Chapter 150 Painting Saint Liu Rusheng
画圣柳如生(二更)
เช่อตงหยางและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจ้องมองอีกฝ่ายที่หายไปลับตา,ไม่อาจมองเห็นได้อีก.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,เช่อตงหยางที่ดึงสติกลับมา,โค้งคำนับให้กับลู่อี้ผิง“ตงหยาง,ขอบคุณลู่ต้าเหรินที่ช่วยเหลือ.”แววตาที่เผยความหวั่นเกรงออกมา.
ก่อนหน้านี้,แม้นว่า เขาจะได้ยินเรื่องราว เมืองเทียนเป่ยแล้ว,ทว่าก็ไม่ได้เห็นด้วยตา,ตอนนี้เห็นทัณฑ์สายฟ้าของลู่อี้ผิงสังหารผานหงปิงและคนอื่น ๆ แล้ว,ในใจยากจะปกปิดความหวาดกลัวเอาไว้ได้.
“เรื่องเล็กน้อย.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“นำแผนที่มาให้ข้าดู.”
เช่อตงหยางเร่งรีบนำแผนที่วังนักบุญกู่ฉิน,ส่งมอบให้กับลู่อี้ผิง.
ลู่อี้ผิงรับแผนที่ดังกล่าวมา,แผนที่สมบัติไม่รู้ว่าสร้างมาจากหนังสัตว์เทวะชนิดใด,มีขนาดไม่ใหญ่นัก,มีขนาดเท่ากับสองฝ่ามือ,ทว่าแผนที่สมบัติดังกล่าว,นั้นกับมีเพียงภาพวาดกู่ฉิน!
ไม่มีสิ่งใดนอกจากนั้น.
นอกจากนี้ยังเป็นกู่ฉินไร้สายอีกด้วย.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ตกใจ,หวงจิวที่จ้องมองด้วยความงงงวย.
มีเพียงแค่รูปวาดกู่ฉินอย่างคาดไม่ถึง,นอกจากนี้ยังเป็นกู่ฉินไร้สาย,นอกจากนั้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว?
“เป็นไปได้ว่าจะต้องต่อสายกู่ฉินก่อนถึงจะพบความลับหรือไม่?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
เช่อตงหยางเอ่ย”ข้าได้หายอดฝีมือกู่ฉินมากมาย,ทว่าไม่มีใครสามารถต่อสายบนนั้นได้เลย.
“ไม่อาจต่อสายได้อย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำขมวดคิ้วไปมา.
ลู่อี้ผิงที่ดูไม่แยแสเอ่ยออกมาว่า“แน่นอนว่าสายของมัน,ไม่จำเป็นต้องใช้พู่กันลากเชื่อมแต่อย่างใด.”
“ไม่จำเป็นต้องใช้พู่กันรึ?”หวงจิวส่ายหน้าไปมา“แล้วจะต่อสายอย่างใด.”
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่ยกมือคว้าไปบนอากาศที่ว่างเปล่า,ก่อนที่จะปรากฏเสียงเพลงขึ้น,เป็นเสียงเพลงที่ดูมีชีวิตชีวา,ท้ายที่สุดก็ก่อรูปเป็นสายกู่ฉินทั้งห้า.
สายทั้งห้านั้น,มีสีที่แตกต่างกันห้าสี.
วารี,เพลิง,ไม้,โลหะ,ดิน,พลังทั้งห้าที่กำลังสั่นเคลื่อนไหวไปมา,ขยายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
สายกู่ฉินทั้งห้าที่รวมตัวกันอย่างสมบูรณ์,ลู่อี้ผิงที่ได้ใส่สายทั้งห้าลงไปบนกู่ฉินไร้สายในแผนที่สมบัติ
เมื่อกู่ฉินไร้สายถูกวาดทับด้วยสายทั้งห้า,แผนที่ก็ส่องแสงสว่างออกมาทันที.
กลิ่นอายของของอสูรยักษ์ยุคปฐมกาลก็ปรากฏขึ้นบนสวรรค์และปฐพี.
เช่อตงหยาง,หวงจิวและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน.
เห็นชัดเจนว่าแผนที่สมบัตินี้,สร้างมาจากอสูรกายยักษ์ยุคปฐมกาล.
อย่างไรก็ตาม,เพียงไม่นาน,กลิ่นอายก็ถูกระงับ,กู่ฉินที่ส่องสว่าง,สายทั้งห้า แดง ,เหลือง,ขาว,น้ำเงินเขียวที่ส่องสว่าง.
แสงทั้งห้าที่สว่างมากขึ้นและก็มากขึ้น,กู่ฉินเริ่มบรรเลงเพลง
สายทั้งห้าที่ส่งเสียงที่แตกต่างกันห้าเสียง.
บทเพลงที่ก่อรูปขึ้นบนอากาศ,กลายเป็นแผนผังขึ้น.
ความลึกล้ำนี้,ทำให้คนที่เห็นต่างก็รู้สึกชื่นชม.
“นี่คือจิวเทียน.”เช่อตงหยางที่จ้องมองแผนผังที่ก่อรูปจากธาตุทั้งห้า.
ผู้คนที่จับจ้องมองไปยังใจกลาง,ที่ใจกลางของแผนผังนั้นมีธาตุทั้งห้ามารวมตัวกัน.
“นี่คือดินแดนกู่ฉิน!”
“สมบัติวังนักบุญกู่ฉิน อยู่ที่ดินแดนกู่ฉิน,ในหุบเขาเทพซ่อนอย่างงั้นรึ?”เช่อตงหยางเอ่ยออกมาทันที.
หลังจากผ่านไปไม่นาน,ภาพทั้งหมดก็หายไป.
สายทั้งห้าบนแผนที่เองก็ค่อย ๆ สลายหายไปช้า ๆ เช่นเดียวกัน.
เช่อตงหยางเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“วิถีกู่ฉินของต้าเหรินช่างเหนือล้ำเกินจินตนาการ,วันนี้เช่อตงหยางได้พบเห็น,ช่างเป็นวาสนาต่อชีวิตอย่างแท้จริง!”
ลู่อี้ผิงที่สร้างสายทั้งห้าขึ้น,ผนวกเข้าไปในแผนที่,ดูเหมือนว่าง่าย,แต่แท้จริงแล้วมันยากราวกับไต่บันไดสวรรค์,หากไม่มีวิถีกู่ฉินที่เลิศล้ำ,ไม่มีทางทำได้.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ศิลปะทั้งสี่,ทักษะการแพทย์,ควบคุมอสูร,ต้าเหรินของข้าล้วนแต่ศึกษาเป็นงานอดิเรกยามว่าง,ไม่ได้พิเศษอะไร,ที่จริงแล้วต้าเหรินของข้าเชี่ยวชาญชำนาญที่สุด,คือทักษะปรุงยาเซียนและค่ายกลต่างหากเล่า.”
เช่อตงหยางและคนอื่น ๆ ที่ตกใจ,ไม่ใช่ศาสตร์ที่เชี่ยวชาญอย่างงั้นรึ?
ทักษะปรุงเม็ดยาเซียนและวิถีค่ายกลเหนือกว่าวิถีกู่ฉินอย่างงั้นรึ?
“ในเมื่อรู้ตำแหน่งขุมสมบัติแล้ว,พวกเราเตรียมเดินทางไปยังดินแดนกู่ฉินเถอะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ที่จริงไม่มีอะไรต้องเตรียมตัว,เพียงไม่นาน,ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางไปยังดินแดนกู่ฉิน.
เช่อตงหยางไม่ได้นำคนไปมากนัก,นำผู้คุ้มกันไปเพียงสองคน,คนทั้งสองนับเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขามาก,ความแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอนัก,มีระดับเทพสวรรค์ขั้นปลายท้าย.
เขตแดนกู่ฉิน,แม้นว่าจะไม่ใหญ่เท่ากับเขตแดนไท่สวี,ทว่าก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ขนาดใหญ่ในจิวเทียนเหมือนกัน.
เขตแดนกู่ฉินในจิวเทียนนั้นมีพื้นที่ลับหลายแห่งที่ค่อนข้างพิเศษ.
เพราะว่ามีนิกายฉินหัวอยู่ที่นี่,จึงเรียกที่นี่ว่า เขตแดนกู่ฉินนั่นเอง.
และเพราะอิทธิพลของนิกายฉินหัว,ทำให้ผู้คนมากมายในดินแดนกู่ฉิน,ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหญ่หรือเล็กต่างก็ศึกษาวิถีกู่ฉินกันเป็นหลัก.
ดังนั้น,หลังจากเข้ามาในดินแดนฉินกู่,เมืองหลายแห่ง,จึงได้ยินเสียงกู่ฉินดังก้องกังวานไปทั่ว.
ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหน,เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็ฝึกฝนและประลองกู่ฉินกัน.
ระหว่างทาง,มีเสียงหวีดหวิวที่ดังผ่านเข้ามา.
“ที่ด้านหน้า,ก็คือหุบเขาเทพซ่อน.”ซานเทียนผู้ใต้บังคับบัญชาของเช่อตงหยางชี้ไปด้านหน้า.
ในเวลานั้น,เขาที่หยุดลง,เผยแววตาประหลาดใจออกมา,ไม่ไกลออกไปนั้น,ไม่รู้ว่าปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น.
ฝ่ายตรงข้ามนั้นสวมชุดนิกายฉินหัว,ยืนมือขัดหลัง,หันหลังให้กับ ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและคนอื่น ๆ.
เท่าที่เห็นคนที่มาขวางนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีอายุ 40-50 ปี.
เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นมารอคอยพวกเขาโดยเฉพาะ.
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเหมือนกับนักวิชาการ,หัวกลับมา,สายตาของเขาจ้องมองลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาว่า“ผู้น้อยหลิวหรูเซิ่ง,นิกายฉินหัว,มาคอยทักทายคุณชายลู่และทุกคนนานแล้ว.”
เช่อตงหยางได้ยิน,ก็เผยท่าทางตื่นตะหนก“ท่านคือนักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่ง!”
นักบุญจิตรการ,หลิวหรูเซิ่ง!
นี่คืออาจารย์ของเทพกู่ฉินฟู่เฉาและกู่ฉินโม่จิวนั่นเอง.
กล่าวได้ว่านี่คือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานยุคจ้านเทียนเช่นกัน.
ผู้ปลุกปั้นเทพกู่ฉินฟู่เฉาให้ยิ่งใหญ่ก็คือหลิวหรูเซิ่งอาจารย์ของเขาผู้นี้นะเอง,กล่าวได้ว่าวิถีกู่ฉินของเขานั้นเหนือกว่าฟู่เฉาหลายเท่า,ทว่าวิถีกู่ฉินกับไม่ใช่เส้นทางที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด,แต่เป็นวิถีจิตรกรรมต่างหาก!
หลิวหรูเซิ่งที่ได้รับการขนามนามว่านักบุญจิตรกรรม,วิถีจิตรกรรมของเขาจึงสูงล้ำ,กล่าวกันว่าเขาคืออันดับหนึ่งวิถีจิตรกรรมในโลกนี้.
หวงจิวได้ยินเช่อตงหยางเอ่ยว่านักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่ง,ก็ตื่นตะลึง,ในอดีต นิกายเทวะฟินิกซ์,เหล่าบรรพชนชราหลายคนต่างก็เอ่ยถึงนักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่งว่าเป็นตัวตนในตำนาน.
หลิวหรูเซิ่งจ้องมองเช่อตงหยาง,หวงจิว,เอ่ยต่อลู่อี้ผิง“ใช่แล้ว,ข้าคือนักบุญจิตรกรรมหลิวหรูเซิ่ง,เป็นอาจารย์ของฟู่เฉาและฉินโม่จิว.”
ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้ามาครั้งนี้,เพื่อแก้แค้นให้กับฟู่เฉาและฉินโม่จิวอย่างงั้นรึ?”
หลิวหรูเซิ่งที่ส่ายหน้าไปมา“ใช่และไม่ใช่.”ดวงตาของเขาเป็นประกายเอ่ยออกมาว่า“ได้ยินจากศิษย์ของข้าเอ่ยว่าวิถีกู่ฉิน,เหนือเซียนกู่ฉินยังมีจักรพรรดิกู่ฉิน,บรรพชนกู่ฉินอีก,ดังนั้นจึงต้องการมาประลองวิถีกู่ฉินกับคุณชายลู่.”
ลู่อี้ผิงเอ่ย“ไม่จำเป็นต้องเป็นวิถีกู่ฉิน.”ลู่อีผิ้งที่เอ่ยปฏิเสธและเอ่ยออกมาว่า“เจ้าถูกเรียกว่านักบุญจิตรกรรม,วิถีจิตรกรรมคงสูงล้ำ,พวกเรามาประลองวิถีจิตรกรรมกัน.”
“ประลองวิถีจิตรกรรมรึ? นี่เจ้ามั่นใจอย่างงั้นรึ?”หลิวหรูเซิ่งจ้องมองลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาว่า“วิถีกู่ฉินของข้านั้นไม่สูงเท่าวิถีจิตรกรรม,นอกจากนี้ข้านั้นไม่เคยแพ้ใครในวิถีจิตรกรรม.”
เขาที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย,ทว่ากับเผยความมั่นใจที่เลิศล้ำ.
ไม่เคยแพ้ใคร! กล่าวได้ว่าในจิวเทียนนั้นไม่มีใครที่มีวิถีจิตรกรรมเหนือกว่าเขานั่นเอง.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม,“ไม่เคยแพ้ใคร,เพราะไม่เคยพบกับคนที่มีฝีมือนะสิ.”
“ลงมือ.”ลู่อีผิ้งเอ่ยอย่างไม่แยแส.
หลิวหรูเซิ่งจ้องมองลู่อี้ผิง,เผยยิ้ม“ในเมื่อคุณชายลู่มั่นใจ,เช่นนั้นข้าคงต้องขอคำชี้แนะวิถีจิตรกรรมกับคุณชายลู่แล้ว.”เอ่ยจบเขาก็นำพู่กันด้ามหนึ่งออกมา.
พู่กันดังกล่าว,มีขนาดเท่ากับแขนของคน,ด้ามของมันที่ดูใสสะอาดหมดจด,สร้างจากหยกอุ่นชั้นยอด.
สิ่งนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะยุคโบราณ,พู่กันหยินหยาง.