Chapter 15 Practices in a big way
都是练大的
“ไม่เคยสังหารผู้คนอย่างโหดร้ายทารุณอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงที่ชี้นิ้วออกไป,แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งไปเข้าไปยังร่างของอู๋โม่.
เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้าไปในร่างของอู๋โม่,เวลานั้นลมปราณแห่งความตายจากร่างของเขาที่ปรากฏเสียงวิญญาณร้องโหยหวนทรมาน,กำลังร้องดังก้องแหวกสวรรค์,ดังกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
วิญญาณโหยที่มากมาย,เกรงว่าคงจะมากกว่าสิบล้านตน.
เห็นชัดเจนว่า,อู๋โม่ไม่เพียงแค่บ่มเพราะวิชาภูติปิศาจ,ทว่ายังสังหารผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน,เสียงวิญญาณโหย,ต่างก็ดังก้องกังวานสั่นพ้องในจิตใจของเขา.
“มีวิญญาณโหยมากมายจากวิญญาณของเจ้า,ยังบอกว่าไม่เคยสังหารผู้คนอย่างโหดร้ายอีกรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
อู๋โม่ใบหน้าเปลี่ยนสี,ไม่คาดคิดเลยว่าลู่อี้ผิงจะสามารถทำให้วิญญาณโหยในวิญญาณของเขาร้องก้องออกมา.
ในเวลานั้น,ร่างกายของเขากลายเป็นลำแสงแห่งความตาย,พุ่งลอดมิติออกไปทันที.
“หนีรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เงยหน้าขึ้น,เสียงคำรามที่เหมือนกับหวูดแต่สงรามมันดังก้องไปทั้งสวรรค์และปฐพี.
ภายใต้เสียงของวัวคำราม,เห็นเพียงห้วงมิติที่แตกร้าวเป็นรอยอย่างคาดไม่ถึง,มันแตกบิดเบี้ยวแยกออกจากกันเหมือนกับแผ่นดินแยก.
พลังที่ทำให้ห้วงมิติสับสนวุ่นวาย,พุ่งออกไปเป็นสายน้ำอย่างบ้าคลั่ง.
ภายใต้พลังมิติที่สับสนวุ่นวาย,อู๋โม่ที่กลายเป็นพลังแห่งความตายที่มุดมิติหนีก่อนหน้านี้,ถูกกระแทกหลุดออกมา หล่นลงพื้นเสียงดัง,ก่อนที่จะเห็นโลหิตของอีกฝ่ายที่ชโลมไปทั่วร่างกาย,เขาจ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำด้วยความอัศจรรย์ใจและหวาดกลัว.
ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าวัวกระทิงมังกรเขาทองคำนั้นแข็งแกร่ง,ทว่าไม่คิดเลยว่ามันจะเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก.
ห้วงมิติที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตามเพียงเสียงคำรามของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,กับทำให้ห้วงมิติแตกแยกเป็นทางอย่างคาดไม่ถึง.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองอู๋โม่อย่างไม่แยแส,ปล่อยพลังดูดดึงร่างอีกฝ่ายมาด้านหน้า,ก่อนที่จะใช้วิชาค้นจิตวิญญาณทันที.
หลังจากนั้นไม่นาน,ลู่อี้ผิงก็หยุดลง.
ผ่านมานานแล้วที่เขาซ่อนตัวจากโลกในป่าศักดิ์สิทธิ์,ไม่รู้เรื่องราวสถานะการณ์ในดินแดนเหิงหยวนเลย,เขาจึงได้ค้นวิญญาณชายชราผมเทาเมื่อครู่นี้,ทำให้เขาพอรับรู้สถานะการณ์ของดินแดนเหิงหยวน(ต้นกำเนิดสุดท้าย) แห่งนี้ได้.
หลังจากถูกค้นวิญญาณ,อู๋โม่ที่เวลานี้อ้าปากหวอ,ดวงตาที่ว่างเปล่าตาค้าง,เวลาเดียวกันสายฟ้าสีม่วงที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า.
เห็นสายฟ้าสีม่วงบนท้องฟ้า,ใบหน้าของอู๋โม่เปลี่ยนสี,เป็นไปได้ว่านี่คือทัณฑ์สายฟ้าแห่งความว่างเปล่าอย่างงั้นรึ?!
สายฟ้าแห่งความว่างเปล่า,หลังจากผ่านยุคโบราณมา,ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในโลกนี้อีกเลย.
เพราะว่าหลังจากผ่านยุคบรรพกาลมาก็ไม่เคยมีใครสามารถอัญเชิญสายฟ้าแห่งความว่างเปล่าออกมาได้นั่นเอง.
ทว่าชายหนุ่มผู้นี้,คาดไม่ถึงว่าจะสามารถอัญเชิญสายฟ้าแห่งความว่างเปล่าออกมาได้!
เป็นไปได้ว่า,เขาคืออสุรกายชราจากยุคบรรพกาลจริง ๆ รึ?!
ในเวลานั้น,สายฟ้าแห่งความว่างเปล่าที่ฟาดมาบนร่างของเขาแล้ว,พริบตานั้นสติของเขาก็สลายหายไปในทันที.
ลู่อี้ผิงทำลายจิตสำนึกของอู๋โม่,จากนั้น,ก็นำร่างของอู๋โม่บดขยี้ให้กลายเป็นชิ้นเนื้อแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเล็ก ๆ,พร้อมกับส่งไปยังเจียงซือทั้งสี่เท่า ๆ กัน.
อู๋โม่นั้นมีระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง,พลังชีวิตและพลังเทวะนั้นมีไม่น้อย,หลังจากแบ่งกายเนื้อของอู๋โม่ใส่เข้าไปในเจียงซือแล้ว,ลมปราณแห่งความตายก็หายไปทั้งหมด,ร่างศพที่ค่อย ๆ ฟื้นฟูมีเลือดเนื้อเหมือนกับสิ่งมีชีวิต.
เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น,ศพสี่ร่างได้เปลี่ยนร่างกายเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว.
อย่างไรก็ตามร่างของทั้งสี่,ดวงตายังคงดำมืดอยู่.
“เนตรสังสารวัฎ,จงปรากฏ!”
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยกล่าวออกมาเล็กน้อย.
ในเวลานั้นบนความว่างเปล่า,หลุมน้ำวนขนาดใหญ่,ที่ปรากฏขึ้นบนอากาศ,ปรากฏเป็นดวงตาที่แปลกประหลาด,ดวงตาที่ราวกับจะสามารถจ้องมองทะลวงทุกอย่างในโลกนี้,ราวกับสามารถกำหนดความเป็นตายของทุกสรรพชีวิตได้.
ดวงตาของลู่อี้ผิงที่เปล่งแสงพุ่งออกไป,หลุมน้ำวนสังสารวัฏที่ส่องแสงสว่างวับวาว,ปกคลุมมนุษย์โบราณทั้งสี่.
เนตรสังสารวัฏที่หายไปหลังจากนั้น.
ลู่อี้ผิงที่นำเกราะเทวะสี่ชุดส่งออกมาให้คนทั้งสี่,“สวมมันซะ.”
“รับทราบ,จูเหริน!”ร่างทั้งสี่ที่กล่าวตอบรับอย่างเคารพ.
ร่างทั้งสี่,หลังจากผ่านพลังหยินหยางคืนกลับเมื่อครู่นี้,จิตวิญญาณใหม่ก็ถูกผสานเข้าไป,กล่าวได้ว่ายกเว้นรัศมีเทพ,พลังที่มีนั้นไม่ต่างจากยอดฝีมือเทพแท้จริงเลย.
เมื่อทั้งสี่สวมชุดเกราะเทวะ,ลู่อี้ผิงทำการแบ่งรัศมีเทพของอู๋โม่ใส่เข้าไปในวิญญาณของพวกเขา.
ถึงจะเป็นจ้าวแห่งทวยเทพในยุคบรรพกาล,ก็ไม่สามารถแบ่งประกายเทพให้กับคนอื่นๆ ได้,ยิ่งการแบ่งออกเป็นสี่ส่วน,ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้.
อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงกับสามารถทำได้สำเร็จ.
หนำซ้ำยังดูง่ายดายอีกด้วย.
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและผู้ติดตามใหม่ก็ออกจากพื้นที่ดังกล่าว.
แน่นอนว่าก่อนไป,ลู่อี้ผิงได้สั่งวัวกระทิงเขาทองคำทำลายมหาค่ายกลชำระล้างสะกดวิญญาณและแท่นบูชายันต์นี้ไปด้วย.
หลังจากลู่อี้ผิงออกจากพื้นที่ดังกล่าว,ก็ตรงไปยังถ้ำที่พักของชายชราอู๋โม่ที่อยู่ในอีกพื้นที่หนึ่งของสนามรบแห่งทวยเทพ.
หลายปีมานี้,อู๋โม่ที่เก็บสิ่งของหลายอย่างมาจากสนามรบแห่งทวยเทพ,หลายอย่างที่มีแม้แต่สิ่งของที่เคยเป็นของเทพสวรรค์,สิ่งของเหล่านี้,แม้นว่าจะไม่จำเป็นสำเร็จลู่อี้ผิง,ทว่าสามารถมอบให้คนอื่นได้.
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในที่พักของอู๋โมว,ลู่อี้ผิงเก็บใส่ราชรถทองคำ,ก่อนเดินทางไปยังส่วนลึกของสนามรบแห่งทวยเทพต่อไป.
ผู้ติดตามสี่คนนำทางอยู่ด้านหน้าราชรถทองคำ.
คนทั้งสี่ถูกเรียกว่า,จางจิน,เจ้าเหวิน,เหว่ยปิงและเฉินหยงหยวน.
ผู้ติดตามทั้งสี่,ที่คอยจัดการซือหลิงและเจียงซือที่ขวางทาง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำไม่จำเป็นต้องลงมืออีกต่อไป.
ในเวลากลางคืน.
สนามรบแห่งทวยเทพที่มีสายลมที่รุนแรงพัดผ่านไปมาไม่หยุด.
ซือหลิง(อันเดต)และเจียงซือ(ผีดิบ) ที่ออกมาเต็มไปหมด.
แม้นว่าพวกเขาจะไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด,ทว่าการจะสังหารทั้งหมดอย่างรวดเร็วก็เป็นปัญหาเหมือนกัน.
“หยุดที่หุบเขาด้านหน้า,พรุ่งนี้ค่อยเดินทางอีกครั้ง.”ลู่อี้ผิงชี้ไปที่หุบเขาด้านหน้า.
พวกจางจินที่โค้งคำนับรับคำในทันที.
จากนั้น,ก็นำราชรถเข้าไปยังหุบเขาดังกล่าว.
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองสภาพบรรยากาศในหุบเขาดังกล่าว,พวกเขาหยุดใกล้หน้าผา,ก่อนที่พวกจางจินจะเริ่มก่อไฟ,ย่างเนื้อแกล้มสุรา.
เนื้อที่หอมหวนและกลิ่นสุราที่เย้าน้ำลาย.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ปัดห่างไปมา,สังหารยุงที่เข้ามาใกล้.
ยุงที่นี่,มีขนาดเท่ากับกำปั้น,ปากของมันยังสามารถพ่นไอเย็นที่น่าเกรงขามออกมาได้ด้วย.
“เพราะว่าสนามรบแห่งทวยเทพ,เลยทำให้ยุ่งเหล่านี้ตัวใหญ่ขนาดนี้,หากว่าถูกมัดกัดเข้าล่ะก็,เกรงว่าแม้แต่ก้นของเหล่าหนิวคงบวมปูดแน่ ๆ.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
ลูอี้ผิงเผยยิ้ม“ถึงจะไม่มียุง,ก้นของเจ้าก็บวมอยู่แล้ว.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ไม่ใช่ว่าเพราะจูเหรินเตะก้นข้าบ่อย ๆ แล้วบอกว่าเป็นการฝึกหรอกรึ?”
จางจินและคนอื่น ๆ ได้ยิน,อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.
“หัวเราะอะไรกัน.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำหัวเราะ,“หากพวกเจ้าถูกยุงพวกนี้ต่อยเข้าล่ะก็,คงยืนไม่อยู่แน่,บางที่คงไม่แม้แต่สามารถใช้พลังเทพได้ด้วยซ้ำ.”
ทั้งสี่ที่กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที.
ขณะพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น,ที่ด้านนอกหุบเขาไม่ไกลออกมา,ปรากฏร่างสองร่าง,ชายชราที่มีใบหน้ารูปไข่,และสตรีผู้เยาว์ที่ดูน่ารักน่าชัง.
“อาจารย์,ในสนามรบแห่งทวยเทพ,มีลมปราณแห่งความตายหนักหน่วงขนาดนี้,มีต้นไม้ฟินิกซ์เทวะอยู่จริง ๆ รึ?”สตรีน้อยที่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนเสียงหวาน.
“ไม่ควรจะเป็นเรื่องปลอม.”ชายชราที่ดูลังเลก่อนที่จะเดินตรงไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง“ที่ด้านหน้ามีหุบเขา,พวกเราหลบไปพักด้านใน,พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อเถอะ.”
ชายชราและเด็กสาวที่ก้าวเข้าไปในหุบเขา,เวลานั้นได้กลิ่นเนื้อย่างและสุราที่หอมกรุ่น,ก็เผยความประหลาดใจออกมา.
พวกเขาทั้งสองเดินตามกลิ่นของเนื้อย่างและสุราไป.