Chapter 155 You break my both arms
你们断我双臂(三更)
“ไม่ไช่แค่ในจิวเทียน,ได้ยินมาว่าสองอสุรกายซีจุ,โลกโหยวหมิงเองก็มา.”
“อะไรกัน,สองอสุรกายซีจุ! ปิศาจไร้เทียมทานยุคจ้านเทียน,คาดไม่ถึงว่าจะมาด้วย.”
“เกินกว่านั้น! ข้าได้ยินมาว่า,สำนักอู๋เซิ่งไม่ได้ส่งมาแค่สองอสุรกายซีจุเท่านั้น,ยังมีตัวตนที่น่าพรั่นพรึงที่ยังไม่รู้อีกไม่น้อย!”
ระหว่างทางมียอดฝีมือหลายคนที่เดินทางมาไม่ขาดสาย พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างออกรส.
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ยุคนักบุญปิศาจ,ที่ยากที่จะได้เห็น,เวลานี้กลับปรากฏตัวออกมามากมาย.
นอกจากนี้ยังมีเหล่าอสุรกายชรายุคจ้านเทียนต่างก็ตบเท้ากันออกมาจากการถือสันโดษด้วย.
เหล่าอสุรกายยุคจ้านเทียน,ตัวตนเหล่านี้มีน้อยนิด,ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกเขาย่อมกลายเป็นที่พูดคุยของทุกคนเป็นธรรมดา.
นิกายอู๋เซิ่งต้องการล้อมสังหารลู่อี้ผิงอย่างง้นรึ?”ใครบางคนเอ่ยถาม.
“เรื่องนี้เองยังไม่รู้แน่ชัด,ได้ยินมาว่าหลายวันก่อนลู่อี้ผิงได้จัดการคนของโลกเทวะเทียนหลิงและนิกายอู๋เซิ่ง,สังหารท่านซุนไห่หยินไป!”
“อะไรนะ,ท่านซุนไห่หยินถูกลู่อี้ผิงสังหารอย่างงั้นรึ?”หลายต่อหลายคนที่กล่าวด้วยความตกใจ.
เรื่องดังกล่าวเพราะมีส่วนที่เกี่ยวข้องทำให้วังม่านหมอกอับอาย,ดังนั้นจึงเรื่องนี้จึงไม่กระจายไปทั่ว,มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้.
“ได้ยินมาว่าลู่อี้ผิงนั้นเป็นเทพสังหาร! ก่อนหน้านี้ก็ได้สังหารเทพกู่ฉินฟู่เฉา,จากนั้นก็เป็นบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวี,ฉินโม่จิว,ตอนนี้ยังสังหารซุนไห่หยินอีก!”
“แล้วก็ท่านนักบุญจิตรกรรม,หลิวหรูเซิ่งด้วย!”
นามมากมายที่ทุกคนเอ่ยออกมา.
แต่ละชื่อ ล้วนทำให้ผู้คนต้องหัวใจสั่นสะท้าน.
นามเหล่านี้,ไม่ว่าจะเป็นในจิวเทียน,หรือดินแดนโหยวมิงต่างก็เป็นตัวตนขอบเขตเทพกันทั้งนั้น.
เวลานี้,ต่างก็ตายกันหมดแล้ว.
โดยเฉพาะนักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่ง,เป็นตัวตนที่โดดเด่นแข็งแกร่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในยุคจ้านเทียน!
ทุกคนที่ได้ยินเวลานี้รู้สึกขนหัวลุก,ขาอ่อนไปตาม ๆ กัน.
ในเวลาเดียวกันนั้นมี,เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้นมาที่ด้านหลัง “สองอสุรกายซีจุนิกายอู๋เซิ่ง,ตอนนี้มาถึงจิวเทียนแล้วรึ?”
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองออกไป,ก่อนจะเห็นคนสามคนที่ก้าวเข้ามาด้านหลัง.
คนที่กล่าวออกมาเป็นชายหนุ่มชุดน้ำเงินนั่นเอง.
ยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงตกใจ,พยักหน้ารับ“ใช่แล้ว,ได้ยินมาว่าพวกเขาอยู่ที่นิกายเทวะคุนเผิงแล้ว.”
แน่นอนว่า,ทั้งสามย่อมเป็นกลุ่มของลู่อี้ผิงนั่นเอง.
“ไม่รู้ว่าคนของนิกายอู๋เซิ่งเดินทางมามากเท่าไหร่รึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยถาม.
“ไม่รู้ว่าเท่าไหร่,แต่ได้ยินมาว่า มากกว่าร้อยคน,ทุกคนล้วนแต่เป็นจ้าวพิภพขั้นกลางกันทั้งนั้น.”เทพแท้จริงเอ่ย,จากนั้นก็จ้องมองมายังพวกลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาว่า“พวกเจ้าเองก็มางานชุมนุมนิกายเทวะคุนเผิงด้วยอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม“พวกเรากำลังจะไปยังนิกายเทวะคุนเผิง.”
เขาไม่ได้เอ่ยว่าจะไปชุมนุมใหญ่แต่อย่างใด.
“เมื่อไปทางเดียวกัน,ก็ไปด้วยกันเลยใหม?”ยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงเผยยิ้ม“จะได้คึกครืน.”
เห็นลู่อี้ผิงที่ลังเล.
“พี่ชายมีนัดกับสหายไว้ก่อนแล้วอย่างงั้นรึ?”ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยสอบถาม.
ลู่อีผิ้งส่ายหน้า,“ไม่มี.”
“ไม่มี ก็ไปด้วยกันเถอะ.”ยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงเผยยิ้ม.
ลู่อี้ผิงทีพยักหน้าในที่สุด.
ระหว่างทางเองก็มีคนที่เดินทางไปยังนิกายเทวะคุนเผิงอีกไม่น้อย.
ดังนั้นยิ่งเข้าใกล้นิกายเทวะคุนเผิง,ผู้คนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น.
ระหว่างทาง,กลุ่มของลู่อี้ผิงก็มีคนมาสมทบอีกสองกลุ่ม.
ซึ่งก็คือเทพแท้จริง ของนิกายเหวินเต๋าจากดินแดนไท่สวี
อีกสามคนที่มาเพิ่ม เป็นยอดฝีมือจากดินแดนซั่งเซิง,ซึ่งมีขอบเขตเทพแท้จริงเช่นกัน.
ระหว่างทาง,ลู่อี้ผิงเห็นเทพวิญญาณจำนวนมากที่มุ่งหน้าไปยังทิศทางนิกายเทวะคุนเผิง,จึงเอ่ยออกมาว่า“งานชุมนุมใหญ่ของนิกายเทวะคุนเผิงครั้งนี้,ทุกท่านต่างก็มาเข้าร่วมอย่างงั้นรึ?”
หลินเจ๋อผู้ชักชวนทุกคนเข้าร่วมกลุ่ม เอ่ย“เกือบทั้งหมด,นิกายเทวะคุนเผิงเอ่ยว่า,ตราบเท่ามีระดับเทพวิญญาณขึ้นไป,ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหน,สามารถเข้าร่วมได้ทั้งนั้น.”
จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“ได้ยินมาว่า ยวีชิงเหรินสำนักกระบี่ไท่ชิง,บรรพชนอสูร นิกายอสูรสวรรค์และไท่จู่หวนโหมวสำนักร้อยแปลงเองก็มาด้วย.”
สำนักกระบี่ไท่ชิงถูกเขาสังหาร,ลู่อี้ผิงไม่ได้ประหลาดใจนัก,ทว่าไม่คิดเลยว่าสำนักอสูรสวรรค์และสำนักร้อยแปลงจะเข้าร่วมด้วย.
ก่อนหน้านี้,บรรพชนชราผานหงปิงถูกเขาสังหาร,ดังนั้นจึงต้องการมาล้างแค้นอย่างงั้นรึ?
แล้วสำนักร้อยแปลง,ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับเขาไม่ใช่รึ?
หลังจากสอบถาม,ลู่อี้ผิงก็รับรู้ว่าสำนักอสูรสวรรค์และสำนักร้อยแปลง,เดิมทีก็เป็นลิ่วล่อของนิกายเทวะคุนเผิงมาตั้งนานแล้ว.
พวกเขาเดินทางอย่างไม่รีบเร่ง,หยุดพักเป็นระยะ.
สองวันหลังจากนั้น.
ท้ายที่สุดก็มาอยู่ห่างจากเทือกเขาที่ตั้งนิกายเทวะคุนเผิง.
“สหายลู่,ที่ด้านหน้าคือนิกายเทวะคุนเผิงแล้ว.”หลินเจ่อที่ชี้นิ้วไปบนเทือกเขาด้านหน้า,ตำหนักใหญ่บนภูเขา เวลานี้มียอดฝีมือมากมายที่หลั่งไหลเข้าร่วมไม่หยุด.
แม้นว่าจะไม่ใช่ยอดฝีมือทั้งหมดทั้งจิวเทียน,ทว่าก็บอกได้ว่านิกายเทวะคุนเผิง,มีบารมีสูงส่งเป็นอันดับหนึ่งของจิวเทียนอย่างแท้จริงที่เชิญผู้คนจำนวนมากให้มาเข้าร่วมได้มากมายเช่นนี้.
งามชุมนุมใหญ่,ที่เชิญยอดฝีมือไปทั้งจิวเทียน,ทำให้มีผู้คนมากมายต่างก็หลั่งไหลมายังนิกายเทวะคุนเผิง.
ที่ไกลออกไปในฝูงชน,บุตรชายของซ่างเหรินจินกวง,จินเทียนหงที่กำลังลาดตระเวนไปพร้อมกับอาวุโสของนิกายเทวะคุนเผิง.
เดิมทีเจ้านิกายเฟยเจียนิกายเทวะคุนเผิง,ก็คือลุงของเขา,งานชุมนุมใหญ่นิกายเทวะคุนเผิงครั้งนี้,เขาและป้าจินเหม่ยจวนตลอดจนบิดาของเขาซ่างเหรินจินกวงต่างก็เข้าร่วม,ซึ่งได้เดินทางมาถึงเมื่อวานนี้แล้ว.
จินเทียนหงที่กำลังลาดตะเวน,เวลานั้นเขาก็ได้พบเข้ากับชายหนุ่มชุดน้ำเงินที่อยู่ไกลออกไป.
“เป็นเจ้าเด็กนั่น!”ขณะมองเห็นลู่อี้ผิง,แววตาของจินเทียนหงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงแผ่ออกมาทันที.
“พี่เทียนหง,เป็นอะไรอย่างงั้นรึ?”อาวุโสซีเหว่ย,นิกายเทวะคุนเผิงเอ่ยถาม.
จินเทียนหงที่โกรธเกรี้ยวชี้นิ้วไปยังลู่อี้ผิง“สองสามวันก่อนที่ภูเขาหกตา,ข้าถูกลูกน้องของมันตัดแขนไปสองข้าง!”เขาจ้องมองหวงจิวที่อยู่ด้านหลังลู่อี้ผิง“เป็นเจ้าสารเลวนั่น!”
แม้นว่าแขนทั้งสองข้างจะได้รับการต่อขึ้นใหม่จากป้าของเขา จินเหม่ยจวนแล้ว,ทว่าหลังจากต่อแล้ว,มันก็ไม่ได้ดีเยี่ยมเหมือนกับก่อนหน้า.
“!”อาวุโสนิกายเทวะคุนเผิงคนหนึ่ง,จ้องมองไปยังลู่อี้ผิง,หวงจิวและคนอื่น ๆ ด้วยแววตาเย็นชา.
ซือเหวบที่เผยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม“ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะกล้ามายังนิกายเทวะคุนเผิง!”
จินเทียนหงเอ่ย.“ข้าไม่ได้เผยสถานะของตัวเองออกไปก่อนหน้านี้,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สถานะของข้า,หากรู้ต่อกินดีหมีมาร้อยตัวก็คงไม่กล้า.”
ซือเหว่ยที่เผยยิ้ม“พี่ชายเทียนหงให้จัดการพวกมันอย่างไร? ให้ข้าไปนำตัวมาให้ใหม!”
จินเทียนหงที่ยกมือขึ้นขวาง,เอ่ยออกมาว่า“พวกมันอ่อนด้อยปานนั้น,เป็นแค่ลิ่วล่อ,แม้ว่าจะมีจะมีระดับเทพสวรรค์ขั้นต้น,ทว่าก็นับว่าเป็นยอดฝีมือเช่นกัน,พวกเราควรจะให้เกียรติกับคำว่ายอดฝีมือสักหน่อย!”
เหล่าอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิงที่เผยยิ้ม.
“ที่นี่คือประตูทางเขาเทือกเขาเทวะคุนเผิง,พวกเขาไม่มีทางกล้าโจมตีกลับแน่.”ซื่อเหว่ยที่หัวเราะเยาะ“ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าพวกมัน แส่หาเรื่องถูกทำลายทั้งตระกูลเท่านั้น.”
แม้แต่อยู่ในดินแดนอื่น,คนที่กล้าท้าทายอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิง,นับว่ามีน้อยมาก.
อีกอย่างเวลานี้อยู่ที่ประตูทางเข้านิกายเทวะคุนเผิงด้วย พวกเขายิ่งมีอำนาจเป็นอย่างมาก.
เหล่าอาวุโสที่ก้าวตรงเข้าไปหาลู่อีผิ้งทันที.
จินเทียนหงที่ลังเลทว่าก็ก้าวเข้าไป.
หลินเจ๋อที่เห็นสหายในฝูงชน,ขณะจะก้าวเข้าไปทักทาย,ทันใดนั้นอาวุโสนิกายเทวะคุนเผิงก็ก้าวตรงเข้ามาขวาง,ทำให้เขาตกใจ.
จินเทียนหงที่ก้าวมาอยู่ด้านหน้าลู่อี้ผิง,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะวิ่งเข้ามาหาข้าเอง.”
“ก่อนหน้านี้ที่เทือกเขาหกตา,เจ้าตัดแขน ข้าสองข้าง,หลายวันมานี้,ข้าแทบนอนไม่หลับ!”