Chapter 152: Exceeded Plane Lord?(
超越了位面之主?(四更)
หวงจิว,เช่อตงหยางและผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตกใจเป็นอย่างมาก,จับจ้องมองที่ขอบฟ้าไกล.
ไม่ใช่ว่าเหล่ายอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ที่ไกลออกไปอย่างงั้นรึ?
อย่างไรก็ตาม,มันกับไม่มีเสียงอะไรเลย.
“จูเหริน,ให้ข้าลงมือใหม?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
ลู่อี้ผิงเอ่ย“ไม่จำเป็น,ไปเถอะ.”จากนั้นเขาก็ก้าวออกไป.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและคนอื่น ๆ ที่ก้าวตาม.
ทุกคนที่หายไปลับตา.
“ครั้งต่อไป,นิกายฉินหัว,หากใครยังตามมาประลองกับข้าไม่หยุด,ข้าจะกวาดล้างนิกายฉินหัวทั้งหมด!”
เสียงของลู่อี้ผิงที่ดังก้องค้างอยู่ในอากาศ.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ร่างสิบกว่าร่างก็ก้าวออกมาจากขอบฟ้าไกล.
คนหลายคนที่ก้าวมาอยู่ด้านหน้านักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่ง,หนึ่งในนั้นคุกเข่าลง,ร้องไห้โฮ“อาจารย์,ข้าไม่ควรขอให้ท่านออกมา,ข้ามันสารเลว!”เสียงโศกเศร้า,เต็มไปด้วยความหดหู่.
คนอื่น ๆ เองก็คุกเข่าลง,ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสละพลางสะอื้นเป็นระยะ ๆ.
หลังจากนั้นไม่นาน.
ภายในดินแดนบรรพชนนิกายเทวะคุนเผิง.
เหล่ยเห่า,เฉินโยวเฉียนและคนอื่น ๆ ที่กำลังประชุมหารือกัน.
“ก็อย่างที่ข้าบอก,การประลองกับเจ้าเด็กนั้น,ไม่ต้องรอให้ถึงสองเดือนหรอก.”เฉินโหยวเฉียนเอ่ยปากออกมันที“ตอนนี้พวกเราสามารถตรงไปสังหารมัน ก็จบแล้ว.”
เหล่ยเห่าที่แผ่จิตสังหาร,“สังหารเจ้าเด็กนั่น,มันง่ายไป,ในเวลานั้นข้าจะทรมานมันช้า ๆ,เพื่อบรรเทาความเกลียดชังในใจข้า.”
“ฉู่ถงและคนของนิกายกระบี่กุยหยวนไม่ใช่ว่ามีความเกี่ยวพันธ์กับมันหรอกรึ? ในเวลานั้น,ก่อนลงมือสังหารเจ้าเด็กนั่น,ข้าจะสังหารฉู่ถงบรรพชนชราทั้งหมด,ศิษย์ทั้งหลาย,ต่อหน้ามัน ให้คนที่เกี่ยวข้องกับมันตกตายต่อหน้าต่อตา ให้มันสัมผัสถึงความรู้สึกสูญเสีย!”
เหล่ยยวี,คือหลานของเขา,เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้.
จู่ ๆ เฉินโหยวเฉียนเอ่ยออกมาทันที,“หลายปีมานี้ไม่เห็นหลิวหรูเซิ่งเลย,ไม่รู้ว่าเจ้านั้นมีชีวิตอยู่ใหม.”
“หากหลิวหรูเซิ่งยังมีชีวิตอยู่,วิถีจิตรกรรมของเขา,เกรงว่าคงอยู่ในดินแดนที่น่าเหลือเชื่อไปแล้ว.”เหล่ยเห่าเอ่ย.
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น,บรรพชนชราคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา,โค้งคำนับและกล่าวรายงาน“ต้าเหรินทั้งสอง,พวกเราเพิ่งได้รับข่าว,นักบุญจิตรกรรมท่านหลิวหรูเซิ่งได้ไปประลองวิถีจิตรกรรมกับลู่อี้ผิง,ตอนนี้ถูกลู่อี้ผิงสังหารไปแล้ว.”
เหล่ยเห่า,เฉินโหยวเฉียนทั้งสองที่ชงักงัน.
“ที่เจ้าเอ่ยถึงคือหลิวหรูเซิ่งนิกายฉินหัวนะรึ?”เหล่ยเห่าที่เผยใบหน้าไม่อยากเชื่อออกมา.
บรรพชนชราที่ชำเลืองมอง,มีนักบุญจิตรกรรมสองคนด้วยรึ?
“ขอรับ,ต้าเหริน.”บรรพชนชราเร่งรีบตอบ“เป็นท่านหลิวหรูเซิ่งนิกายฉินหัว.”
เหล่ยเห่า,เฉินโหยวเฉียน ทั้งสองที่นิ่งไปนาน,ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้.
นักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่งที่ทั้งสองเพิ่งเอ่ยถึง,ตายแล้ว!
ตายด้วยฝีมือของลู่อี้ผิง.
“พวกเขาสู้กันอย่างไร?”ผ่านไปนานเหมือนกันเฉินโหยวเฉียนที่เอ่ยกล่าวสอบถามออกมา“วิถีจิตรกรรมของลู่อี้ผิง,สูงกว่าวิถีจิตรกรรมของหลิวหรูเซิ่งอย่างงั้นรึ?”
หลิวหรูเซิ่งคือยอดฝีมือยุคจ้านเทียน.
ตอนนี้ประลองกับหลิวอี้ผิง,แต่กับพ่ายแพ้อย่างงั้นรึ?
วิถีจิตรกรรมของหลิวอี้ผิงเหนือกว่าหลิวหรูเซิ่งรึ? พวกเขาเชื่อไม่ลงจริง ๆ.
บรรพชนชราคนดังกล่าวที่ลังเลเอ่ยตอบออกมาว่า“ได้ยินมาว่าท่านหลิวหรูเซิ่งได้วาดเทพสงครามทองคำห้าคน จากพู่กันหยินหยาง,แต่ละคนยังมีพลังจ้าวพิภพขั้นปลายท้าย,นอกจากนี้ยังวาดวาฬมังกรเสวียนไห่ขึ้นมาด้วย,แต่กับอาจทะลวงพลังป้องกันของลู่อี้ผิงได้.”
“ท่านลู่อี้ผิงที่ลงมือครั้งเดียววาดเส้นเส้น ๆ หนึ่งสามารถทำลายวาฬมังกรเสวียนไห่,ห้าเทพสงครามทองคำและยังทำลายพู่หันหยินหยางของท่านหลิวหรูเซิ่ง,เวลานั้นท่านหลิวหรูเซิ่งไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีได้,จึงได้ถูกสังหารไปในที่สุด.”
ดังนั้นกล่าวได้ว่าหลิวหรูเซิ่งถูกหลิวอี้ผิงสังหารไปภายใต้กระบวนท่าเดียว.
เหล่ยเห่า,เฉินโหยวเฉียน,ทั้งสองที่อ้าปากค้าง.
ถึงหลิวหรูเซิ่งจะมีความแข็งแกร่ง ด้อยกว่าพวกเขาทั้งสอง,ทว่าก็ได้มากมายนัก.
ในเมื่อลู่อี้ผิงสามารถสังหารหลิวหรูเซิ่งภายใต้การโจมตีในครั้งเดียว,เช่นนั้น,ก็อาจจะสังหารพวกเขาได้ในการโจมตีครั้งเดียวหรือไม่?
ทั้งสองที่ยกแก้วสุราด้านข้างขึ้นซด,เพื่อดับกระหาย,ทว่าบอกได้ว่าแก้วสุรานั้นสั่นไปมา,ยังกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่.
บรรพชนชราที่เข้ามารายงาน,เอ่ยเรียกพวกเขา,แต่กับไม่ตอบสนองเลย.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ทั้งสองที่ได้สติ,จ้องมองหน้ากันและกัน,แววตาที่เผยความหวาดกลัวออกมา.
“เป็นไปได้ว่าลู่อี้ผิงนั้นมีระดับเกินจ้าวพิภพอย่างงั้นรึ?”เหล่ยเห่าที่เอ่ยเสียงสั่น.
เฉินโหยวเฉียนที่พูดไม่ออก,ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยสิ่งใดออกมา.
“เช่นนั้น,เจ้ายังจะประลองกับลู่อี้ผิงอีกรึ?”ผ่านไปนานเหมือนกัน,เฉินโหยวเฉียนก็เอ่ยออกมา.
เหล่ยเห่าที่อ้าปากค้าง,ขณะที่ดูลังเลอักอ่วนที่จะกล่าว.
จะไปประลองหรือไม่?
ทว่า,หากไม่ไป,เขาไม่กลายเป็นตัวตลกของจิวเทียนอย่างงั้นรึ?
ใบหน้าของเหล่ยเห่าที่บิดเบี้ยว,กลายเป็นอัปลักษณ์.
...
หุบเขาเทพซ่อน,เป็นสถานที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในดินแดนกู่ฉิน.
เกี่ยวกับหุบเขาเทพซ่อน,มีตำนานเอ่ยเอาไว้ว่า,นี่คือสถานที่ถือสันโดษของยอดฝีมือยุคจ้านเทียน.
แน่นอนว่า,ตำนานดังกล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่? ไม่อาจบอกได้,เพราะไม่มีใครเคยเห็นสุดยอดฝีมือยุคจ้านเทียนในหุบเขาเทพซ่อนมาก่อนเลย.
อย่างไรก็ตาม,ในหุบเขาเทพซ่อน,มีค่ายกลมากมาย,ไม่มีใครกล้าเข้าไปลึกถึงด้านใน.
ขณะที่พวกลู่อี้ผิงมาถึงหุบเขาเทพซ่อน,ความมืดก็ปกคลุมผืนฟ้าแล้ว.
ที่ทางเข้าได้ยินเสียงร้องโหยระทมทุกข์ดังแผ่ว ๆ.
เสียงลมที่กรีดก้องไล่หลังมาจากทางเข้า.
ลู่อี้ผิงที่ก้าวไปด้านหน้า,มุ่งตรงเข้าไปในหุบเขา.
เช่อตงหยางที่กระตุ้นค่ายกลของเกราะเทวะ,ส่องแสงสว่างจ้า,แผ่รัศมีแสงหลายลี้ออกมา
พวกเขาก้าวเดินเข้าไปด้านใน,ทว่ายิ่งก้าวเข้าไปทางเดินก็ยิ่งแคบลงเท่านั้น.
สายลมด้านในเองก็แรงขึ้นเรื่อย ๆ.
“สายลมที่พัดนี่,เกรงว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิ,ยากที่จะต้านทานเอาไว้ได้.”หวงจิวเอ่ย.
“นี่ไม่ใช่สายลมจากธรรมชาติ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.“นี่เป็นสายลมจากค่ายกลนอกจากนี้ยังไม่ใช่ค่ายกลรวมวายุธรรมดา ๆ อีกด้วย.”
พวกเขาก้าวตรงเข้าไปด้านใน,รู้สึกว่าไม่เพียงแค่สายลมทว่า ความหนาวเย็นยังเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย.
พื้นที่บนพื้นรอบ ๆ,มีน้ำแข็งสีดำที่เกาะหนา.
“สายลมเหล่านี้,ทำให้พื้นกลายเป็นน้ำแข็งดำเกาะเป็นชั้นเลยอย่างงั้นรึ?”ผู้คุ้มกันของเช่อตงหยางเผยความประหลาดใจ.
“ไอเย็นเต่าทมิฬ.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“จากพื้นที่ด้านล่าง,มีไอเย็นของเต่าทมิฬที่หายาก,คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาอยู่ที่นี่.”
พวกลู่อี้ผิงที่ก้าวต่อไปบนชั้นของค่ายกลราว ๆครึ่งชั่วยาม.
ไอเย็นก็สลายหายไป,พื้นที่รอบ ๆ ได้เปลี่ยนไป,เห็นเป็นทุ่งราบกว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้.
ดอกไม้และพืชพรรณส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย.
ทุ่งราบที่กว้างขวางสุดขอบตา.
ลู่อี้ผิงที่ก้าวเข้ามาในทุ่งด้านใน,เอ่ยออกมาว่า“ช้า ๆ,นี่คือภาพลวงตา!”
ภาพลวงตา?!
เช่อตงหยางที่เชื่อไม่ลงจริง ๆ.
เขาที่ยกมือขึ้นจับดอกไม้,เห็นชัด ๆ ว่ามันเป็นของจริง,คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นภาพลวงตา.
“ภาพลวงตาไร้ขอบเขต.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“เมื่อเข้ามาแล้ว,แม้แต่จ้าวพิภพ,ก็ยากจะแยกออกได้.”
เช่อตงหยางที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“มหาค่ายกลหนึ่งในสิบยุคโบราณ,ค่ายกลลวงตาไร้ขอบเขตอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ“ค่ายกลไร้ขอบเขต,ของปลอมเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนของจริงแม้แต่สัมผัสก็ยังแยกไม่ออก,ทำให้ไม่มีใครบอกได้ถึงว่าอะไรคือความจริงหรือความเท็จ.”
“เป็นไปได้ว่าเป็นจ้าวไร้ขอบเขตวางไว้อย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
ในยุคโบราณ,ค่ายกลลวงตาไร้สิ้นสุดมีคนน้อยมากที่รู้,เท่าที่วัวกระทิงมังกรรู้,คนที่วางค่ายกลนี้ได้มีเพียงจูเหรินของเขา,หรือไม่ก็จ้าวลวงตาไร้ขอบเขตเท่านั้น.
ลู่อี้ผิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา,ยกฝ่ามือขึ้น,แผ่รัศมีแสงออกไป,กระจายปกคลุมทุ่งดอกไม้ไปจนหมด,จนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นพื้นที่โล่งอันว่างเปล่า.
“ทุกคนระมัดระวังตัวให้ดี.ลู่อี้ผิงเอ่ยเตือน,ก่อนจะบินออกไป.