุด,เสียงสายลมที่มีเสียงของปิศาจร้องโหยหวน,ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
ใครที่ขวัญอ่อน,เกรงว่า ได้ยินเสียงครวญครางของเหล่าภูติปิศาจ,คงขาอ่อนด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย.
ที่นี่,เห็นหลุมฝังศพทหารของจักรวรรดิเป่ยโตวมานานหลายปีแล้ว,ด้วยจำนวนที่มากมายนับไม่ถ้วน,ความมืดมิดที่นี่จึงมากล้นเกินจะจินตนาการถึงได้.
อย่าว่าแต่ปุถุชนเลย,แม้แต่ผู้ฝึกตนเข้ามา,ลมปราณหยินที่หนักหน่วงคงกัดกินร่างพวกเขาให้ตกตายอย่างแน่นอน.
ราชรถทองคำที่บินอยู่บนท้องฟ้า.
กระนั้นลมปราณหยินกับรุนแรงพัดสูงขึ้นมาเหมือนกัน.
พื้นที่รอบ ๆ ที่เงียบสงัดจนน่าหวาดกลัว.
ทันใดนั้น,บนพื้นสุสานแห่งหนึ่งก็เปิดออก,ปรากฏร่างของผีดิบที่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายพุ่งเข้าหาราชรถทันที.
จางจินไม่ได้ลงมือ,ร่างกายของเขาที่ปกคลุมด้วยพลังเทวะพุ่งออกไปทันที.
ห้วงมิติที่สั่นไปมา,ร่างที่ผีดิบถูกต่อยลอยกระเด็นออกไป.
จากนั้นพลังแห่งความตายซีดลง,ดวงตาว่างเปล่า,เกราะของเจียงซือแตกหักจากพลังเทวะของจางจิน,พร้อมกับระเบิดสลายหายไป.
นี่คือผีดิบมนุษย์.
มีศิษย์ของนิกายมารบางแห่งที่ฝึกวิชาปิศาจ,มายังสุสานจักรวรรดิเป่ยโตวเพื่อหลอมศพด้วยวิชาลับปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาเป็นผีดิบ.
วิชาปิศาจที่สามารถควบคุมผีดิบให้โจมตีเหล่าผู้ฝึกตนที่ผ่านสุสานแห่งนี้,หลังจากผู้ฝึกตนสังหาร,พวกเขาก็จะปล้นชิงศิลาวิญญาณ,ยาและสมุนไพร.
นอกจากนี้ยังหลอมร่างของผู้ฝึกตนที่ตายไปเป็นผีดิบต่อไปด้วย.
ผีดิบมนุษย์นั้นคล้าย ๆ กับเจียงซือในสนามรบแห่งทวยเทพ.
อย่างไรก็ตามเจียงซือในสนามรบแห่งทวยเทพนั้นจะกลืนกินปราณแห่งความตายมากมายผ่านเวลาเนิ่มนานหลายปี,จนเกิดเชาว์ปัญญา,ทว่าผีดิบมนุษย์ที่นี่ยังไม่เปิดเชาว์ปัญญา,นอกจากนี้ปราณแห่งความตายที่นี่ยังด้อยกว่าพื้นที่สนามรบแห่งทวยเทพเป็นอย่างมาก.
ขบวนราชรถที่ยังคงเคลื่อนที่ต่อไป.
ซึ่งแน่นอนว่า มีผีดิบมนุษย์ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีไม่หยุด.
ผีดิบมนุษย์เหล่านี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้,ร่างกายที่เหนือกว่าร่างปุถุชนทั่วไป,ต้องไม่ลืมว่าการหลอมร่างคนตายขึ้นมานั้น,ย่อมแข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งมีชีวิต.
อย่างไรก็ตาม,ศพที่ฝังที่นี่เป็นเพียงทหารธรรมดาทั่วไป,ดังนั้นถึงแข็งแกร่งขึ้นก็ยังอยู่ในระดับปุถุชน.
ทหารของประเทศต่าง ๆ ,ขอเพียงแค่มีขอบเขตธรรมชาติ(เซียนเทียน),ก็ถูกเกณฑ์มาเป็นทหารแล้ว.
ราชรถที่ไม่หยุดชงักแม้แต่นิดเดียว.
ผีดิบมนุษย์เองก็มากขึ้นและก็มากขึ้น.
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมากเท่าไหร่,ก็ไม่อาจเข้าใกล้ราชรถได้เลย,ทุกร่างที่พุ่งเข้ามาล้วนแต่สลายกลายเป็นผุยผง.
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น.
ราชรถก็ข้ามผ่านพื้นที่หลุมศพที่กว้างใหญ่ไปในที่สุด.
ที่ด้านหน้านั้น,เป็นพื้นที่เทือกเขาที่กว้างใหญ่.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่จะเข้าไปในเขตภูเขา,ปรากฏใครบางคนที่คำรามด้วยความโกรธไล่หลังมา,“หยุดตรงนั้นซะ!”
จากนั้น,ปรากฏร่างหลายร่างที่บินออกไปขวางขบวนราชรถ.
ที่นำมานั้น,เป็นสตรีที่ดูสูงส่ง,แววตาหงส์เพลิง,ปากลูกพีช,รูปรางเพรียวบาง,ร่างกายที่แผ่รัศมีนางพญาออกมา.
อย่างไรก็ตามทั่วร่างของนางกับแผ่รัศมีปราณสีดำเรื่อ ๆ ออกมา.
เห็นชัดเจนว่านางได้ฝึกวิชาบ่มเพาะสายมารมา.
ที่ด้านหลังของสตรีนางนั้น,มีสตรีตามมาอีกสี่คน.
ทั้งห้าคนต่างก็สวมชุดสีม่วง,ที่แขนเสื้อนั้นปักษ์กระดูกขาวหม่นเอาไว้.
นี่เป็นสัญลักษณ์ของสำนักระดูกขาวนั่นเอง.
สำนักกระดูกขาวนั้น,เป็นกลุ่มอิทธิพลที่ไม่อ่อนด้อยเลยในจักรวาลเป่ยโตว,ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ได้ด้อยกว่านิกายกระบี่เหล่ยฉิวเจี้ยน.
“ผีดิบมนุษย์ของข้า,พวกเจ้าเป็นคนสังหารอย่างงั้นรึ?!”เสียงที่โกรธเกรี้ยวจับจ้องมองพวกลู่อี้ผิง.
ผีดิบมนุษย์มากมายในสุสานขนาดใหญ่,นางใช้เวลามากมายในการหลอมสร้างขึ้นมา,กล่าวแล้วแทบจะเรียกว่าใช้เวลาไปเกือบพันปีด้วยซ้ำ,วันนี้คาดไม่ถึงว่ามันจะถูกสังหารจนเกลี้ยง.
ลุ่อี้ผิงที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จ้องมองฝ่ายตรงข้าม,พลางเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“น้องสาวคนสวย,ผีดิบมนุษย์เหล่านั้นเจ้าหลอมขึ้นมาอย่างงั้นรึ? มีปัญหาอะไร,ท่าทางโกรธเกรี้ยวเช่นนี้,ต้องการให้พวกเราชดเชยอย่างงั้นรึ?”
“สามหาว,”ผู้ฝึกตนสำนักกระดูกขาวที่ด้านหลังเหมียวเหยี่ยนตะโกนด้วยความโกรธ,ก่อนที่จะเหวี่ยงค้อนยักษ์ลอยออกไป,พุ่งเข้าหาวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
ผู้ฝึกตนของสำนักกระดูกขาวปรกติแล้วก็ดุร้ายเผ็ดร้อนอยู่แล้ว,เพียงแค่พูดไม่เข้าหูก็พร้อมสังหารฝ่ายตรงข้ามแล้ว.
ในดินแดนพิภพเหิงหยวน,ต่ำกว่าขอบเขตเทพวิญญาณนั้นจะแบ่งระดับพลังเป็นสิบขั้น,ทว่าเหนือกว่าขอบเขตเทพวิญญาณจะแบ่งออกเป็น,ขั้นต้น,ขั้นกลาง,ขั้นปลายและขั้นสูงสุด.
ผู้ฝึกตนสำนักกระดูกขาวผู้นี้,เป็นผู้ฝึกตนปล้นเต๋าขั้นที่เจ็ด.
ขอบเขตปล้นเต๋าขั้นที่เจ็ด,เหนืออาวุโสกู่หยวนตระกูลเซียว,ที่ต้องการแย่งชิงกระบี่เพลิงชาติจากลู่อี้ผิงในเวลานั้น,ซึ่งกู่หยวนเป็นเพียงขอบเขตปล้นเต๋าขั้นที่หนึ่งเท่านั้น.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำไม่ได้ลงมือ,จางจินที่ยกนิ้วขึ้น,พลังที่รวมตัวขึ้น,พุ่งออกไปทำลายค้อนของนางและยังพุ่งทะลวงไปยังผู้ฝึกตนสำนักกระดูกขาว,เห็นเพียงร่างของอีกฝ่ายที่ลอยกระเด็น.
พร้อมกับระเบิดกลายเป็นฝนโลหิตไปในทันที.
“อะไรนะ?!”
จางจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาจ้องมองไปยังคนสำนักกระดูกขาวที่เหลือ,“หากยังสามหาวอีก,ต้องตายทั้งหมด!”
เหล่าคนสำนักกระดูกขาวที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,ต้องการโจมตีออกไป,ทว่าสตรีที่นำมายกมือขึ้นห้าม.
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมืดครึ้มเย็นชา,เอ่ยถามลู่อี้ผิง“พวกเจ้ามาจากสำนักใด?”
ลู่อี้ผิงไม่ตอบ.
คร้านที่จะใส่ใจ.
“ไป.”
ราชรถทองคำที่บินออกไป.
เหล่าสตรีสำนักกระดูกขาวที่ใบหน้าเขียวช้ำด้วยความไม่พอใจ.
โดยเฉพาะ ชายหนุ่มชุดสีนำเงินที่มีนกน้อยสีทองเกาะบนมือ,สายตาไม่เหลือบแลพวกนางแม้แต่น้อย,ท่าทางเช่นนั้น,ยิ่งทำให้พวกนางโกรธเป็นอย่างมาก.
นี่เป็นการดูแคลน,เหยียดหยันอย่างที่สุด.
อย่างไรก็ตาม,พวกนางก็ไม่ได้ลงมือต่ออย่างใด.
ปล่อยให้ราชรถทองคำหายลับขอบฟ้าไป.
“ศิษย์พี่หญิง,ศิษย์น้องเฉินตายไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก,พวกเรา?”ผู้ฝึกตนสำนักกระดูกขาวที่จ้องมองฝุ่นโลหิตที่ลอยฟุ้ง,เผยใบหน้าอัปลักษณ์บิดเบี้ยว.
เหมียวเหยียนแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องมองไปยังขอบฟ้าเอ่ยออกมาว่า“กลับไปรายงานอาจารย์ก่อน!”
“ข้าจะให้พวกมัน ได้รับรู้พลังของสำนักกระดูกขาวของพวกเราจนเจ็บไปถึงกระดูก!”
จากนั้นพวกนางก็บินลอยออกไป.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ราชรถทองคำก็มาถึงพื้นที่จักรวรรดิเป่ยโตว.
เกี่ยวกับเรื่องสำนักกระดูกขาวนั้น,พวกลู่อี้ผิงหาได้สนใจแต่อย่างใด.
เวลานี้ได้มาถึงกำแพงเมืองชายแดนของจักรวรรดิเป่ยโตวแล้ว ที่ด้านหน้ามีกำแพงสูงใหญ่หลายสิบจั้ง,กำแพงที่หนาหลายเมตร,บนกำแพงเมืองมีกองกำลังทหารลาดตะเวนอยู่เป็นระยะ ๆ.
พื้นที่รอบ ๆ กำแพงเมือง,มีศิษย์จากตระกูลต่าง ๆ,ที่เวลานี้กำลังตอบคำถามเพื่อเข้าไปด้านใน.
ราชรถของลู่อี้ผิงนั้นเหินข้ามกำแพงเมืองชายแดนไป.
เหล่าทหารคุ้มกันไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่นิดเดียว.
หลังจากข้ามผ่านกำแพงเมืองชายแดนมา,อีกสามวันหลังจากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็มาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิเป่ยโตว.
ในทวีปเทพยุทธ์,จักรวรรดิอันดับหนึ่ง,เมืองหลวงเป่ยโตวมีขนาดใหญ่มาก,พื้นที่ไม่อาจมองดูด้วยตาเปล่าได้ทั่ว,พวกลู่อี้ผิงที่เข้าไปด้านหน้า,สัมผัสได้ถึงผู้คนที่มากมายอัดแน่กันเต็มไปหมด.
กล่าวได้ว่าบนถนนนั้นจำนวนคนที่มากมายทำให้จราจรติดขัด,ผู้คนที่มาจากตระกูลนิกายที่หลากหลาย,ส่งเสียงดังจอแจดูระคายหู.
“คุณชาย!”ทันใดนั้นเสียงที่แปลกประหลาดใจเป็นอย่างมากดังขึ้น.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองออกไป,ก่อนจะพบลู่เผิงเข้า.
นอกจากลู่เผิง,ยังมีลู่เสี่ยวยวี,เจ้านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนซ่งหนิง ตลอดจนยอดฝีมือของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนอีกหลายคน.