Chapter 169 Master of Saint Demon
圣魔之师(三更)
“เป็นเจ้านายกับลูกน้องสองคนนั่น!”เจิ้งหยวนที่ชี้นิ้วไปยังลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
หม่าซีที่เผยแววตาเย็นชาเอ่ยออกมาว่า“กล้าสังหารคนตระกูลหม่า,มันจะโอหังเกินไปแล้ว! ตรวจสอบความเป็นมาของพวกเขารึยัง?”
เจิ้งหยวนเร่งรีบเอ่ยตอบ“ยังขอรับ,ทว่าพวกเขาไม่ควรจะเป็นคนของดินแดนปิศาจสวรรค์ของพวกเรา.”
เสียงของเย่จื่อโม่ที่ไม่พอใจ“ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากใหน,ก็ต้องตกตายทั้งหมด,รวมทั้งตระกูลและนิกายของมันด้วย,สังหารอย่าให้เหลือ.”
หม่าซีพยักหน้า,เจิ้งหยวน,ใต่หวังเจี้ยนเอ่ย,“ไป,ไปกับข้าเอาศีรษะของพวกมันมา!”จากนั้นก็เอ่ยเพิ่มว่า“อย่างเพิ่งสังหารพวกมันในทันทีล่ะ.”
“ขอรับ,ให้ให้ท่านหม่าซีวางใจได้.”เจิ้งหยวน,ไต่หวังเจี้ยนและคนอื่น ๆ กล่าวด้วยความเคารพ,ก่อนที่จะนำคนของนิกายจินกังบินตรงไปหาลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
ในเวลานี้ผู้คนต่างก็จดจ้องมองไปยังทิศทางของลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเป็นสายตาเดียวกัน.
เจิ้งหยวน,ใต่หวังเจี้ยนที่นำยอดฝีมือนิกายจินกังไปยังยอดเขาที่ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำอยู่.
เวลานั้นพวกเขาที่เห็นวัวกระทิงมังกรเขาทองคำนำสัตว์อสูรเทวะคุนเผิงออกมา.
เจิ้งหยวน,ไต่หวังเจี้ยนและคนอื่น ๆ ที่จ้องมองไปยังปลาตัวน้อยในมือวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,พวกเขาที่มองเห็นเป็นเหมือนกับปลาเส้นยาวในมือของชายร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อด้วยความสงสัย.
“เจ้าสังหารศิษย์ของข้า,หม่าเฟยอย่างงั้นรึ?”เจิ้งหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
“ไม่ต้องพูดให้มากความหรอก.”ใต่หวังเจี้ยนที่กล่าวจบพร้อมกับฟาด,ฝ่ามือของเขาไปที่ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำทันที.
พลังพิภพที่พลุ้งพล่าน,กวาดม้วนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า.
ใต่หวังเจี้ยนเป็นจ้าวพิภพที่น่าเกรงขาม,กล่าวได้ว่าเขามีพลังพิภพถึง 2 ล้านพลังต่อสู้.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่ไต่หวังเจี้ยนลงมือ,สัตว์เทวะคุนเผิงในมือวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ เริ่มหวดเหวี่ยงมันออกไปเหมือนกับไม่เบสบอล.
ขณะวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้เหวี่ยงออกไปนั้นปรากฏเสียงสายลมดังหวีดหวิวน่าพรั่นพรึง,ไต่หวังเจี้ยนที่ไม่อาจตอบสนองได้ทันถูกฟาดเข้าไปในทันที.
พริบตานั้นได้ยินเพียงเสียง“ปัง”
กว่าจะตั้งสติกได้,ใต่หวังเจี้ยนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว.
ขณะที่ทุกคนเงยหน้ากวาดตามองไปรอบ ๆ คาดไม่ถึงว่าจะไม่เห็นร่างของใต่หวังเจี้ยนเลย.
ไม่เพียงแค่คนของนิกายจินกังที่งงงวย,เหล่าผู้ฝึกตนรอบ ๆ ต่างก็กลายเป็นเซ่อไปทั้งหมดทุกคน.
เย่จื่อโม่,หม่าซีเองก็กลายเป็นโง่งมไปเหมือนกัน.
กล่าวได้ว่าแม้แต่จิตสัมผัสของพวกเขา,ก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไต่หวังเจี้ยนว่าอยู่ที่ใด.
เทือกเขาเทียนเซี่ยที่กลายเป็นเงียบสงบไปในบัดดล.
อย่างไรก็ตามเสียงหวดสัตว์เทวะคุนเผิงดังได้ขึ้นอีกครั้ง,เสียงลมหวีดหวิวที่ดังกวาดม้วนไปทั่วยอดเขา.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่หวดออกไปครั้งนี้ได้ยินเพียงเสียงดังปัง ซ้ำอีกครั้ง.
ครานี้เป็นเจ้านิกายจินกังที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย.
ที่ขอบฟ้าไกล,ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังเทือกเขาเทียนเซี่ย,จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งที่ลอยตัดหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว,ทำให้พวกเขาชงักตกใจหยุดนิ่งไปชั่วครู่.
แต่ละคนที่จ้องมองหน้ากันและกันด้วยความงงงวย.
อย่างไรก็ตามคลื่นอากาศที่พัดผ่านพวกเขานั้นทำให้หลายคนรู้สึกขนลุกตั้งชันหนังหัวชาหนึบโดยไม่ได้ตั้งใจ..
“นั่น,คือเจ้านิกายจินกังอย่างงั้นรึ?”ใครบางคนที่กลืนน้ำลายฝืดลงคอ.
“เข้าใจผิดหรือไม่?”
เข้าใจผิด?
“บางทีอาจจะเข้าใจผิด.”
อย่างไรก็ตามขณะจะบินต่อไปยังเทือกเขาเทียนเซี่ยต่อ.
ยังไม่เคลื่อนตัวออกไปด้วยซ้ำ,ก็มีเงาร่างของผู้ฝึกตนอีกคนพุ่งตัดอากาศมา.
เวลานี้พวกเขาที่เร่งรีบหลบด้วยความหวาดกลัว.
“นั่นมันชุดของบรรพชนชรานิกายจินกังงั้นรึ?!”
ครั้งนี้,มีคนหลายคนที่เห็นเหมือน ๆ กัน.
ทว่าที่เทือกเขาเทียนเซี่ยเวลานี้,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่หวดคนลอยออกไปเรื่อย ๆ.
ด้วยความเร็วที่แทบมองไม่เห็น คนแล้วคนเล่า.
กว่ายอดฝีมือนิกายจินกังจะตั้งสติได้,บนพื้นก็หายไปเจ็ดคนแล้ว.
คนที่เหลือที่ได้สติ,จ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ด้วยความหวาดกลัว,พร้อมกับหนีตายออกไปในทันที.
เห็นยอดฝีมือมากมายหนีไปทุกทิศทุกทาง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม,ก่อนที่จะขยายขนาดอสูรเทวะคุนเผิงขึ้นอีกหลายเท่า,จนมีขนาดเท่ากับภูเขาลูกหนึ่งเหวี่ยงออกไปทันที.
พริบตานั้นคนของนิกายจินกังกว่าร้อยคนที่หนีกระจัดกระจายไปแต่กับถูกหวดไปทั้งหมด.
หลังจากนั้นอสูรเทวะคุนเผิงก็ย่อขนาดกลับมาเท่ากับฝ่ามือ.
ที่ไกลออกไป,เผ่าวิญญาณรัตติกาล,ตระกูลหม่า,และเหล่ากลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ มากมายต่างก็จ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,จดจ้องมองร่างปลาน้อยที่แข็งทื่ออยู่ในมืออีกฝ่าย.
“ปลาน้อยนั่น,หรือว่าจะเป็นอสูรเทวะคุนเผิง?”บรรพชนชราตระกูลหม่าที่เอ่ยเสียงสั่น.
คราแรกเขาจำไม่ได้,ทว่าเมื่อครู่ขณะที่มันขยายร่างอสูรเทวะคุนเผิงมีขนาดเท่าภูเขา,พวกเขาก็สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันได้.
“อสุรเทวะคุนเผิงรึ? ไม่ใช่ว่านั่นคืออสูรผู้พิทักษ์ของนิกายเทวะคุนเผิงหรอกรึ?”บรรพชนชราเผ่าวิญญาณรัตติกาลเอ่ยอุทานออกมา.
ทั่วทั้งพิภพเหิงหยวน,มีเพียงแค่สัตว์ผู้พิทักษ์ของนิกายเทวะคุนเผิงของจิวเทียนเท่านั้น,ไม่คาดคิดเลยว่าจะอยู่ในมือคนอื่น.
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องดังกล่าว เย่จื่อโม่,หม่าเฟย ก็สั่นกระตุก.
นิกายเทวะคุนเผิงอย่างงั้นรึ?
ผู้เยาว์ชุดน้ำเงินผู้นั้นหรือว่าจะเป็น?
“อาจารย์ของนักบุญปิศาจ,ลู่อี้ผิง!”เย่จื่อโม่ที่เอ่ยเสียงสั่น.
อาจารย์ของนักบุญปิศาจลู่อี้ผิง!
เหล่าคนของเผ่าวิญญาณรัตติกาลและคนของตระกูลหม่า ไม่มีใครที่ไม่ตกใจ.
งานชุมนุมนิกายเทวะคุนเผิง,ลู่อี้ผิงได้กวาดล้างนิกายดังกล่าวไป.
ทว่าสถานะของลู่อี้ผิงได้มีการเปิดเผยต่อมาว่าเขาก็คืออาจารย์ของนักบุญปิศาจ.
เช่นนั้นคนที่อยู่ตรงนี้ก็คือ,บรรพชนทัณฑ์สายฟ้าและอาจารย์ของนักบุญปิศาจ,ลู่อี้ผิงนั่นเอง
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองออกไป,จ้องมองเผ่าวิญญาณรัตติกาลและคนของตรุกูลหม่า.
เวลานั้นคนของเผ่าวิญญาณรัตติกาลและตระกูลหม่าที่สั่นสะท้าน,ลู่อี้ผิงที่ยกมือขึ้นดึ่งร่างของเย่จื่อโม่และหม่าซีมาอยู่ที่ด้านหน้าของพวกเขา.
ลู่อี้ผิงจ้องมองเย่จื่อโม่เอ่ยออกมาว่า“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะจัดการข้า,กวาดล้างตระกูลและนิกายของข้าอย่างงั้นรึ?”
เย่จื่อโม่,ปราณปิศาจที่หมุนวนทั่วร่างสลายหายไปทันที,หมวกสีดำที่ปกปิดครึ่งหน้าไม่รู้ว่าปลิวหายไปที่ใด,เผยให้เห็นใบหน้าที่แก่ชราเหี่ยวย่น.
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านลู่,ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน,โปรดอภัยให้ด้วย!”เวลานี้ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า.
เย่จื่อโม่เผ่าวิญญาณรัตติกาล,พลังของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวี,ทว่าตอนนี้แทบร้องไห้ทั้งน้ำตา.
ส่วนหม่าซีที่มาด้วย,เวลานี้ยืนนิ่ง,ไม่กล้าเคลื่อนไหว.
“อภัยรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส“หากข้าอ่อนแอ,เจ้ายังจะอภัยข้าใหม?”จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกไป,สายฟ้าเทวะที่บ้าคลั่งล่วงหล่นจากบนท้องฟ้าฟาดลงมา.
เย่จื่อโม่,หม่าซินตลอดจนเหล่ายอดฝีมือเผ่าวิญญาณรัตติกาลและตระกูลหม่าถูกสายฟ้ากลืนกินไปทั้งหมด.
เมื่อสายฟ้าหายไป,เผ่าวิญญาณรัตติกาลและตระกูลหม่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย.
ในเวลาเดียวกัน,ที่ไกลออกไป,ปรากฏราชรถคันใหญ่ปรากฏขึ้น.
บนตัวราชรถนั้น,มีอักษรสลักไว้ว่า“จ้านเทียน.”
อักขระ“จ้านเทียน”สองตัวส่องแสงวับวาว,เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม.
ท้ายที่สุดคนของเมืองจ้านเทียนก็มาถึงแล้ว.
บนราชรถคนใหญ่นั้น,มีผู้เยาว์ที่แผ่กลิ่นอายผยองและอหังการออกมา.
นอกจากนี้ด้านหน้ารถยังมียอดฝีมือที่ขี่พยัคฆ์ทมิฬเก้าตนลากรถมาด้วย.