Chapter 149 You are Thunder God Ancestor, Lu Yiping!(
你是雷神之祖,路一平!(一更)
“กระบี่เหยี่ยนสุ่ย?”เช่อตงหยางสงสัย,เอ่ยออกมาว่า“เป็นกระบี่ตกทอดมาจริง ๆ,ทว่าข้าไม่รู้ว่ากระบี่นี่มีนามว่าเหยี่ยนสุ่ย.”
ลู่อี้ผิงขมวดคิ้วไปมา,แท้จริงแล้ว,เขาต้องการรู้ข้อมูลของโหลวสุ่ยจากปากของเช่อตงหยาง,ตอนนี้ดูเหมือนว่าเช่อตงหยางจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระบี่เหยี่ยนสุ่ย,เกรงว่าแม้แต่เรื่องของโหลวสุ่ยเองก็ไม่รู้.
“บรรพชนของเจ้าคือ,เช่อจื่อเผิงหรือไม่?”ลู่อี้ผิงสอบถาม.
“เช่อจื่อเผิง?”เช่อตงหยางส่ายหน้าไปมา“ท่านปู่ทวดของข้ามีนามว่าเช่อกัวหัว,หลายแสนปีก่อนเป็นบรรพชนชราวังอสนีม่วง.”
“วังอสนีม่วง!”ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยความประหลาดใจออกมา.
เช่อตงหยางเห็นลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเพ่งมอง,ก็เผยความประหลาดใจ.
“แล้วปู่ทวดของเจ้ายังมีชีวิตหรือไม่?”ลู่อี้ผิงสองถาม“รู้จักหวงหยวงตงใหม? ในอดีตเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรพชนชราวัวอสนีม่วง.”
เช่อตงหยางส่ายหน้าไปมา“ไม่เคยได้ยินเลย.”จากนั้นเขาก็เอ่ยถามออกมาว่า“ไม่รู้ว่าท่านลู่ต้องการหาคนผู้นี้ทำไมรึ?”
“ข้ามีบางอย่างจะถามเขา.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“แล้วปู่ทวดของเจ้ายังอยู่หรือไม่?”
เช่อตงหยางที่ดูลังเลเอ่ยออกมาว่า“ในอดีตวังอสนีม่วงล่มสลาย,ปู่ทวดของข้าหนีออกมาได้โดยบังเอิญ,ทว่าหลายปีมานี้ข้าไม่พบเขาเลย,ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือไม่?ก็ไม่อาจบอกได้จริง ๆ.”
ลู่อี้ผิงได้ยินคำพูดดังกล่าว,ภายในใจรู้สึกค่อนข้างผิดหวัง“หากเจ้าได้ข่าวเกี่ยวกับปู่ทวดของเจ้า,โปรดแจ้งข่าวกับข้าด้วย.”
เช่อตงหยางที่เอ่ยประจบทันที“ขอให้ท่านลู่วางใจ,หากข้ามีข่าวท่านปู่,จะต้องแจ้งท่านลู่เป็นคนแรกแน่.”
ลู่อี้ผิงไม่ได้เอ่ยเรื่องดังกล่าวต่อไปและถามออกมาว่า“เถ้าแก่บอกว่า,ท่านกำลังมองหาคนที่ดีดสายกู่ฉินมังกรทมิฬอยู่ใช่ใหม.”
เช่อตงหยางพยักหน้ารับ“ขอรับ”เขาที่ดูอักอ่วนเล็กน้อย,“ขอเอ่ยต่อท่านลู่ตามจริง,ข้าได้รับแผนที่ขุมทรัพย์ของวังนักบุญกู่ฉินมา.”
วังนักบุญกู่ฉิน!
ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยความประหลาดใจ.
สวีเฉี่ยวหยินเองก็ได้รับกู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะของเจ้าวังนักบุญกู่ฉินมาก่อน
ไม่คาดคิดว่าเช่อตงหยางจะได้รับแผนที่ขุมทรัพย์ของเจ้าวังนักบุญกู่ฉินมา.
“แผนที่ขุมทรัพย์วังนักบุญกู่ฉินนั้น,ข้าได้รับมาหลายปีแล้ว,ศึกษามาเนิ่นนาน,ทว่ากับไม่อาจได้รับข้อมูลอะไรเลย.”เช่อตงหยางเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้,“เว้นแต่ว่าแผนที่ของวังกู่ฉินศักดิ์สิทธิ์,จะต้องเป็นเชี่ยวชาญวิถีกู่ฉินที่เลิศล้ำถึงจะเข้าใจ,ข้าไม่มีทางเลือก,นอกจากต้องหาผู้ช่วย.”
“ข้าและคนของวังฉินหัวมีความแค้นต่อกัน,ดังนั้นจึงไม่อาจขอให้คนของนิกายฉินหัวช่วยเหลือได้เช่นกัน.”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับเอ่ยออกมาว่า“นำแผนที่วังนักบุญกู่ฉิน,มาให้ข้าดู.”
ขณะที่เช่อตงหยางจะนำแผนที่สมบัติออกมา,ทันใดนั้น,ผู้คุ้มกันก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา,เอ่ยต่อเช่อตงหยาง“ประมุข,มีคนของสำนักอสูรสวรรค์มา!”
เวลานั้นใบหน้าของเช่อตงหยางที่เปลี่ยนสี.
ลู่อี้ผิงเองก็ประหลาดใจ,สำนักอสูรสวรรค์?
ก่อนหน้านี้เถ้าแก่บอกว่าประมุขของเขามีปัญหา,ไม่อาจเร่งรีบกลับ,เพราะว่าสำนักอสูรสวรรค์?
สุดยอดกลุ่มอิทธิพลในจิวเทียน,สำนักอสูรสวรรค์อยู่ในลำดับเจ็ด.
สำนักอสูรสวรรค์,เป็นสำนักที่สามารถบัญชาการเหล่าอสูรในจิวเทียนได้.
บรรพชนชราของสำนักอสูรสวรรค์,มีความสามารถควบคุมฝูงสัตว์อสูร,ให้เข้าโจมตีศัตรูของพวกเขาได้.
มีข่าวลือเอ่ยออกมาว่า,ประมุขสำนักอสูรคนปัจจุบัน,มีพลังจิตวิญญาณที่สูงมาก,สามารถควบคุมสัตว์อสูรหลายหมื่นตนเพียงตัวคนเดียว.
“ให้พวกเขาเข้ามา.”เช่อตงหยางยังสงบ,เอ่ยต่อผู้คุ้มกัน.
“ไม่จำเป็น.”ในเวลานั้นเสียงที่อหังการ,เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองได้ก้าวเข้ามา,เป็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดหนังสัตว์,ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟิ้ม.
และมีผู้ติดตามของสำนักอสูรสวรรค์,หลายสิบคน.
คนผู้นี้ก็คือบรรพชนชราสำนักอสูรสวรรค์ผานหงปิง,เป็นยอดฝีมือจ้าวพิภพขั้นต้นพลังต่อสู้ 7 ล้าน.
“แท้จริงแล้วเป็นสหายผานหงปิงนี่เอง.”เช่อตงหยางที่เห็นผานหงปิงก้าวเข้ามา,ก็ยืนขึ้นเอ่ยทักทาย.
แม้นว่าเช่อตงหยางเป็นจ้าวพิภพขั้นต้นเช่นกัน,ทว่าเขามีพลังพิภพเพียงแค่ 2 ล้านเท่านั้น.
“ข้าได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชา,ว่าเจ้ากำลังต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติ,เป็นพวกมันรึ?”ผานหงปิงแลมองลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและหวงจิวพลางยกยิ้มเยาะ,เอ่ยต่อเช่อตงหยาง“นี่คือผู้ช่วยที่เจ้าเชิญมางั้นรึ? เช่อตงหยาง,ทางที่ดีที่สุด จงส่งแผนที่สมบัติมา,ไม่เช่นนั้น,ในตำหนักแห่งนี้,จะไม่มีใครรอดชีวิตไปแม้แต่คนเดียว!”
เช่อตงหยางที่จ้องมองลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เอ่ยต่อผานหงปิง,“สหายผานหงปิง,ข้าจะแนะนำให้รู้จักต้าเหรินทั้งสอง.”
ผานหงปิงที่โบกมือไปมา,เอ่ยเสียงดัง“ไม่จำเป็นต้องแนะนำ,ข้าไม่มีเวลาพูดคุยกับหมาแมวที่ใหน,ข้าจะพูดอีกครั้ง,ส่งแผนที่มา!”
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่าไงม่แยแส“แผนที่ข้าต้องการ,เจ้าไปได้แล้ว.”
ผานหงปิงหันหน้าจ้องมองไปยังลู่อี้ผิงทันที.
ในเวลานั้นยอดฝีมือสำนักอสูรสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังผานหงปิงเผยยิ้ม เอ่ยออกมาว่า“เจ้าต้องการอย่างงั้นรึ? ไอ้หนู,เจ้าพูดอีกทีสิ,พวกเราไม่ได้ยิน!”
อย่างไรก็ตาม,ขณะเขาเอ่ยจบ,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ตบอีกฝ่ายกระเด็นออกไปทันที.
เหล่าคนของสำนักอสูรสวรรค์ต่างตกใจไปตาม ๆ กัน.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ไม่ได้ยินชัดอย่างงั้นรึ? ตอนนี้ชัดพอรึยัง?”
ผานหงปิงใบหน้ากลายเป็นมืดครึ้ม,จ้องมองลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พวกโง่เขลา,ต้องการตายอย่างอนาถ! ไม่เหลือแม้แต่ศพงั้นรึ?!”กล่าวจบ,เขาที่แหวกมิติ,ส่งสัตว์อสูรร่างยักษ์ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า.
อสูรเทวะร่างยักษ์,ร่างกายเต็มไปด้วยเปลวเพลิง,มีเขาเดียวใหญ่ยักษ์ชี้ไปด้านหน้า,ร่างที่ใหญ่ยักษ์คล้ายกับเทือกเขาย่อม ๆ,มีเปลวเพลิงลุกท่วมร่างแผดกลิ่นอายที่หนักหน่วงทรงพลังออกมา.
“ราชสีห์เพลิงเขาเดียว!”เช่อตงหยางที่เอ่ยอุทานเสียงดัง.
เวลาต่อมา,ราชสีห์เพลิงเขาเดียวอีกตนก็ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า,เสียงคำรามดังกึกก้อง,คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏราชสีห์เพลิงเขาเดียวอีก 5,000-6,000 ตัวขึ้น.
คฤหาสน์ของเช่อตงหยางที่แหลกเป็นชิ้น ๆ ด้วยการปรากฏตัวของราชสีห์เพลิงเขาเดียว.
“ไปฉีกกระชากมันทั้งสาม,กินอย่าให้เหลือ!”
ในเวลานั้นราชสีห์เพลิงเขาเดียวหลายพันตัวก็พุ่งเข้าหาลู่อีผิ้ง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,และหวงจิวทันที.
อย่างไรก็ตามเหล่าราชสีห์เพลิงเขาเดียวกับไม่อาจเคลื่อนที่เข้าถึงทั้งสามได้.
ทันใดนั้นบนห้วงอากาศที่ว่างเปล่าปรากฏหลุมขนาดใหญ่,ทัณฑ์สายฟ้ามากมายที่ฟาดลงมาในทันที.
“สายฟ้าเทวะห้าธาตุ!”
“สายฟ้าเทวะหยินหยาง!”
“สายฟ้าเทวะทำลายล้าง!”
......
“สายฟ้าเทวะฮุ่นตุ้น!”
สายฟ้าเทวะที่ส่องสว่างกระจายไปทั่วจิวเทียน.
สวรรค์และปฐพีรอบ ๆ ที่ปรากฏสายฟ้าเทวะมากมายกระจายไปทั่ว.
ราชสีห์เพลิงเขาเดียวไม่มีแม้แต่เวลาให้ร้องโหยหวน,มันถูกสายฟ้าเทวะมากมายกลืนหายไปแทบจะในทันที.
ภายใต้สายฟ้าเทวะมากมาย,ยังมีลมปราณสายฟ้าฮุ่นตุ้นจากสายฟ้าเทวะฮุ่นตุ้นที่กวาดม้วนทุกสรรพสิ่งด้วย..
ผานหงปิงที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเอ่ยด้วยความตื่นตะลึง“ทัณฑ์สายฟ้า!”เขาจ้องมองลู่อีผิ้ง,“เจ้าคือบรรพชนทัณฑ์สายฟ้า,ลู่อี้ผิง!”
ขณะเพิ่งเอ่ย,ลมปราณสายฟ้าเทวะฮุ่นตุ้นก็ทำลายร่างกายของเขาให้แตกสลายหายไปแทบจะในทันที.
เหล่ายอดฝีมือสำนักอสูรสวรรค์คนอื่น ๆ ต่างสลายไม่เหลือแม้แต่เถ้า.
ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงคนเดียวที่ยังไม่ตาย.
เขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าเทวะ,ร่างกายที่สั่นเทาไปมา.
ยอดฝีมือสำนักอสูรสวรรค์คนดังกล่าวเวลานี้แทบไม่กล้าหายใจ.
ลู่อี้ผิงจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม,เอ่ยออกมาว่า“กลับไปบอกคนของสำนักอสูรสวรรค์,คนเหล่านี้ข้าเป็นข้าสังหาร,แผนที่สมบัติเป็นของข้า.”จากนั้นเขาก็ส่งลำแสงกระแทกร่างยอดฝีมือสำนักอสูรสวรรค์ลอยกระเด็นหายลับขอบฟ้าไป,ไม่รู้ว่าลอยหายไปไกลเท่าไหร่,แม้แต่เช่อตงหยางและผู้คุ้มกันของเขายังไม่อาจมองเห็นได้.