Chapter 167: The trail of Kunpeng founder
鲲鹏祖师的足迹(一更)
“อะไรนะ,หลินซือโหลวศิษย์อาวุโสสูงนะรึ?!” อาวุโสสูงหลี่เจิ้งได้ยิน,ก็ร่อนลงมาบนพื้นจ้องมองเหยาเฟิงด้วยความโกรธเกรี้ยว.
“อาวุโสสูงหลี่เจิ้ง,ฆาตกรก็คือศิษย์พี่ใหญ่ต่างหาก.”อี้หว่านที่โกรธเกรี้ยว,ชี้ไปยังเหลียงหงจี,“สหายของข้าเหยาเฟิงพบเขาทำความผิด,ไม่เพียงไล่สังหารสหายของข้า,ตอนนี้ยังใส่ร้ายข้าอีกด้วย!”
เหยาเฟิงเร่งรีบเอ่ยออกมาว่า“ในมือของข้านั้นมีศิลาบันทึก,บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้.”
“หุบปาก!”หลี่เจิ้งจ้องมองอี้หว่านด้วยความโกรธเกรี้ยว“อี้หว่าน,คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะให้ท้ายคนนอก,ใส่ร้ายศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า! เจ้ายังเป็นศิษย์ขุนเขาอู๋เซี่ยอยู่อีกใหม!”
“ให้ท้ายคนนอก,ใส่ร้ายพวกเดียวกัน,ตามกฎนิกาย,จะต้องฝังทั้งเป็น!”อาวุโสสูงอีกคนเอ่ยออกมา.
อี้หว่านเอ่ยเตือน“อาวุโสสูงทั้งหลาย,สหายของข้ามีศิลาบันทึกภาพ.”
“เจ้ายังไม่รู้จักสำนึกอีก,ยังช่วยคนนอกแก้ตัวอีก!”หลี่เจิ้งที่โกรธเกรี้ยว,กระบี่ในมือของเขาปลดปล่อยปราณกระบี่,พุ่งเข้าหาเหยาเฟิงและอี้หว่านทันที.
“ตอนนี้ข้าจะลงโทษพวกเจ้าทั้งคู่!”
อี้หว่านและเหยาเฟิงที่สัมผัสปราณกระบี่ขอบเขตเทพแท้จริง,ก็ใบหน้าเปลี่ยนสี.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่ปราณกระบี่พุ่งมาถึงด้านหน้าคนทั้งสอง,ทันใดนั้น,ราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นกั้นอยู่,ปราณกระบี่กระแทกกระเด็นลอยออกไป.
ปราณกระบี่ดังกล่าวก็สลายหายไป.
ทุกคนต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน.
ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ลุกขึ้นยืน,ก้าวออกมา.
“เจ้าเป็นใคร?”เหล่าอาวุโสสูงขุนเขาอู๋เซี่ยจ้องมองลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำด้วยความประหลาดใจ.
อี้หว่านได้สติ,ก็เอ่ยกล่าวโต้แย้ง“อาวุโสสูงทั้งหลาย,นี่คือศิลาบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด,หากอาวุโสสูงไม่เชื่อก็สามารถตรวจสอบได้.”
“เจ้าส่งศิลาบันทึกมา,ข้าจะดู.”อาวุโสสูงคนหนึ่งเอ่ย.
อี้หว่านเผยท่าทางดีใจ,เหยาเฟิงที่ส่งศิลาให้กับฝ่ายตรงข้าม.
อย่างไรก็ตาม,อาวุโสสูงคนดังกล่าว เมื่อรับศิลาบันทึกมาแล้ว,ไม่เพียงไม่ตรวจสอบ,ยังบดขยี้ทำลายศิลาบันทึกดังกล่าวไปด้วย.
อี้หว่านโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,“ทำไม?!”
ลู่อี้ผิงลอบส่ายหน้าไปมา,สตรีอี้หว่านผู้นี้ไร้เดียงสาเกินไป,ทั้งที่รับรู้ว่า,เหล่าอาวุโสสูงตั้งใจช่วยเหลียงหงจีตั้งแต่แรกแล้วกับมองไม่เห็น.
เหลียงหงจีและเหล่าอาวุโสสูงเหล่านี้ควรจะมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันอยู่แล้ว.
ความจริง,ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามและอีกฝ่ายจะรู้จักกันหรือไม่? หาได้สำคัญ.
เรื่องเหลียงหงจีศิษย์หลักขุนเขาอู๋เซี่ยได้ข่มขืนและสังหารพวกเดียวกัน,เรื่องนี้หากกระจายออกไป,ย่อมสร้างความเสื่อมเสียให้กับขุนเขาอู๋เซี่ยอยู่แล้ว.
ดังนั้นถึงจะรู้ว่าฆาตกรเป็นเหลียงหลงจี,ก็ยังคงปิดตามองไม่เห็น.
หลังจากอาวุโสสูงทำลายศิลาบันทึกเสร็จก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ศิลาบันทึกไม่มีอะไรด้านใน,เป็นเพียงศิลาเปล่า,เจ้ารวมหัวกับมันหลอกลวงข้า”
จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า“อี้หว่าน,เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร,ทำผิดกฎนิกายอย่างรุนแรง,ให้ทำลายพลังบ่มเพาะ,นำตัวกลับนิกายค่อยตัดสินอีกครั้ง!”
อี้หว่านเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น.
ลู่อี้ผิงจ้องมองหลี่เจิ้งและพวก,กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“รู้ว่าเรื่อราวเป็นเช่นไร,กับปกปิดความจริง,รับรู้ว่าฆาตกรเป็นใคร,กับให้ท้ายฆาตกร,พวกเจ้ามันขยะ,สารเลวอย่างแท้จริง!”
จากนั้น,เขาก็ชี้นิ้วออกไป,หลี่เจิ้งและคนอื่น ๆ ระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตไปในทันที,รวมทั้งเหลียงหงจีด้วย.
อี้หว่านที่กลายเป็นงงงวย.
เดิมที,นางคิดว่าลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำสังหารหม่าเฟยและพวก,ควรจะมีระดับเทพวิญณาณ,ไม่คิดว่าแม้แต่หลี่เจิ้งและพวก ขอบเขตเทพแท้จริง,ยังสามารถสังหารเพียงแค่ชี้นิ้วออกไปเท่านั้น.
เทพสวรรค์อย่างงั้นรึ?
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงก็ส่งเม็ดยาฟื้นฟูให้กับเหยาเฟิง,ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว.
เหยาเฟิงที่โค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง,พร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเหลียงหงจีออกมา.
เมื่ออี้ฟ่านได้ยิน,ความเป็นจริงหลินซือโหลวนั้นได้พบความจริงว่าเหลียงหงจีและอาจารย์ของนาง รับใช้นิกายจินกัง,ดังนั้นนางจึงถูกเหลียงหงจีจัดการไป,เวลานี้จึงกลายเป็นงงงวย.
“เจ้าจะบอกว่า,อาจารย์ของข้านั้นรับใช้นิกายจินกังอย่างงั้นรึ?”อี้ฟ่านเอ่ยสอบถามเหยาเฟิงด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ.
อาจารย์ของนาง,เป็นเด็กกำพร้า,ซึ่งต่อมาผู้ก่อตั้งขุนเขาอู๋เซี่ยก็รับมาเป็นบุตรบุญธรรม,หลังจากที่ชี้แนะและสอนวิชาต่าง ๆ ให้จึงมีอำนาจเช่นทุกวันนี้,กล่าวได้ว่าผู้ก่อตั้งขุนเขาอู๋เซี่ยมีบุญคุณกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก,นางไม่อยากเชื่อเลยว่าอาจารย์ของนางจะทรยศขุนเขาอู๋เซี่ย.
เหยาเฟิงพยักหน้า.“เป็นเรื่องจริง,นอกจากนี้ไม่เพียงแค่อาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า,เหล่าบรรพชนชราหลายคน,อาวุโสสูงและอาวุโสทั่วไปต่างก็รับใช้นิกายจินกังและเผ่าวิญญาณรัตติกาล,บางทีอาวุโสก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะอยู่ในการควบคุมของนิกายจินกังและเผ่าวิญญาณรัตติกาลมาก่อนแล้ว.”
อี้หว่านที่นิ่งชงัก,นางที่กลายเป็นเงียบไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้เลยสักคำ.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ส่ายหน้าไปมา,นำสัตว์เทวะคุนเผิงที่ได้มาจากนิกายเทวะคุนเผิงออกมา,วางบนมือพลางเล่นสนุก.
แน่นอนว่าร่างจริงของมันนั้นมีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของเทือกเขานิกายเทวะคุนเผิง,ภายใต้อำนาจแห่งกฎมิติของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เวลานี้มันจึงย่อเล็กจนมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ,เวลานี้ไม่ต่างจากปลาตัวเล็ก ๆ เท่านั้น.
ขณะเล่นไปมา,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยออกมาทันที“จูเหริน,ท่านคิดว่าเสี่ยวคุนจะรู้เกี่ยวกับเรื่องที่บรรพชนผู้ก่อตั้งคุนเผิงมายังโหยวหมิง,แล้วไปยังที่ใหนมาบ้างหรือไม่?”
ลู่อี้ผิงลังเล,เอ่ยออกมาว่า“เจ้าลองถามสิ.”
เมื่อนิกายเทวะคุนเผิงก่อตั้งขึ้นมา,หากอสูรเทวะสัตว์เทวะคุนเผิงเป็นผู้พิทักษ์ตั้งแต่บุคโบราณมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ควรมีชีวิตเหลืออยู่แล้ว,เจ้าตัวนี้ ควรจะเป็นเพียงลูกหลานเท่านั้น.
อย่างไรก็ตาม,บางทีอีกฝ่ายอาจจะรับรู้เรื่องราวในอดีตมาเหมือนกัน.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เคาะหัวของอสูรเทวะคุนเผิง,พร้อมกับจับมันฟาดลงบนพื้น,จนมันเซถลาไปมา,เอ่ยถามออกมาว่า“ข้าถามเจ้าอยู่,เจ้ารู้ใหมว่าหลังจากผู้ก่อตั้งนิกายเทวะคุนเผิงมายังโหยวหมิง,ได้ไปที่ใหนบ้าง?”
สัตว์เทวะคุนเผิงที่ตาลาย,เห็นสายตาที่ดุร้ายของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ตัวสั่นเกร็ง,เร่งรีบเอ่ยตอบออกมา“ข้าได้ยินบรรพชนชราเอ่ยออกมาครั้งหนึ่ง,เขาได้ติดตามผู้ก่อตั้งคุนเผิงไปยังโหยวหมิง,บางทีคงเป็นเทือกเขาอู๋เซี่ย,เมืองเซิ่งหวง,ทะเลซีฟาง.”
ลู่อีผิ้งและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยความประหลาดใจ“เทือกเขาอู๋เซี่ย!”
ไม่คาดคิดเลยว่าผู้ก่อตั้งนิกายคุนเผิงจะเคยไปยังเทือกเขาอู๋เซี่ย.
อี้หว่านจ้องมองสัตว์เทวะคนเผิงในมือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยออกมาว่า“ปลาตัวน้อยเอ่ยว่าผู้ก่อตั้งคุนเผิงเคยไปยังเทือกเขาอู๋เซี่ยของเราอย่างงั้นรึ?”
เหยาเฟิงจ้องมองปลาตัวน้อยในมือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ด้วยความประหลาดใจ.
ผู้ก่อตั้งนิกายคุนเผิง,ไม่ใช่ว่าเป็นตัวตนในตำนานเมื่อหนึ่งล้านปีหรอกรึ?
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เหวี่ยงอีกฝ่ายลงพื้นเสียงดัง,สัตว์เทวะคุนเผิงเอ่ยทั้งน้ำตา”ท่านเสี่ยวจิน,เมื่อครู่ข้าเอ่ยออกมาหมดแล้ว.
“ข้ารู้.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
สัตว์เทวะคุนเผิงที่น้ำตาไหลอาบ.
หลังจากนั้นวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เอ่ยถามสัตว์เทวะคุนเผิงว่ายังมีอีกหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม,อสูรเทวะคุนเผิงจำได้เพียงแค่บรรพชนของมันเอ่ยออกมาเพียงสามสถานที่เท่านั้น.
“เทือกเขาอู๋เซี่ย,เมืองเซิ่งหวงและทะเลซีฟาง.”ลู่อี้ผิงทีเอ่ยกับตัวเอง.
เทือกเขาอู๋เซี่ย,ไม่ต้องสงสัยว่ามันเป็นสถานที่นิกาย เขาอู๋เซี่ยของอี้หว่านนั่นเอง.
อย่างไรก็ตาม,เมื่อยุคโบราณ,เทือกเขาอู๋เซี่ยนั้นเป็นเพียงแค่เทือกเขาใหญ่,ไม่ได้มีนิกายเขาอู๋เซี่ยตั้งอยู่แต่อย่างใด,กล่าวได้ว่านิกายเขาอู๋เซี่ยเพิ่งก่อตั้งเมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้วนี่เอง.
ส่วนเมืองอู๋เซี่ย,นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์ในปัจจุบัน.
ส่วนทะเลซีฟางนั้น,เป็นสถานที่อยู่ของวังมังกรปิศาจ,วังมังกรปิศาจถือว่าเป็นเผ่าปิศาจอันดับหนึ่งและเป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่งของโหยวหมิงด้วย.