Chapter 143: This world, who most flamboyant?(
这世间,谁最牛逼?(三更)
ขณะที่เฉิงซ่วงหลงคุกเข่าลงต่อลู่อี้ผิง,ที่ไกลออกมา,หวงจิว,เห่าผี,อ้าวผีทั้งสามที่ยืนงง,วิญญาณแทบหลุดลอย.
ก่อนหน้านี้,ทั้งสามบอกได้ว่าลู่อี้ผิงนั้นแข็งแกร่งมาก.
ตอนนี้เห็นบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวีถูกทัณฑ์สายฟ้าของลู่อี้ผิงจัดการไป,พวกเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายลึกล้ำเกินหยั่งอย่างแท้จริง.
ใครคือบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวี? นี่คือหนึ่งในสิบยอดฝีมือยุคท่านนักบุญปิศาจ.
แม้แต่หนึ่งในสิบยอดฝีมือยุคนักบุญปิศาจยังไม่อาจต้านทานได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว,ในโลกนี้,ยังมีใครสามารถเป็นคู่มือลู่อี้ผิงได้?
ลู่อี้ผิงที่เห็นเฉิงซ่วงหลงคุกเข่าอยู่,ก็เอ่ยปากออกมาว่า“เจ้าคือผู้ติดตามของจางอี้เฟิงอย่างงั้นรึ?”
จางอี้เฟิง,ก็คือนามของนักบุญปิศาจนั่นเอง.
อย่างไรก็ตาม,นามนี้,มีคนน้อยมากที่รู้.
เฉิงซ่วงหลงได้ยิน,ร่างกายก็สั่นไปมา,ก่อนที่จะโขลกศีรษะลง,เอ่ยด้วยความตื่นเต้น“เป็นต้าเหรินจริง ๆ.”จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า“ในอดีตข้าเคยติดตามท่านนักบุญปิศาจไปยังป่าศักดิ์สิทธิ์,ได้บังเอิญพบกับต้าเหริน,ทว่าเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น,ดังนั้นก่อนหน้านี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าเป็นต้าเหริน.”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,ก่อนที่จะโบกมือให้อีกฝ่ายลุกขึ้น.
เฉิงซ่วงหลิงที่โค้งคำนับอีกครั้ง,เผยท่าทางตื่นเต้นดีใจ.
แม้นว่าเขาจะลุกขึ้น,ทว่าก็ยังก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่ยืนตัวตรง.
ลู่อี้ผิงเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่า,กู่อู๋ซ่วงเป็นศิษย์ของจางอี้เฟิงอย่างงั้นรึ?”
เฉิงซ่วงหลิงเร่งรีบตอบ“เรียนต้าเหริน,พวกเราเพียงแค่ใช้โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงเป็นฐานบัญชาการเท่านั้น.”
“เจ้ากลับไปบอกกู่อู๋ซ่วง,ให้เขาสั่งสอนคนรุ่นหลังให้ดี,หลายปีมานี้,ชื่อเสียงของโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงไม่ดีเลย”นอกจากนี้ลู่อี้ผิงยังเอ่ยออกมาว่า“หากเขาทำไม่ได้ ก็ปิดโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงไปทั้งหมดซะ.”
เฉิงซ่วงหลงรับรู้ลู่อีผิ้งนั้นได้เอ่ยตำหนิเรื่องโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงที่เมืองเสวียนกู่,เขาสั่นไปมาเร่งรีบคุกเข่าลง“ผู้น้อยรับบัญชา,หลังจากกลับไปจะต้องให้กู่อู๋ซ่วงสั่งสอนผู้เยาว์ตระกูลกู่ให้ดีอย่างแน่นอน.”
ในเวลานั้น,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เอ่ยปากออกมาทันที“อักษรเหล่านี้,ดูแล้วตาลาย,เพียงแค่วันเดียวคงไม่พออ่านจบ.”
ศิลาจารึกสวรรค์ที่ปรากฏขึ้น,มีเวลาเพียงวันเดียวในการตระหนักรู้.
หนึ่งวันหลังจากนั้น,มันจะจมลงไปใต้ดิน,รอคอยเวลาใหม่ ที่จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง.
ลู่อี้ผิงเอ่ย“วันเดียวคงไม่พอ,ก็ยกไปทั้งหมดก็แล้วกัน.”
ยกไปทั้งหมด?
เฉิงซ่วงหลงได้ยิน,ก็ใบหน้าชงักตะลึงไปทันที.
หวงจิว,เห่าผี,อ้าวผี,ทั้งสามที่ได้ยิน,ก็ตกใจเช่นกัน.
ศิลาจารึกสวรรค์,นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์ยุคปรัมปราเหลือเอาไว้,ความแข็งแกร่งของศิลาจารึกสวรรค์นั้น,โลกนี้ไม่มีใครสามารถขยับมันได้เลยด้วยซ้ำ,ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถนำศิลาจารึกดังกล่าวไปใหนได้.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม,ตบไปที่หน้าผากของตัวเอง“ข้ามีแต่ศีรษะจริง ๆ,ลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร.”จากนั้นมือของเขาก็โอบไปทั่วศิลาจารึกแท่งหนึ่ง,พร้อมกับเริ่มดึงมันขึ้นมาทันที.
เสียงดังกึกก้อง,แผ่นดินที่สั่นไปมา.
ศิลาจารึกสวรรค์ที่แผ่แสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง,พลังที่น่าเกรงขามที่กวาดม้วนพุ่งปะทะวัวกระทิงมังกรเขาทองคำอย่างบ้าคลั่ง,อำนาจสวรรค์ที่เพิ่มพูนยกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่ง,ราวกับว่าจะบดขยี้เพราะโกรธเกรี้ยวการกระทำของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่าพลังโจมตีจะพุ่งปะทะวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเท่าไหร่,ก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้.
ศิลาจารึกสวรรค์,ที่เวลานี้ส่งเสียงดังกึกก้อง,ค่อย ๆ ถูกยกขึ้นช้า ๆ.
เฉิงซ่วงหลง,หวงจิว,เห่าผี,อ้าวผี,ทั้งสี่ที่จ้องมองด้วยความตื่นตะลึง.
ทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ?
หัวใจของทั้งสี่ที่เต้นไปมา.
นอกจากเรื่องที่ลู่อี้ผิงสังหารบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวีไปก่อนหน้านี้.
การยกศิลาจารึกของจักรพรรดิสวรรค์,ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงขากรรไกรแทบค้าง.
ถึงแม้นว่ามันจะหลงเหลือพลังของจักรพรรดิสวรรค์เพียงเล็กน้อย,ทว่ามันก็เหนือล้ำเกินที่พวกเขาจะพรรณนาถึงได้.
ในโลกนี้,มีคนที่ร้ายกาจเพียงนี้เลยรึ?
แน่นอนความร้ายกาจของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำนี่แค่เพียงส่วนเล็ก ๆ.
เป็นเพียงแค่ส่วนยอดบนภูเขาน้ำแข็ง.
ปู่เสี่ยวจินกำลังยกศิลาจารึกสวรรค์.
เวลานี้มันถูกยกขึ้นมาช้า ๆ.
พลังสวรรค์ที่บ้าคลั่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน.
วัวกระทิงมังกรที่คำรามก้อง,ก่อนที่จะดึงศิลาจารึกสวรรค์ทั้งหมดออกมา.
หวึ่ง ๆ!
ทั่วทุกหนแห่งบนจิวเทียน,ทุกคนรู้สึกว่าผืนปฐพีที่กำลังสั่นไปมาอย่างรุนแรง.
เฉิงซ่วงหลงและคนอื่น ๆ ที่ยืนงงเป็นไก่ไม้.
ดึงออกมาได้จริง ๆ.
นับตั้งแต่ยุคปรัมปรา,ศิลาจารึกสวรรค์มีผู้คนมากมายเท่าไหร่เคยทดสอบแต่ไม่อาจสั่นคลอนได้เลย,ตอนนี้กับถูกดึงออกมาทั้งหมดแล้ว.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำจ้องมองศิลาจารึกสวรรค์,เผยยิ้มพลาย“โอ้วสวรรค์,จมลึกขนาดนี้เลย.”เมื่อเขาดึงศิลาจารึกขึ้นมา,สายลมที่พัดม้วนกวาดเขาไปยังช่องว่างดังกล่าวไม่หยุดหย่อน.
ศิลาจารึกสวรรค์ที่สร้างขึ้นมาจากวัสดุที่แข็งที่สุดในยุคปรัมปรา,แร่ดังกล่าวแข็งไม่ได้ด้อยกว่าเทือกเขาปู้โจว,ตอนนี้มันกับถูกวัวกระทิงมังกรเขาทองคำดึงขึ้นมาพร้อมกับกวัดแกว่งไปมา.
ลู่อี้ผิงเอ่ยปาก“ดึงเพียงศิลาจารึกต้นเดียว,ต้องใช้พลังขนาดนั้นเลย.”กล่าวจบ,เขาก็ยกนิ้วสองนิ้ว,ชี้ไปยังศิลาจารึกหลัก,ก่อนที่จะชูขึ้นไปบนท้องฟ้า,ศิลาจารึกที่ถูกฉุดอย่างรุนแรงลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที.
การดึงที่ราวกับว่าใช้พลังน้อยนิดผุดขึ้นมาง่ายดาย กว่าการดึงของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก่อนหน้านี้มาก.
เฉิงซ่วงหลงเวลานี้ที่ไม่อาจเอ่ยอธิบายอะไรออกมาได้,ทำได้แค่ยืนโง่ ๆ มองดูเท่านั้น.
ลู่อี้ผิงที่ดึงศิลาหลักและศิลารองทั้งเก้าขึ้นมาเพียงแค่สะบัดมือ.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เอ่ยออกมาว่า“เพียงแค่เริ่มต้น.”
จากนั้นวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็ทำการดึงศิลาจารึกต้นอื่น ๆ ต่อไป.
เวลานี้,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ดึงศิลาจารึกด้วยความเร็วเหลือเชื่อเช่นกัน.
ท้ายที่สุดศิลาทั้ง 100 ต้น,ก็ถูกลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำดึงขึ้นมาจากพื้นดินทั้งหมด.
ลู่อี้ผิงที่เก็บศิลาจารึกสวรรค์เข้าไปในหม้อจักรวาล,ไว้ค่อยศึกษาช้า ๆ.
เมื่อศิลาจารึกถูกดึงและเก็บไปทั้งหมดแล้ว,จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ทีเมืองเทียนเป่ยอีก,ลู่อี้ผิงจึงได้นำคนอื่น ๆ ออกจากเมืองเทียนเป่ยไป.
หลังจากออกจากเมืองเทียนเป่ย,ลู่อี้ผิงเอ่ยต่อเฉิงซ่วงหลง,“เจ้าช่วยข้าตรวจสอบซุนไห่หยินสำนักอู๋เซิ่ง,และราชันย์หมาป่ายวีเมี่ยนหน่อยว่าอยู่ที่ใด.”
ศิลาจารึกสวรรค์ปรากฏก่อนเวลา,ดังนั้นสำนักอู๋เซิ่งและสำนักยวีฟ่านจึงยังมาไม่ถึงนั่นเอง.
ก่อนหน้านี้,ลู่อีผิ้งได้ให้วังม่านหมอกตรวจสอบสำนักอู๋เซิ่ง,หวงหยวนตง,ราชันย์หมาป่ายวีเมียนแล้ว,ทว่าผ่านมาเพียงไม่กี่วัน,จึงยังไม่มีข่าวอะไร.
เฉิงซ่วงหลิงได้ยินคำพูดลู่อีผิ้ง,ก็เร่งรีบเอ่ยกล่าวประจบทันที“ขอรับ,ต้าเหรินโปรดวางใจ,ข้าจะรวมกำลังตรวจสอบในตอนนี้.”
ตอนนี้,เขาได้นำยันต์สื่อสารออกมา,ติดต่อกับหัวหน้าพื้นที่ต่าง ๆ ของโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงให้ค้นหาซุนไห่หยินและราชันย์หมาป่ายวีเมี่ยนว่าอยู่ที่ใด.
หลังจากนั้น,เฉิงซ่วงหลิงก็คารวะกล่าวลาอีกฝ่ายแล้วจากไป.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย,“มารดาเถอะ,ผ่านมาสองสามวันแล้ว,วังม่านหมอกยังไม่มีข่าวอะไรเลย,ไม่ใช่รับเงินไปแล้ว,ไม่ทำงานหรอกนะ?”
ลู่อีผิ้งที่ขมวดคิ้วไปมา,เรื่องสำนักอู๋เซิ่งที่ควรจะง่ายที่สุด,ด้วยพลังของวังม่านหมอกแล้ว,ไม่น่าจะใช้เวลาขนาดนี้,เพียงแค่ไม่กี่วันก็ควรจะมีข่าวได้แล้ว.
“ไปยังวังม่านหมอกเพื่อสอบถาม.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ในเวลานั้นพวกเขาก็บินตัดอากาศไปในทันที.
เรื่องที่ลู่อี้ผิงกระทำในเมืองเทียนเป่ย,เริ่มกระจายไปทั่วจิวเทียน.
“ศิลาจากรึกสวรรค์ปรากฏ,บรรพชนสายฟ้านิกายเทวะคุนเผิง,เหล่ยยวี,เฟยเจียและจ้าวพิภพคนอื่น ๆกว่าสามสิบคน,เทพสวรรค์ 1000 คนถูกสังหารไปทั้งหมด!”
“ฉินโม่จิว นิกายฉินหัว,หัวหรูเซิ่ง จ้าวพิภพสิบคน,เทพสวรรค์สามร้อยคนถูกสังหารไม่เหลือ!”
“สำนักกระบี่ไท่ขิง,เจิ้งซ่างจิง,เจ๋ออวิ๋น จ้าวพิภพหกคน,เทพสวรรค์หนึ่งร้อยคนถูกสังหารจนเกลี้ยง!”
ข่าวดังกล่าวทำให้จิวเทียนสั่นสะเทือนไปในทันที.
ศิลาจารึกสวรรค์ครั้งนี้,ทำให้ทุกคนทั่วทั้งจิวเทียนต่างก็รู้จักลู่อี้ผิงไปจนถึงแก่น.
ข่าวดังกล่าวนี้,ได้มาถึงดินแดนบรรพชนนิกายเทวะคุนเผิง,เวลานี้กลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์คงอยู่ในสวนลึกของห้องโถงบรรพชนได้ลืมตาขึ้นมา.