Chapter 156 Probably is Lu Yiping
好像就是路一平(四更)
ลู่อี้ผิงได้ยินคำพูด,ก็เงยหน้าจ้องมองจินเทียนหงที่แขนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว,พลางเอ่ยอย่างไม่แยแส“แขนกลับคืนมาแล้ว,ต้องการมาแก้แค้นอย่างงั้นรึ?”
คนของนิกายเทวะคุนเผิงที่เห็นลู่อี้ผิงเฉยชาไม่แยแส,ใบหน้าก็กลายเป็นเย็นชา.
“เจ้าหนู,เจ้ารู้ใหมว่าเขาเป็นใคร?”อาวุโสซือเหว่ยที่เอ่ยปากออกมาทันที“เขาคือคุณชายจินเทียนหง,บุตรชายของซ่างเหรินจินกวงไงล่ะ.”
หลินเจ๋อและเหล่าคนที่มาพร้อมกับหลินเจ๋อถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสีไปตาม ๆ กัน.
ซ่างเหรินจินกวง!
นี่คุณชายลู่ได้ตัดแขนของบุตรชายซ่างเหรินจินกวงมาอย่างงั้นรึ?
หนึ่งในพวกเขาเอ่ยออกมาว่า“อาวุโสนิกายเทวะคุนเผิงทุกท่าน,คุณชายจิน,พวกเราพบกับคนเหล่านี้โดยบังเอิญ,ไม่รู้จักกันนะ.”จากนั้นก็เร่งรีบขยับห่างออกจากลู่อี้ผิงทันที.
คนที่มาด้วยกันต่างก็เร่งรีบอธิบายต่อซือเหว่ยและจินเทียนหงอย่างชัดเจน,ขยับหนีอย่างรวดเร็ว,ไม่เว้นแม้แต่หลินเจ๋อ.
พวกเขาหนีไปซ่อนตัวไกล ๆ.
หลังจากที่ขยับมาซ่อนตัวห่างออกมาไกลแล้ว,รับรู้ว่าคนแซ่ลู่ได้ล่วงเกินบุตรของซ่างเหรินจินกวงมา หลินเจ๋อที่เสียใจเป็นอย่างมาก,คิดว่าไม่น่าเชิญอีกฝ่ายร่วมเดินทางเลย.
“หลินเจ๋อ,ต้องโทษเจ้าแล้ว,ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนเชิญเจ้าคนแซ่ลู่เข้ากลุ่มมา,ทำให้พวกเราต้องซวยไปด้วย.”อีกคนที่กล่าวด้วยความโกรธต่อหลินเจ๋อ“ไม่รู้ว่าคนของนิกายเทวะคุนเผิงจะแก้แค้นพวกเราหรือไม่?”
หลายคนที่เอ่ยออกมาแล้วตัวสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน.
ลู่อี้ผิงที่ได้ยินคำพูดของซือเหว่ย เอ่ยว่าผู้เยาว์ที่เทือกเขาหกตาเป็นบุตรของซ่างเหรินจินกวง,ก็เผยท่าทางประหลาดใจ,จ้องมองไปยังจินเทียนหงเอ่ยออกมาว่า“ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าคือบุตรของซ่างเหรินจินกวง.”
ซือเหว่ยเอ่ยถามจินเทียนหง“พี่เทียนหง,ให้พวกเราจัดการพวกมันอย่างไร? ก่อนอื่นตัดแขนขาพวกมัน,ทั้งหมดเลยใหม.”
“หรือว่าให้บดขยี้วิญญาณของพวกมันด้วย?”
จินเทียนหงแค่นเสียงเย็นชา“ตัดแขนขาพวกมัน,ให้มันพิการ,ไม่ต้องบดขยี้ดวงวิญญาณหรอก,ตัดแขนตัดขา ทำลายชีพจรทั้งหมด,ก็โยนพวกมันออกไปก็พอแล้ว.”
ซือเหว่ยที่จ้องมองลู่อี้ผิง“ได้ยินรึยัง? ยังไม่รีบคุกเข่าขอบคุณ ที่พี่เทียนหงไม่สังหารพวกเจ้าอีก!”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว,พร้อมกับท่าทางเหยียดหยันอหังการของอีกฝ่าย,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เผยยิ้ม.
“ขอบคุณที่ไม่สังหารรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จ้องมองจินเทียนหง จ้องมองจากจากบนลงล่าง“เจ้าหนู,ไม่คาดคิดเลยจริง ๆว่าเจ้าจะเป็นบุตรของซ่างเหรินจินกวง,หากรู้ก่อนหน้านี้,พวกเราคงไม่เพียงแค่ตัดแขนเจ้าสองข้างเท่านั้นหรอก.”
“หากพวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นบุตรซ่างเหลินจินกวง,ข้าคงระเบิดก้นเจ้าไปแล้ว!”
จินเทียนหง,ซือเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่ตกใจ.
ในเวลานั้น,เหล่ายอดฝีมือที่ผ่านไปมา ต่างก็หยุดลง,ใบหน้าบิดเบี้ยวเผยท่าทางแปลกประหลาดหลังจากได้ยินคำพูดแปลก ๆ ดังกล่าว.
“เจ้าเป็นใคร? รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นบุตรซ่างเหรินจินกวง,กับพูดจ้าบ้าคลั่งเพียงนี้?”ใครบางคนเอ่ยออกมา.
ซือเหว่ยและคนอื่น ๆ ของนิกายเทวะคุนเผิง ใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้มเย็นชา.
“ดูเหมือนว่าเพียงแค่แขนและขา,เจ้าจะไม่พอใจ,ต้องการตายสินะ!”ซือเหว่ยที่แค่นเสียงเย็นชา,ในเวลานั้นก็ฟาดฝ่ามือมายังวัวมังกรเขาทองคำ,“คุกเข่า!!!!!”
ขณะที่มือขวาของเขาฟาดมาถึงวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,แขนขวาของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็คว้ามือของเขาแล้วบิด,เสียงกระดูกแตกหักดังก้อง.
ซือเหว่ยที่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด.
ทุกคนต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการคุกเข่ามาก,ก็จงคุกเข่าลงซะ!”ฝ่ามือของเขาที่ตบไปบนศีรษะทันที.
ทันใดนั้น,ซีเหวยที่ถูกตบจมลงบนพื้นในทันที.
ปัง!
พื้นดินที่สั่นไปมาในทันที.
ซือเหว่ยที่คุกเข่าลง,เพราะว่าความแข็งแกร่งของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ทำให้ขาทั้งสองข้างอีกฝ่ายบิดหักแทบจะในทันที.
แม้นว่าอีกฝ่ายจะถูกทำให้คุกเข่า.
ทว่าศีรษะตอนนี้ แบนบี้ไปเรียบร้อยแล้ว.
โลหิตที่กระเซ็นไหลออกมาจากศีรษะที่บุบยุบ.
อย่างไรก็ตาม,เวลานี้เขายังไม่ตาย,เพราะวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,จงใจไม่ให้เขาตายนั่นเอง.
ผู้คนรอบ ๆ ที่ชงักตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
แม้แต่จินเทียนหงและอาวุโสคนอื่น ๆ ของนิกายเทวะคุนเผิงก็อ้าปากค้างไปเช่นกัน.
ที่ไกลออกไป,หลินเจ๋อและอีกหลายคนที่หัวใจสั่นไปมาอย่างบ้าคลั่ง.
“เขาสังหารอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิง?!”หลินเจ๋อและคนอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับลู่อี้ผิง,เวลานี้แทบไม่กล้ากลืนน้ำลายลงคอ.
ทุกคนสามารถมองเห็นได้,แม้นว่าอาวุโสซือเหว่ยจะยังไม่ตายตอนนี้,ทว่าคงอดทนได้ไม่นาน.
“เขา,บ้าไปแล้ว?!”หลินเจ๋อที่ไม่อยากเชื่อจ้องมองไปยังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
สังหารอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิง!
นอกจากนี้ที่นี่ยังอยู่ที่ทางเข้าสู่เทือกเขาเทวะคุนเฟิงอีกด้วย.
หนำซ้ำเวลานี้,ยังเป็นงานชุมนุมใหญ่อีก.
ในเวลานั้น,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,จ้องมองไปยังอาวุโสคนอื่น ๆ,เผยยิ้มพราย,ฝ่ามือที่ฟาดลงมาอีกครั้ง.
“คุกเข่าได้แล้ว!”
เหล่าอาวุโสคนอื่น ๆ ของนิกายเทวะคุนเผิง,ไม่มีแม้แต่เวลาให้ครุ่นคิด เวลานั้นได้ยินเสียง “ปัง” จากนั้นก็รู้สึกเทือกเขาฮุ่นตุ้นได้ล่วงหล่นลงมา,จิตสำนักที่โล่งว่าง,แทบไม่อาจทนแบกรับได้.
เห็นเหล่าอาวุโสที่เวลานี้ที่คุกเข่าลงแนบพื้นตาม ๆ กัน.
เหมือนกับซือเหว่ยก่อนหน้านี้,หัวพวกเขาที่บุบแบนบี้,ใบหน้าอาบด้วยโลหิต,ขาทั้งสองข้างที่หักโดยสมบูรณ์.
หลินเจ๋อและพวกเวลานี้ร่างกายชงักแทบลืมหายใจแล้ว.
ส่วนจินเทียนหง,จ้องมองเหล่าอาวุโสที่หัวแบะ,ความคิดที่จะจับอีกฝ่ายได้หายไปโดยสมบูรณ์.
เขารู้สึกว่าร่างกายเย็นยะเยือบ,ขณะจ้องมองไปยังวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,แววตาเผยความหวาดกลัว,“เจ้า!”
“พวกเรารึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“เจ้าต้องการพูดอะไร?”
จินเทียนหงที่เอ่ยเสียงสั่น,เวลานี้รู้สึกน้ำลายมันติดคอจนไม่รู้ จะเอ่ยอะไรออกมา.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ตบจินเทียนหง,คุกเข่าลงในทันที.
จินเทียนหงและเหล่าอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิงต่างก็มีสภาพไม่ต่างกันกัน.
...
เวลานี้สองปิศาจซีจุและคนอื่น ๆ เหล่าคนสำรัญต่างก็นั่งอยู่ในห้องโถงเทวะคุนเผิง.
ซ่างกวนจินหวงและจินเหม่ยจวนก็อยู่ด้วย,แม้นว่าถานะของพวกเขาจะไม่ต่ำ,อย่างไรก็ตามที่ด้านหน้ายังมีเหล่ยเห่า,เฉินโหยวเฉียน,แม้แต่สองปิศาจซีจุ,ดั้งนั้นพวกเขาที่เป็นเพียงจึงทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ ในห้องโถง.
เหล่ยเห่าเอ่ยต่อสองปิศาจซีจุ,“ลู่อี้ผิงคนนี้แข็งแกร่งมาก,เกรงว่า จะเหนือกว่าระดับจ้าวพิภพ,ดังนั้น,ควรที่จะล้อมสังหารเขา,เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดี.”
สองปีศาจซีจุ,หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมาว่า“พี่เหล่ยเห่าไม่ใช่ว่าได้ท้าประลองกับเขาไว้แล้วหรอกรึ? เช่นนั้นเราก็เปลี่ยนสถานที่เป็นนิกายเทวะคุนเผิงเลยเป็นอย่างไร,เวลานั้น,เมือเขามาก็ใช้ค่ายกลเทวะคุนเผิงผนึกอีกฝ่ายไว้,จะสังหารเขาก็ไม่น่าจะยากแล้ว!”
ยวีชิงเหริน,สำนักกระบี่ไท่ชิงเองก็เอ่ยปากออกมาว่า“ค่ายกลเทวะของนิกายเทวะคุนเผิงถือเป็นค่ายกลอันดับหนึ่งของจิวเทียน,หากล่อเขาเข้ามาได้,การจะกำราบและสังหารก็เป็นเรื่องง่ายมาก!”
ซ่างเหรินจินกวง,จินเหม่ยจวนทั้งสองที่นั่งอยู่เงียบ ๆ,ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.
ในเวลานั้น,บรรพชนชรานิกายเทวะคุนเผิงผู้หนึ่งที่วิ่งหืดหอบเข้ามา,ซ่างหรินจินกวงและจินเหม่ยจวน,ทั้งสองจ้องมองเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยออกมาเหมือนกัน.
“เกิดอะไรขึ้น?”เหล่ยเห่าที่จ้องมองไปยังบรรพชนชราที่เข้ามารายงาน,พลางขมวดคิ้วไปมา,เอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ.
บรรพชนชรานิกายเทวะคุนเผิงที่เร่งรีบเข้ามา เอ่ยออกมาในที่สุด”เรียนบรรพชนชรา,ที่ด้านหน้าเทือกเขามีคนสามคน,ฝ่ายตรงข้ามได้สังหารอาวุโสของพวกเราไปห้าคนรวมทั้งบุตรชายของซ่างเหรินจินกวงด้วย.
“อะไรนะ?!”ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ตะลึงไปเหมือนกัน.
ซ่างเหรินจินกวงแทบไม่เชื่อ,กับสิ่งที่ได้ยิน.
“ฝ่ายตรงข้าม,อาจจะเป็นลู่อี้ผิง!”บรรพชนชรานิกายเทวะคุนเผิงที่เอ่ยเพิ่ม.
“อะไรนะ,ลู่อี้ผิง!”เหล่ยเห่า,เฉินโหยวเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างก็เอ่ยอุทานเป็นเสียงเดียวกัน.