Chapter 21: Big Dipper Empire
北斗帝国
พฤกษาฟินิกซ์เทวะที่ลอยออกมาช้า ๆ,ฟินิกซ์อมตะทองคำกลายเป็นเงียบไปในทันที.
พฤกษาฟินิกซ์เทวะนั้น,ได้หลอมเข้ากับห้วงมิติที่นี่โดยสมบูรณ์,อย่าว่าแต่เทพแท้จริงขั้นสุดท้ายเลย,แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพสวรรค์,ก็ไม่อาจขยับมันได้แม้แต่นิดเดียว.
หรือจะกล่าวได้ว่ายอดฝีมือเทพสวรรค์ที่ใช้พลังหมัดต่อยพฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ก็ไม่อาจแม้แต่สร้างรอยให้กับมันอย่างไม่ต้องสงสัย.
ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ต่อหน้าพฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ไม่นับว่าเป็นอะไร.
ทว่าตอนนี้,พฤกษาฟินิกซ์เทวะ,กำลังลอยออกมา.
ผืนปฐพีที่สั่นไหวไปมา,เทือกเขาใหญ่ที่พังทลายลงทันที.
การสั่นไหวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก,ท้ายที่สุดพฤกษาฟินิกซ์เทวะก็ถูกดึงออกมาโดยสมบูรณ์.
ดูเหมือนกับมังกรเหินธรรมดาทั่วไป,ทว่าไม่รู้ว่ารากของมันนั้นยาวมากกว่าหนึ่งหมื่นจั้ง,ลอยอยู่บนอากาศสะท้อนแสงวับวาว.
เมื่อครั้งที่รากของมันหยั่งไปทั่วดินแดน,ความสูงของพฤกษาฟินิกซ์ก็แทบจะทะลวงสวรรค์อยู่แล้ว,ตอนนี้ถูกดึงออกมา,ความใหญ่โตโอฬารนั้นมากมายเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองพฤกษาฟินิกซ์เทวะที่ลอยออกมา,ส่ายหน้าไปมา“น่าเสียดาย,เติบโตเพียงไม่กี่ปี,จึงได้เล็กขนาดนี้.”
พฤกษาฟินิกซ์เทวะนับว่ายอดเยี่ยม,ทว่าตอนนี้มันยังอยู่ในวัยเด็กเท่านั้น.
ได้ยินคำพูดของลู่อี้ผิงเอ่ยว่าพฤกษาฟินิกซ์เทวะยังเล็กอยู่,ฟินิกซ์อมตะทองคำแทบกระอักโลหิตออกมา.
มารดาเถอะ,พฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ไม่รู้ว่าเกิดมากี่ปีแล้ว,เกรงว่าคงจะมีอายุไม่ต่างจากมิติแห่งนี้อย่างแน่นอน.
นี่ยังบอกว่ามันอายุน้อยอยู่อีกรึ?
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงได้นำดินที่มีประกายแสงออกมา.
เมื่อดินถูกนำออกมา,สวรรค์และปฐพีได้ส่องแสงวับวาวสะท้อนกับมัน,เห็นชัดเจนว่ามันมีลมปราณฮุ่นตุ้นผสมอยู่ในดินด้วย.
“นี่มันดินลมหายใจเก้าสวรรค์?!”ฟินิกซ์อมตะทองคำที่อ้าปากหวอ,แทบไม่อยากเชื่อ,“มันมีอยู่จริง ๆ!”
ดินลมหายใจเก้าสวรรค์,เป็นวัตถุเทวะฮุ่นตุ้น.
ตามตำนานเอ่ยว่าเมื่อปลูกพืชลงไปบนดินดังกล่าว,เมื่อเวลาผ่านไปมันจะกลายเป็นสมุนไพรวิญญาณฮุ่นตุ้นในที่สุด.
ในอดีต,จ้าวหมื่นเทพได้ค้นหาดินลมหายใจเก้าสวรรค์มาตลอด แต่กับไม่อาจหามันพบได้เลย.
ตอนนี้,มันกับอยู่ในมือของชายหนุ่มชุดน้ำเงิน.
ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้มอย่างสุขุม,เขามีดินลมหายใจเก้าสวรรค์จริง ๆ.
นอกจากนี้ยังมีจำนวนมากอีกด้วย.
เขาใช้มันปลูกพืชต่าง ๆ มากมาย.
ลู่อี้ผิงที่โยนมันออกไป,ดินลมหายใจเก้าสวรรค์,เดิมที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ,พริบตานั้นมันก็ขยายออกมาเท่ากับดินแดนขนาดใหญ่.
พฤกษาฟินิกซ์เทวะที่ถูกส่งลงบนผืนดินดังกล่าว,รากที่ชอนไชปักหลักลงไปบนดินลมหายใจเก้าสวรรค์.
ลมปราณฮุ่นตุ้น,ภายในดินลมหายใจเก้าสวรรค์,ที่แผ่ปกคลุมพฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ทันใดนั้น,เปลวเพลิงฟินิกซ์ทั่วต้นไม้ก็ลุกโชนขึ้นมาทันที.
แก่นเพลิงฟินิกซ์ของพฤกษาฟินิกซ์เทวะที่หลอมรวมกับลมปราณฮุ่นตุ้น สั่นพ้องกับดินลมหายใจเก้าสวรรค์,ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ด้วยกัน.
ดินลมหายใจเก้าสวรรค์ก็เหมือนกับวัตถุดเทวะฮุ่นตุ้นอื่น ๆ,เมื่อใช้ปลูกสิ่งใดไปแล้ว,เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็จะหมดประสิทธิภาพลง.
อย่างไรก็ตามเมื่อใช้กับพฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ทั้งสองฝ่ายกับพึ่งพาอาศัยกันและกัน,ทำให้ทั้งสองพัฒนายกระดับไปพร้อมกัน.
แน่นอนว่าพฤกษาฟินิกซ์เทวะย่อมได้ประโยชน์มากกว่า.
ในเวลานั้น,พฤกษาฟินิกซ์เทวะฮุ่นตุ้นที่เติบโตอย่างน่าอัศจรรย์ใจ,นอกจากนี้มันเริ่มเปลี่ยนร่างไม่หยุดหย่อน.
ใบของพฤกษาฟินิกซ์เทวะที่แตกขยาย,ใบเหล่านี้สามารถนำมาหลอมเม็ดยาเทวะได้,ทว่าเมื่อปลูกบนดินลมหายใจเก้าสวรรค์,ใบของพฤกษาฟินิกซ์เทวะ,จะให้ผลมากกว่าปรกติหลายเท่า.
ลู่อี้ผิโบกมือ,ผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ของดินลมหายใจเก้าสวรรค์ก็ลดขนาดลง,เช่นเดียวกันพฤกษาฟินิกซ์เทวะที่ปลูกอยู่บนนั้นก็ลดขนาดลงตามไปด้วย,ท้ายที่สุดมันก็มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ.
ลู่อี้ผิงเก็บมันเข้าไปในหม้อจักรวาลทันที.
ฟินิกซ์อมตะทองคำที่ได้แต่กลืนน้ำลายคำโตลงคอ,จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน.
ไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นอาจารย์นักบุญปิศาจหรือไม่ ล้วนแต่ไม่สำคัญ,ด้วยการที่อีกฝ่าย,ดึงพฤกษาฟินิกซ์เทวะได้ง่าย ๆ,ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเลยว่าอีกฝ่ายนั้นน่าเกรงขามขนาดใหน.
เกรงว่าเพียงแค่นิ้วเดียวคงบดขยี้มันให้ตกตายนับหมื่นครั้งได้แล้ว.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองฟินิกซ์อมตะทองคำ,เอ่ยอย่างไม่แยแส,“เจ้านับว่าใช้ได้,มีสายโลหิตเผ่าฟินิกซ์ที่สูงส่ง,น่าเสียดาย,เจ้าบ่มเพาะอยู่เพียงลำพัง,ใช้ความรู้สึกตระหนักรู้ที่ค่อนข้างคดเคี้ยว,หลงทางไปไกล,ไม่เช่นนั้นคงตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตเทพสวรรค์แล้ว.”
ฟินิกซ์อมตะทองคำที่ใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้มกัดฟันแน่น,ก่อนก้าวออกไปด้านหน้าเอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ,“เช่นนั้นขอต้าเหรินได้โปรดประทานวิถีแห่งกฎด้วย,หวงจิวยินดีเป็นวัวเป็นควายรับใช้ต้าเหริน,ยินดีบุกน้ำลุยไฟโดยไม่บ่น!”
ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้มเล็กน้อย“บุกน้ำลุยไฟอย่างงั้นรึ? นั่นไม่จำเป็น.”จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น,ปล่อยลำแสงออกไปด้านหน้า,พลังกฎเกณฑ์ของเทพสวรรค์ได้มารวมตัวกัน.
พลังแห่งกฎเทพสวรรค์,จำนวน 10,000 วิถีที่มารวมตัวกัน.
ลู่อี้ผิงที่ชี้นิ้วออกไป.
กฎเทพสวรรค์หนึ่งหมื่นวิถีที่ลอยเข้าไปในร่างของฟินิกซ์อมตะทองคำหวงจิว.
หวงจิวที่ผสานเข้ากับกฎเทพสวรรค์หนึ่งหมื่นกฎ,สัมผัสตระหนักรู้กฎเทพสวรรค์ทั้งหนึ่งหมื่นทันที,ร่างกายเปล่งแสงวับวาว,กลิ่นอายที่ถูกยกระดับความแข็งแกร่งมากขึ้นและก็มากขึ้น,จนพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า.
ในเวลาต่อมา,เมฆสีดำเก้าสวรรค์,กำลังก่อร่างสร้างทัณฑ์สายฟ้าลงทัณฑ์ขึ้นมา.
เห็นชัดเจนว่า,หวงจิวกำลังตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตเทพสวรรค์.
กลิ่นอายของหวงจิวที่แข็งแกร่งมากขึ้นและมากขึ้น,ร่างกายที่เปล่งประกายแสงสีทอง,พุ่งทะลวงเก้าสวรรค์,ทัณฑ์สายฟ้าที่รุนแรงก็ฟาดลงมายังด้านร่างราวกับสายน้ำหลาก.
ทัณฑ์สายฟ้าของเทพสวรรค์เพียงพอที่จะทำลายทั้งผืนแผ่นดินดินแดนแห่งนี้,ทำให้สวรรค์และปฐพีรอบ ๆ อับแสงลงทันที.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่ทัณฑ์เทพสวรรค์กำลังฟาดลงมา,ลู่อี้ผิงก็ยกมือขึ้นคว้าไปยังอากาศที่ว่างเปล่า,กุมทัณฑ์สายฟ้าเทพสวรรค์เอาไว้.
แม้นว่าลู่อี้ผิงจะเผยพลังที่น่าเกรงขามก่อนหน้านี้ออกมาแล้ว,ทว่าเมื่อเห็นลู่อี้ผิงคว้าไปยังทัณฑ์สายฟ้าเทพสวรรค์บนอากาศที่ว่างเปล่า,ก็ทำให้หวงจิวเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ.
คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถคว้าทัณฑ์สายฟ้าเทพสวรรค์ได้ง่าย ๆ เลยอย่างงั้นรึ?
คนผู้นี้เหนือกว่าที่จะจินตนาการได้อย่างสมบูรณ์.
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่คว้าทัณฑ์สายฟ้าเทพสวรรค์พร้อมกับบีบลง,พลังที่มองไม่เห็นแข็งแกร่งทรงพลังได้บดขยี้มันจนระเบิดแตกออกไปเป็นดอกไม้ไฟ,ทำให้บนท้องฟ้าส่องแสงสว่างจ้า.
ท้ายที่สุด,ทัณฑ์สายฟ้าได้กลายเป็นพลังงานบริสุทธ์,ไหลลงมายังร่างของหวงจิว,ร่างของหวงจิวที่ดูดซับรัศมีเทวะสายฟ้าดังกล่าว,เริ่มก่อรูปเปลี่ยนร่าง,กายาเทวะ,ที่ส่องแสงเจิดจรัส.
หวงจิวที่ปรับแต่งพลังงานเทพสวรรค์ได้ในที่สุด,เวลานี้สูดหายใจลึก,ก่อนที่จะคุกเข่าคลานเข้ามา“ขอบคุณต้าเหริน.”
ตอนแรก,การจะตัดผ่านระดับไปยังขอบเขตเทพสวรรค์,จำเป็นต้องใช้เวลาสองสามร้อยปี,ตอนนี้,ลู่อี้ผิงกับช่วยให้นางตัดผ่านระดับในทันที,สามารถประหยัดเวลาไปสองสามร้อยปีทีเดียว.
ลู่อี้ผิงที่ยกมือให้หวงจิวลุกขึ้น,ให้เรียกเขาเหมือนกับวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและ,พวกจางจิน.
หวงจิวที่แสดงความเคารพอย่างที่สุด.
หลังจากนั้น,พวกเขาก็ออกจากพื้นที่ปิดแยกแดนฟินิกซ์แห่งนี้.
หวงจิวที่เวลานี้กลายร่างเป็นวิหกทองคำตัวเล็กเท่ากับหัวแม่มือ,เกราะอยู่ที่บนราชรถ.
ลู่อี้ผิงไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด.
ขบวนราชรถเคลื่อนที่ไม่เร็วนัก.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น,พวกเขาก็ออกจากสนามรบแห่งทวยเทพ.
“จูเหริน,พวกเราจะไปใหน?”จงจินที่เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ.
ลู่อี้ผิงที่ดูลังเลเล็กน้อย,เอ่ยออกมาว่า“ไปจักรวรรดิเป่ยโตว.”
อาณาจักรเป่ยโตว,คือจักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทพยุทธ์.
เมืองหลวงเป่ยโตวนั้น,มีหอการค้าขนาดใหญ่ของทวีปเทพยุทธ์ตั้งอยู่.
เหว่ยปิง,เฉินหยงหยวนสองคนที่ยังไม่มีรัศมีเทพแท้จริง,ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังหอการค้าของอาณาจักรเป่ยโตว เผื่อพบของที่เหมาะสมนำมาใช้แทนกันได้.