Chapter 178 Recently Demon Race rampant
最近魔族猖獗(一更)
เฉินฉงเถาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วเรื่องของสหาย,ก็คือเรื่องของข้า.”
จูหลางเผยยิ้มออกมา“ได้ยินมาว่าวิถีปรุงยาของแม่นางหานเสวี๋ยได้ก้าวสู่ของเขตหลอมปรุงฟ้าดิน,กำเนิดเม็ดยาอมตะแล้ว,แม้แต่วิถีกู่ฉินเองก็ก้าวสู่ดินแดนเซียนกู่ฉิน,นอกจากนี้วิถีจิตรกรรม,วิถีค่ายกลเองก็ก้าวสู่ขอบเขตที่น่าอัศจรรย์ใจอีกด้วย.”
เฉินฉงเถาเผยยิ้ม“ใช่แล้ว,พรสวรรค์ญาติผู้น้องของข้า,ก้าวเหนือผู้คนในเผ่ามนุษย์,เพราะนางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์,จึงมีทักษะมากมาย,วิถีปรุงยาได้รับการฝึกฝนจากอาวุโสตานจู่,เวลานี้อาวุโสตานจู่ยังออกปากด้วยตัวเองว่า,วิถีปรุงยาของนางสูงกว่าท่านไปแล้ว.”
จู่หลางที่ดวงตาเป็นประกายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ธิดาศักดิ์สิทธิ์,ไม่เพียงงดงาม,ทว่าทั้งวิถีปรุงยา,วิถีกู่ฉิน,วิถีจิตกรรม,วิถีค่ายกลล้วนแต่มีความสามารถที่น่าอัศจรรย์,ไม่รู้ว่าโลกนี้จะมีบุรุษคนใดที่จะโชคดีที่ได้รับความโปรดปราณจากธิดาศักดิ์สิทธิ์.”
เฉินฉงเถาเผยยิ้ม“สหายจู่หลาง,แม้นว่าวิถีปรุงยาญาติผู้น้องของข้าจะสูงล้ำ,แต่วิถีจิตกรรมที่เหนือผู้คนทั่วไป,แต่ข้าคิดว่าสหายจูหลางเองก็มีความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าญาติผู้น้องข้านัก,พรุ่งนี้ข้าจะแนะนำสหายจูหลางให้รู้จักญาติผู้น้องอย่างแน่นอน,แม้แต่ช่วยเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้ด้วย.”
จูหลางที่หัวเราะ“ได้รับคำพูดมงคลจากสหาย,หากข้าได้แต่งกับแม่นางหานเสวี๋ย,จะต้องขอบคุณสหายเฉินฉงเถาอย่างหนักแน่นอน.”
ทั้งสองต่างก็หัวเราะเป็นกันเอง.
เฉินฉงเถาที่หยุดและเอ่ยออกมาว่า“ข้าได้ยินมาว่าฉีหวยเมืองจ้านเทียนเองก็เข้าร่วมงานชุมนุมวิถีปรุงยาของญาติผู้น้องของข้าด้วย.”
จูหลางที่ขมวดคิ้ว“ฉีหวย!”
ฉีหวยก็คือหลานของฉีอ้าวซือ,เป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับเนตรจินเหยี่ยน(เพลิงทองคำ),วิถีปรุงยาไร้ที่เปรียบ,ความแข็งแกร่งโดดเด่น.
ในเวลาเดียวกัน,ทันใดนั้น,ปรากฏร่างของคนสองคนที่บุกทะลวงเข้ามาในห้องโถง.
จูหลางที่จ้องมองออกไป,ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาถูกโยนออกไป,ก็ใบหน้าบิดเบี้ยว,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ใครกัน?ไสหัวออกมา!”
กล่าวจบ,เขาก็เห็นผู้เยาว์ชุดน้ำเงินและร่างที่ใหญ่ยักษ์กว่าสองเมตรที่มีขนสีทองอร่ามสะท้อนแสงก้าวเข้ามา.
“เป็นท่าน!”จูหลานที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
ก่อนหน้านี้,ลู่อี้ผิงที่ปิดโรงเตี้ยมอู๋เซิ่ง,เขาเห็นมันด้วยตัวเอง.
เวลานั้น,เขาไม่รู้สถานะของลู่อี้ผิง,รู้เพียงแค่ คนที่ใจกล้าปิดโรงเตี้ยมเมืองเสวียนกู่นั้นมีนามว่าลู่อี้ผิงเท่านั้น,หลังจากนั้น เรื่องที่เมืองเทียนเป่ยก็กระจายออกไปทั่วจิวเทียน.
เพียงไม่นานเขาก็ได้ยินนาม,บรรพชนทัณฑ์สายฟ้าและอาจารย์นักบุญปิศาจ,ก้องไปทั่วจิวเทียน,โหยวหมิงและโลกเทวะ.
เฉินฉงเถาที่ไม่รู้จักลู่อี้ผิง,ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่บุกรุกมายังคฤหาสน์ของจูหลาง,และยังทำร้ายคนของจูหลางก็โกรธเกรี้ยวลุกขึ้นมาในทันที“เจ้าเป็นใคร? ใจกล้าเกินไปแล้ว,รู้ใหมนี่คือเมืองเซิ่งหวง,คาดไม่ถึงว่าจะกล้าบุกเข้ามาในเรือนที่พักสหายของข้า!”
เขาที่กล่าวคำรามลั่น“บอกมาว่าเป็นศิษย์จากสำนักใหนกัน!”
เขาที่แผดเสียงดัง,วัวกระทิงมังกรที่สะบัดฝ่ามือตบอีกฝ่ายลอยกระเด็นออกไป“ไปให้พ้น!”
เฉินฉงเถาที่ถูกตบลอยกระเด็นออกมา ด้านนอกเรือนที่พัก,เกลือกกลิ้งคลุกฝุ่นบนถนน.
เขาที่ลุกขึ้นพรวดพราด,ตกใจและโกรธเกรี้ยว.
อย่างไรก็ตาม,แม้นว่าเขาจะโกรธเกรี้ยว,ขุ่นข้องใจ,แต่ว่าเขาไม่ได้โง่,เขารู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ใช่คู่มือวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,จึงตะโกนเข้าไปว่า“สหายจู่หลาง,ข้ากลับวังเซิ่งหวงก่อน แล้วจะเชิญยอดฝีมือมาช่วย.”จากนั้นเขาก็บินตัดอากาศหายไปอย่างรวดเร็ว.
เห็นเฉิงฉงเถาลอบหนีไปแล้ว,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เผยยิ้มเล็กน้อย“เจ้าเด็กนี่มันฉลาดจริง ๆ.”
จู่หลางที่จ้องมองมายังลู่อี้ฟิง,สูดหายใจลึก,หัวใจของเขาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวห่อเหี่ยว,โค้งคารวะต่อลู่อี้ผิง“ศิษย์สำนักยวีฟ่าน,จูหลาง,คารวะท่านลู่อี้ผิง!”
เขาที่เอ่ยเสียงแผ่วหยั่งเชิง,“ไม่รู้ว่า ท่านลู่มาหาผู้น้อยมีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”
เขาที่ครุ่นคิดอย่างหนัก,ว่าเขาไปล่วงเกินลู่อี้ผิงตอนใหนกัน?
“ไม่จำเป็นต้องกลัวไป.”ลู่อี้ผิงที่เห็นจูหลางตื่นตะหนก,ก็เอ่ยออกมาว่า“ข้ามาหาเจ้า,ต้องการถามว่าราชันย์หมาป่ายวีเมี่ยนอยู่ที่ใด.”
“ไท่จู่!”จูหลางที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
เป็นไปได้ว่าท่านไท่จู่ ล่วงเกินลู่อี้ผิงอย่างงั้นรึ?
“ไม่รู้ว่าท่านลู่ หาไท่จู่ของพวกเรามีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”ภายในใจของจูหลางที่ดูร้อนรน,สอบถามออกมาเสียงเบาและระมัดระวัง.
ลู่อี้ผิงที่ไม่เปิดเผยความจริง“ในอดีต,ไท่จู่ของเจ้าได้กวาดล้างงวังอสนีม่วง,ข้าต้องการรู้ว่าบรรพชนชราวังอสนีม่วงหวงหยวนตงเวลานี้เป็นเช่นไร”
เรื่องเป็นเช่นนี้นะเอง.
จูหลางที่ผ่อนคลายลง,เอ่ยออกมาว่า“เรียนต้าเหริน,แม้นว่าข้าจะเป็นศิษย์สายตรงสำนักยวีฟ่าน,อย่างไรก็ตามเรื่องที่ไท่จู่อยู่ที่ใดนั้น,ข้าไม่รู้จริง ๆ,หลายปีมานี้,ข้าเองก็ค้นหาไท่จู่อยู่เช่นกัน.”
เขาที่เอ่ยเพิ่ม“แต่ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่รู้ว่าไท่จู่อยู่ที่ใหน.”
เขากล่าวและหยุดเงียบไป.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จ้องมองตาขวาง.
จูหลางทีเร่งรีบเอ่ย“หลานของไท่จู่เองน่าจะมายังเมืองเซิ่งหวง,เขาควรรู้ว่าไท่จู่ อยู่ที่ใด.”
“...”ลู่อี้ผิงที่เผยความประหลาดใจ.
“ทว่าหลานของไท่จู่นั้น,ตอนนี้ข้าไม่รู้จัก,ทว่ารู้เพียงแค่เขาต้องเข้าร่วมงานชุมนุมวิถีปรุงยาของธิดาศักดิ์สิทธิ์แม่นางเฉินหานเสวี๋ย พรุ่งนี้แน่.”จู่หลางเอ่ย.
“ในเมื่อเขามายังเมืองเซิ่งหวง,แล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าได้อย่างไร?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำจ้องมองเขาด้วยความสงสัย.
จู่หลางเร่งรีบเอ่ยออกมาว่า“เรียนต้าเหริน,ข้าไม่รู้จักเขาจริง ๆ,ทว่าข้าสามารถรับประกันได้ว่า,เขาจะต้องเข้าร่วมงานชุมนุมปรุงยาของธิดาศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ของแม่นางเฉินหานเสวี๋ยพรุ่งนี้แน่ ๆ.”
“เจ้าเอาอะไรมารับประกัน?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
จูหลางเอ่ยอธิบาย,“ดูเหมือนว่าแม่นางเฉินหานเสวี๋ยนั้นมีวัตถุสมบัติศาลสวรรค์ยุคปรัมปรา,เขาจึงต้องการรู้จักกับแม่นางเฉินหานเสวี๋ย,เพื่อสิ่งดังกล่าว.”
“วัตถุสมบัติศาลสวรรค์อย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จ้องมองกันและกัน.
จูหลางที่พยักหน้า“ขอรับ,ทว่าสิ่งนี้คืออะไร,ข้าเองก็ไม่รู้.”
ลู่อี้ฟิงที่สอบถาม คำถามอีกหลายอย่าง,ทว่าในเมื่อไม่อาจได้รับข้อมูลอะไรเพิ่ม,จึงนำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำจากกมา.
“เป็นแท่งกำราบสวรรค์หรือไม่?”หลังจากออกมา,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยสอบถาม.
แท่งกำราบสวรรค์,คืออาวุธของจักรพรรดิสวรรค์,เป็นเหมือนกับกุญแจเปิดคลังสมบัติศาลสวรรค์ยุคปรัมปราด้วย.
หลังจากที่ศาลสวรรค์ยุคปรัมปราล่มสลาย,คลังสมบัติศาลสวรรค์ก็หายไป,ตามตำนานเอ่ยว่าใครได้รับแท่งกำราบสวรรค์,ก็จะสามารถค้นหาที่อยู่ของคลังสมบัติศาลสวรรค์ได้.
ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา,“ไม่น่าจะใช่.”
ทั้งสองที่พูดคุยกันไปมา,ขณะเดินทางไปยังวังเซิ่งหวง.
เจียงไห่ตงที่ออกมาต้อนรับลู่อี้ผิงที่ด้านหน้า.
ขุนเขาอู๋เซี่ยนับว่าเป็นหนึ่งกลุ่มอิทธิพลใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในดินแดนปิศาจสวรรค์,ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ของโหยวหมิง,มีความแข็งแกร่งอันดับเก้า,ดังนั้นนิกายขุนเขาอู๋เซี่ยจึงมีที่พังในวังเซิ่งหวงที่หรูหรา.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เจียงไห่ตงนำลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำไปที่พัก,ก็บังเอิญพบเข้ากับเจ้าลัทธิเจิ้งอี้ ซุนมู่และยอดฝีมือของลัทธิเจิ้งอี้อีกหลายคน.,
ลัทธิเจิ้งอี้,ถือเป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับแปด,ดังนั้นจึงมีที่พักติดกับเทือกเขาอู๋เซี่ย.
“อาวุโสเจียง.”ซุนมู่เจ้าลัทธิเจิ้งอี้และคนอื่น ๆ เห็นเจียงไห่ตง,ก็ยกมือผสานทักทาย เผยยิ้มเล็กน้อย,แววตาจ้องมองลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ“คนทั้งสองนี้คือใคร? ไม่คุ้นหน้าเลย,ไม่ใช่ศิษย์ขุนเขาอู๋เซี่ยของพวกเจ้าใช่ใหม?”
เจียงไห่ตงขมวดคิ้วไปมา,แม้นว่าจะอยู่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้กลมเกรียวกันนัก,ลัทธิเจิ้งอี้และขุนเขาอู๋เซี่ยต่างก็มีความขัดแย้งกันมาตลอด.
“ช่วงนี้เผ่าพันธุ์ปิศาจช่างยโสโอหังยิ่งนัก,แม้แต่ส่งคนออกมาหาเรื่องเผ่าพันธ์มนุษย์ถึงถิ่น,ดังนั้นสำนักนิกายต่าง ๆ จึงต้องกวดขันเรื่องนำคนนอกเข้ามา,อาวุโสเจียงดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมกฎเกณฑ์ไปแล้วหรือไม่?”จ้าวลัทธิเจิ้งอี้ซุนมู่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม.
เจียงไห่ตงที่ใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที.
จ้าวลัทธิเจิ้งอี้,ซุนมู่,ถึงกับกล้ากล่าวหาว่า ท่านลู่อี้ผิงเป็นสายลับของเผ่าปิศาจอย่างงั้นรึ?