Chapter 153 Isn't this Establishment Tree’s tree block?
这不是建树的树块吗?(一更)
ทุกคนที่ก้าวตามลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำไปไม่ห่าง.
หลังจากที่ข้ามเนินเขากว้าง,ก็มาถึงสายธารแห่งหนึ่ง.
ลมปราณวิญญาณที่กระจายฟุ้งแผ่ออกมาจากแม่น้ำ,สายธารดังกล่าวมีสีโลหิตแผ่รัศมีแสงโอฬารตา.
ทุกคนที่จับจ้องมองไปยังสายธาร,พบวาฬทองคำสีทองกำลังแหวกว่าย.
นี่คือวาฬทองคำที่หายากมาก,ทว่าที่นี่กับมีอยู่เป็นฝูง 400-500 ตัว.
นอกจากวาฬทองคำ,ยังมีสายพันธ์หายากอื่น ๆ อีกมากมาย“สายธารนี้,มีสิ่งมีชีวิตหายากอาศัยอยู่.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
หรือจะกล่าวได้ว่าในลำธารแห่งนี้,ยกเว้นวาฬทองคำก็มีสายพันธ์อื่น ๆ อยู่ด้วยนั่นเอง.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“อีกหลายร้อยล้านปี,แม่น้ำแห่งนี้,เกรงว่าอาจจะเติบตก้าวออกไปสู่โลกด้านนอกได้.”
หลายร้อยล้านปีอย่างงั้นรึ?
เช่อตงหยาง,หวงจิวและคนอื่น ๆ ที่ตะลึงงัน.
หลายร้อยล้านปีนั้น,มันไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการถึงได้.
ยุคโบราณจนมาถึงตอนนี้,ก็มีอายุหนึ่งล้านปีเท่านั้น.
ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา“ไม่ใช่ว่าจะเติบโตได้ง่าย ๆ,หลายร้อยล้านปีจากนี้,ยังมีตัวแปรอีกมากมายที่พวกเรายังไม่รู้.”
พวกเขาที่ข้ามผ่านแม่น้ำ,บินตรงต่อไป.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,พวกเขาก็เห็นภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง.
ภูเขาดังกล่าวมีความสุง 10,000 จั้ง,กินพื้นที่หลายหมื่นลี้,บนภูเขาดังกล่าวยกเว้นต้นไม้ดอกไม้พืชหลากสีนานาพันธ์,ก็ไม่มีสิ่งใดอีก.
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงจ้องมองแผนที่ขุมทรัพย์,จากนั้นก็สร้างสายกู่ฉินทั้งห้าลงไปบนแผนที่ซ้ำอีกครั้ง,ทันใดนั้น,ก็ได้ยินเสียงดนตรีดังก้อง,ท่วงทำนองดนตรีที่ที่พุ่งออกไปผสานเข้ากับภูเขาลูกดังกล่าว.
ภูเขาที่สั่นไปมาในทันที.
สัญลักษณ์แสงที่แผ่ออกไปปกคลุมทั่วทั้งภูเขา.
สายตาของทุกคน,ภูเขาใหญ่ไร้สิ่งก่อสร้างค่อย ๆ ปรากฏตำหนักขึ้นทีละแห่ง ๆ,ภายในตำหนักมีต้นไม้เทพที่ส่องแสงวับวาว,กลิ่นอายของสมุนไพรวิญญาณที่เลิศล้ำ,ราวกับแดนสวรรค์ที่ฟุ้งกระจายออกมา.
ท้ายที่สุด,เพียงไม่นานตำหนักหลายหมื่นแห่งก็ปรากฏขึ้นสมบูรณ์,สัญลักษณ์ภูเขาก็หายไป,แผนที่กู่ฉินหยุดส่องแสง.
“นี่คือตำหนักนักบุญกู่ฉิน?”เช่อตงหยางที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
“วังนักบุญกู่ฉินในอดีตถูกย้ายมาไว้ที่นี่อย่างงั้นรึ? นอกจากนี้สามารถย้ายทั้งภูเขาทั้งหมดมาที่นี่ได้,ใครถึงได้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น?!”หวงจิวที่อุทานด้วยความตกใจ.
เทือกเขาต้าโจวที่ใหญ่ยักษ์,ถูกย้ายมาที่นี่อย่างคาดไม่ถึง,เรื่องเช่นนี้หวงจิวและอีกหลายคนไม่อาจจินตนาการถึงได้เลย.
ความแข็งแกร่งเช่นนี้,มากมายไร้สิ้นสุด.
ต่อให้เป็นจ้าวพิภพขั้นปลายท้ายก็ไม่อาจทำสำเร็จ.
ถึงจะเป็น 100 จ้าวพิภพขั้นสุดท้ายก็ไม่อาจทำได้แน่นอน.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองเทือกเขา,เอ่ยออกมาว่า“ความแข็งแกร่งของเทพยุคโบราณ,ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้ในตอนนี้.”
เทียบกับเทพยุคโบราณ,สิบสุดยอดฝีมือจิวเทียน,ที่เรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่,ความแข็งแกร่งอ่อนด้อยราวกับลูกเจี๊ยบเมื่อเทียบกับพวกเขา.
“ทว่า,ตำหนักนักบุญกู่ฉินมีใครบางคนได้ใช้มหาค่ายกลกาลอวกาศไร้ที่เปรียบ,ย้ายมาอยู่ที่นี่.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
“มหาค่ายกลกาลอวกาลสามารถย้ายพื้นที่ใหญ่โตมาได้อย่างงั้นรึ?”เช่อตงหยาง,หวงจิว ทั้งสองที่ไม่อาจพรรณนาถึงได้เลย.
แม้นว่าค่ายกลกาลอวกาศจะแข็งแกร่ง,ทว่าการย้ายคนหนึ่งคน,สองสามคน,ก็ไม่ได้ยากอะไรนัก,ทว่าการย้ายทั้งเทือกเขาเทวะมา,มันเหลือเชื่อเกินไป.
ระดับค่ายกลของผู้นี้,ต้องสูงขนาดใหนกัน.
“จ้าวไร้ขอบเขตอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำคาดเดา.
ลู่อี้ผิงที่พยักหน้า.
“ใครคือจ้าวไร้ขอบเขต?”หวงจิวเอ่ย.
“หนึ่งสิบสุดยอดฝีมือยุคหมื่นทวยเทพ,เป็นหนึ่งสิบปรมาจารย์ค่ายกลด้วย.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ยุคโบราณ,มีหลายยุคสมัย,ทว่ายุคหมื่นทวยเทพ,คือยุคที่ทรงพลังที่สุด,มียอดฝีมือที่น่าพรั่นพรึงมากมาย,กล่าวได้ว่าแต่ละคนล้วนแต่บุคคลที่สวรรค์เลือกสรรให้มาเฉิดฉายในยุคสมัยเดียวกัน.
จิวเทียนในปัจจุบัน,เทียบกับยุคหมื่นทวยเทพ,มันช่างเล็กจ้อยนัก.
ทันใดนั้น,ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ได้ร่อนลงบนเทือกเขา,ก่อนที่จะก้าวเข้าไปประตูตำหนักด้านใน.
ทว่าด้านหน้าเทือกเขานักบุญกู่ฉินนั้น,มีศิลากู่ฉินที่ใหญ่ยักษ์,เหมือนกับในแผนที่,ทว่าไม่มีสายกู่ฉินตั้งตระหง่านอยู่.
ลู่อี้ผิงได้ทำการสร้างสายฉินเข้าไปบนศิลาฉินเช่นเดิม.
เสียงกู่ฉินศิลาที่ดังสนั่น.
เสียงดังกึกก้องหวีดหวิว,ตำหนักแต่ละแห่งที่ส่องแสงสว่างวับวาว.
ลู่อีผิ้งเอ่ย“ตำหนักเหล่านี้,ถูกปกคลุมด้วยค่ายกลกู่ฉินไร้ทีเปรียบ,หากไม่อาจทะลวงค่ายกลกู่ฉิน,ถึงจะมีแผนที่ขุมทรัพย์ก็ไม่อาจเข้าไปในตำหนักได้.”
เช่อตงหยางได้ยินคำพูดดังกล่าว,หัวใจตื่นเต้นดีใจที่ได้พบกับลู่อี้ผิง,ไม่เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้เกรงว่าคงไม่อาจได้เห็นตำหนักนักบุญกู่ฉินอย่างแน่นอน.
หลังจากสลายค่ายกล,ลู่อี้ผิงก็สามารถนำทุกคนก้าวเข้าไปในตำหนักกู่ฉินได้.
สถานที่แรก,เป็นตำหนักโถงส่วนหน้าของตำหนักวังนักบุญกู่ฉิน.
ตำหนักส่วนหน้านักบุญกู่ฉินไม่มีอะไร,ว่างเปล่า,เป็นตำหนักที่มีเพียงกำแพงสี่ด้าน,มีภาพสลักกู่ฉินอยู่ในห้องโถงหลัก,คล้ายกับว่ากำลังบรรเลงเพลงมาเนิ่นนานหลายหมื่นปี.
“ท้ายที่สุด,แม้แต่ตำหนักนักบุญกู่ฉินก็ถูกทำลายลงด้วยแม่น้ำแห่งกาลเวลา.”หวงจิวที่นึกถึงนิกายเทวะฟินิกซ์ของตนก็เอ่ยกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก.
ลู่อี้ผิงเอ่ย,“นิกาย,กลุ่มอิทธิพลใด ๆ ในโลกนี้,ไม่มีสิ่งที่เรียกว่านิรันดร,แม้ครั้งยุคปรัมปรา,ศาลสวรรค์ที่ทรงพลังที่สุด,สามารถรวมหมื่นอาณาจักรได้,มีพิภพมากมายใต้บัญชา,ท้ายที่สุดก็ล่มสลายไปในที่สุด!”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“ตาเฒ่าจักรพรรดิสวรรค์ไม่รู้ว่ายังรอดอยู่ใหม?”
ลู่อี้ผิงเอ่ย“ยากจะบอกได้.”
ตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์,ยากที่จะสังหารเป็นอย่างมาก,ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นอมตะ,อาจสูญสลายไปพร้อมกับอาณาจักรหมื่นทวยเทพแล้ว.
พวกเขาที่ก้าวข้ามตำหนักส่วนหน้า,ตรงไปยังพื้นที่ต่อไป.
หลังจากข้ามผ่านเข้ามาในสวน,พบเข้ากับสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่แผ่ชูช่อเพลิงสีทองออกมา,เช่อตงหยางที่เอ่ยอุทานออกมาว่า“นั่นไม่ใช่บุปผาเพลิงทองคำหรอกรึ?”
ในตำราประวัติศาสตร์,บุปผาเพลิงทองคำนั้นคือดอกไม้ที่แปลกประหลาดในสวรรค์และปฐพี.
“เป็นบุปผาเพลิงทองคำ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
เช่อตงหยางที่ชำเลืองมองบุปผาเพลิงทองคำก็กลืนน้ำลายคำโต.
“ที่นี่มีดอกไม้,สมุนไพรวิญญาณและผลเทวะ,พวกเจ้าไปเก็บเถอะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
สมบัติเหล่านี้,เขาไม่ต้องการ,นอกจากนี้แผนที่สมบัติเองก็เป็นของเช่อตงหยาง.
“ขอบคุณต้าเหริน.”เช่อตงหยางที่ประหลาดใจดีใจ,ก่อนที่จะโค้งคำนับด้วยความขอบคุณ.
จากนั้นพวกเขาก็ก้าวต่อ,ท้ายที่สุดก็มาถึงพื้นที่ด้านหลัง.
สถานที่แห่งนี้ก็คือหอสมบัติของตำหนักนักบุญกู่ฉิน.
บนประตูหน้า,มีภาพฉิน,เป็นฉินที่ไม่มีสาย,ฉินเหล่านี้มีลักษณะที่แตกต่างกัน,ถึงเก้าเครื่อง.
“ค่ายกลกู่ฉินเก้าตำหนัก?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยคาดเดา.
แม้นว่าเขาจะไม่ได้เก่งกาจเรื่องกู่ฉินอะไรนัก,ทว่าติดตามลู่อี้ผิงมานานหลายปี,สายตาของเขาเองก็ถือว่าใช้ได้.
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,“เป็นค่ายกลกู่ฉินเก้าตำหนัก,ทว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนสักหน่อย.”
แน่นอนว่าไม่อาจขวางลู่อี้ผิงได้,ด้วยการใส่สายกู่ฉินเข้าไปทั้งหมด,ท้ายที่สุด,เสียงบรรเลงท่วงทำนวงเพลงกู่ฉินทั้งเก้าสอดประสานเป็นเสียงดนตรีอันลึกล้ำ ทำให้หอสมบัติเปิดขึ้นช้า ๆ.
เมื่อคลังสมบัติเปิดขึ้น,แสงมงคล เจิดจรัสก็แผ่รัศมีแสงออกมา,แสงเจ็ดสี,ลมปราณวิญญาณฮุ่นตุ้น,เห็นชัดเจนว่า นี่คือคลังสมบัติที่มีระดับสมบัติฮุ่นตุ้นอยู่นับไม่ถ้วน.
พวกเขาก้าวเข้าไปในคลังสมบัติ.
เพียงแค่กวาดตามอง,เห็นเพียงห้วงมิติขนาดใหญ่ด้านใน,มีเมืองใหญ่ยักษ์,ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยริ้วแสงชีพจรวิญญาณ,มีชีพจรวิญญาณขนาดใหญ่,แม้แต่ชีพจรวิญญาณระดับฮุ่นตุ้นอีกด้วย.
ส่วนบนพื้นนั้น,ก็มีวัตถุดิบหายากมากมายเกลื่อนบนพื้น.
หวงจิว,เช่อตงหยางและสององค์รักษ์ที่เพ่งพิศ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ.
ลู่อี้ผิงที่ใบหน้าไม่แยแส,ทว่าขณะก้าวลึกเข้ามาด้านใน,ท้ายที่สุดก็พบเข้ากับท่อนไม้สูงใหญ่สามท่อน,ทำให้ตะลึงไปเลย.
นี่ไม่ใช่ท่อนไม้เจี้ยนมู่หรอกรึ?