Chapter 138 Saint Demon subordinate great general
圣魔麾下大将(一更)
เหล่ยยวี!
ในยุคนักบุญปิศาจ,นามนี้ก็คือบรรพชนสายฟ้านั่นเอง!
แม้นว่าเทพกู่ฉินฟู่เฉาจะมีชื่อเสียงในวิถีกู่ฉินเป็นอย่ามาก,ทว่าชื่อเสียงทั่วจิวเทียนในยุคนักบุญปิศาจนั้น,ไม่อาจถูกจัดให้อยู่หนึ่งในสิบด้วยซ้ำ,ทว่าบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวี,กับเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือยุคนั้น.
ในบันทึกประวัติเทพ,เมื่อบรรพชนสายฟ้าโกรธเกรี้ยว,จะได้ยินเสียงสายฟ้าคำรามลั่นไปทั่วจิวเทียน!
ตามคำพูดดังกล่าว,เมื่อบรรพชนสายฟ้าโกรธเกรี้ยว,ทั่วทั้งจิวเทียนจะเต็มไปด้วยสายฟ้าเทวะ.
เห็นชัดเจนว่าชื่อเสียงของบรรพชนสายฟ้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด.
“คารวะบรรพชนสายฟ้า,ท่านเฟยเจีย!”
บรรพชนชราหลากหลายกลุ่มอิทธิพล,ล้วนแต่ก้าวไปด้านหน้า,ก้มศีรษะโน้มตัวทักทายผู้ยิ่งใหญ่ของจิวเทียน.
บางคนมีระดับจ้าวพิภพต้น,บางคนมีระดับจ้าวพิภพกลาง.
อย่างไรก็ตาม,เมื่อเห็นบรรพชนสายฟ้าเหล่ยยวี,ต่างก็ก้มหน้าโค้งคำนับ.
ระดับเทพสวรรค์บางคนและเทพแท้จริงหลายคนที่คุกเข่าลง.
คนที่มายังเมืองเทียนเป่ยครั้งนี้,ล้วนแต่มีระดับเทพแท้จริงขึ้นไป.
ศิลาจารึกสวรรค์ปรากฏ,พลังอำนาจสวรรค์ไร้เทียนทานกลิ่นอายลึกล้ำที่แผ่ออกมา,เทพวิญญาณ,มหาจักรพรรดิ,จักรพรรดิโบราณ,ไม่อาจทนแบกรับกลิ่นอายเหล่านี้ได้,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ให้คนเหล่านี้ติดตามมา.
เห็นผู้คนคุกเข่าให้,เหล่ยยวีเผยยิ้มอย่างเป็นกันเอง“ข้าไม่ได้ปรากฏมาหลายปี,ทุกคนไม่ต้องมากพิธีไป,ลุกขึ้น.”
เหล่าบรรพชนชรา,ประมุข,ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่ลุกขึ้น.
เหล่ยยวี,เฟยเจียและคนอื่นๆ ที่มายังพื้นที่ลานตรงกลางซึ่งเป็นพื้นที่ของนิกายเทวะคุนเผิง.
พื้นที่จัตุรัสนั้นมีพื้นที่หลายส่วน,พื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดเป็นของนิกายเทวะคุนเผิง.
ด้วยเหตุนี้ยอดฝีมือที่นิกายเทวะคุนเผิงกว้างย่อมสามารถนำคนมาได้มากกว่ากลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ.
ครั้งนี้,นิกายเทวะคุนเฟิงนำจ้าวพิภพมา 30 คน.
เทพสวรรค์ 1000 คน.
กลุ่มอิทธิพลทั่วไป,มีจ้าวพิภพเพียง 1-2 คนเท่านั้น,ทว่านิกายเทวะคุนเผิงกับนำจ้าวพิภพ 30 คนออกมา,บ่งบอกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของจิวเทียนอย่างแท้จริง.
อย่างไรก็ตามผู้คนต่างรับรู้ว่า,นี่เพียงแค่พลังบางส่วนของนิกายเทวะคุนเผิงเท่านั้น.
มีคนบอกว่ายอดฝีมือนิกายฉินหัว,นิกายเสวียนเทียน,สำนักกระบี่ไท่ชิง,ตระกูลเหยียน,เผ่าเหรินสู,สำนักอสูรสวรรค์,นิกายพุทธะซู่มี่,สำนักร้อยแปลง,นิกายกระบี่กุ้ยหยวน,สุดยอดกลุ่มอิทธิพลใหญ่รวมตัวกัน,ก็ยังมียอดฝีมือน้อยกว่านิกายเทวะคุณเผิง.
เหล่ยยวี,เฟยเจี่ยและคนของเขาได้มายังพื้นที่เปิดนิกายเทวะคุนเฟิง,ขณะจับจ้องมองไปยังพื้นที่นิกายฉินหัว,เห็นผู้เยาว์ชุดน้ำเงินกำลังนั่งดื่มกินอยู่,ก็ตกใจ.
ยอดฝีมือเทพสวรรค์นิกายเทวะคุนเผิงที่ก้าวมาด้านหน้า,เอ่ยต่อเหล่ยยวี,เฟยจวีด้วยความเคารพ“บรรพชนชรา,เจ้านิกาย,เขาคือลู่อี้ผิง.”
“...”เหล่ยยวีที่เผยความประหลาดใจออกมา.
เขาจ้องมองไปยังลู่อีผิ้ง,เมื่อเห็นโต๊ะเก้าอี้ศิลา,ก็เผยความประหลาดใจ“ศิลาเทวะฮุ่นตุ้น?”
เฟยเจียเองก็ประหลาดใจเช่นกัน.
“บรรพชนชรา,ท่านมาถึงแล้ว,เจ้าคนแซ่ลู่ คาดไม่ถึงว่ายังนั่งดื่มกินไม่แสดงความเคารพ,โอหังเกินไปแล้ว,ให้ข้าสอนบทเรียนให้มันใหม?”จ้าวพิภพขั้นกลาง คนหนึ่งก้าวออกมาด้านหน้า,เอ่ยต่อเหล่ยยวี.
เหล่ยยวีเอ่ยอย่างไม่แยแส“ไม่จำเป็น,เจ้าคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนั่น,เดียวก็มีคนมาสั่งสอนมัน.”จากนั้นเขาก็นำคนของเขาไปยังพื้นที่ของนิกายเทวะคุนเผิง.
คนของนิกายเทวะคุนเผิงเร่งรีบนำโต๊ะศิลา,โต๊ะทองคำ,ออกมาวาง,ให้เหล่ยยวีและเฟยจีเข้าไปนั่ง,พร้อมกับเตรียมสุราอาหารให้.
“ลู่อี้ผิงผู้นี้,คงกล้าเพียงยึดครองพื้นที่นิกายฉินกู่,สถานที่ของนิกายเทวะคุนเผิงของพวกเรา,มันคงไม่กล้า,ดูเหมือนว่าจะมีสมองเหมือนกัน.”บรรพชนชราคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
“นิกายเทวะคุนเผิงของพวกเรา,ใครมันจะกล้าล่วงเกินกัน.”
ในเวลานั้น,ผู้คนได้กลายเป็นวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย,เห็นกลุ่มคนอีกลุ่มที่ก้าวเข้ามาในเมืองเทียนเป่ย.
คนที่มา,แน่นอนว่าเป็นคนของนิกายฉินหัว.
คนของนิกายฉินหัว,ล้วนแต่สวมชุดสีขาวอ่อน,แผ่กลิ่นอายนักศึกษาแก่เรียนออกมา.
อย่างไรก็ตาม,คนที่นำมานั้น,เป็นยอดฝีมือที่ดูแตกต่าง,เขาสวมเกาะสีดำ,บนเกาะนั้นมีลวดลายอักขระเทพอสูรสลักเอาไว้.
เจ้านิกายฉินหัว,หัวหรูเซิ่งกับเดินตามหลังด้วยความเคารพ.
“ฉินโม่จิว!”
บรรพชนชราผู้หนึ่งที่เห็นชายวัยกลางคนที่สวมเกราะสีดำอดไม่ได้เลยที่ต้องอุทานออกมา.
“ใครคือฉินโม่จิว?”ประมุขบางคนเอ่ยสอบถามด้วยความสงสัย.
“เขาคือศิษย์พี่เทพกู่ฉินฟู่เฉา,มีความแข็งแกร่งกว่าฟู่เฉาซะอีก!”บรรพชนชราคนหนึ่งที่เผยท่าทางจริงจัง.
บางคนเองได้ยินฉินโม่จิว,ก็ตกใจ ไม่ต่างกัน.
“นี่คือกู่ฉินโม่จิว,หนึ่งในสิบยอดฝีมือในยุคนักบุญปิศาจอย่างงั้นรึ?”ใครบางคนที่เอ่ยสอบถามออกมา.
บางคนที่อุทานออกมา,ฉินโม่จิวนำยอดฝีมือนิกายฉินหัวก้าวตรงไปยังลานตรงกลาง.
ขณะเหล่ายอดฝีมือนิกายฉินหัวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเมืองเทียนเป่ย,ยอดฝีมืออีกกลุ่ม,เป็นคนของนิกายสวียนเทียนและโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,ตระกูลเหยียน,สำนักกระบี่ไท่ชิงเองก็มาถึงเช่นกัน.
“จีเทียน!”
“เฉิงซ่วงหลง!”
“เหยียนเมิ่ง!”
“เจิ้งซ่างชิง!”
เห็นคนทั้งสี่ที่นำมา,เหล่าบรรพชนชรามากมายต่างอุทานเสียงดังอื้ออึง.
จีเทียน,นี่คือตัวตนในตำนานของนิกายเสวียนเทียน,เฉิงซ่วงหลงเองก็เป็นคนมีชื่อเสียงของโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,เหยียนเมิ่งนี่คือปู่ของประมุขคนปัจจุบันตระกูลเหยียน,และเจิ้งซ่างชิงที่ผู้คนรู้จักกันดี.
นิกายเสวียนเทียน,สำนักกระบี่ไท่ชิง,สุดยอดกลุ่มอิทธิพลอันดับสามและสี่,และยังมีโรงเตี้ยมอู่ซ่วงมีมีชื่อเสียงไปทั่วจิวเทียน,และตระกูลเหยียนตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของดินแดนไท่สวี!
สี่กลุ่มอิทธิพลที่จับมือกัน,สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก.
แม้แต่กู่ฉินโม่จิว,นิกายฉินหัวที่เข้ามาก่อนหน้านี้ยังหยุดรอ.
“ใครคือเฉิงซ่วงหลงรึ?”ใครบางคนสอบถาม.
หลายคนได้ยินชื่อจีเทียน,เหยียนเมิ่ง,เจิ้งซ่างซิง,ทว่าไม่เคยได้ยินเฉิงซ่วงหลงมาก่อน.
บรรพชนชราที่ใบหน้ากลายเป็นจริงจัง“ในอดีตเขาคือแม่ทัพอาวุโสภายใต้ท่านนักบุญปิศาจ.”ใครบางคนเอ่ยถึงท่านนักบุญปิศาจ,ใบหน้าที่ยากที่จะปกปิดความตื่นเต้นและเคารพเอาไว้ได้.
นักบุญปิศาจ,ยอดฝีมือไร้เทียมทานสามยุค,กล่าวได้ว่าคือยอดคนที่ทำให้จิวเทียนสั่นสะเทือนมาแล้ว.
ไม่ว่าจะเป็นใครเอ่ยถึงนักบุญปิศาจ,ย่อมเปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมนับถือเสมอ.
ในยุคของนักบุญปิศาจ,แม้แต่นิกายเทวะคุนเผิงยังต้องถอย.
ชื่อเสียงของนักบุญปิศาจนั้นมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย.
“อะไรนะ,แม่ทัพภายใต้ท่านนักบุญปิศาจ!”ประมุขหลายคน,บรรพชนชราที่ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
นักบุญปิศาจ,ไม่ว่าจะเป็นจิวเทียน,โลกเทวะ,ดินแดนโหยวหมิง,ทั่วทุกหนแห่งล้วนตู่กกำราบไปทั้งหมดแล้ว,ไม่มีใครสามารถต้านทานได้,แม่ทัพภายใต้เขาย่อมแข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างไม่ต้องสงสัย.
พริบตานั้น,ผู้คนต่างก็จ้องมองเฉิงซ่วงหลงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป.
ในเวลานี้,ถึงจะเป็นจีเทียน,เหยียนเมิ่ง,เจิ้งซ่างชิง,ก็ยากจะเทียบกับเฉิงซ่วงหลง,เพราะว่าเฉิงซ่วงหลงก็คือแม่ทัพภายใต้ท่านนักบุญปิศาจนั่นเอง.
เพียงแค่นาม แม่ทัพภายใต้นักบุญปิศาจ,จีเทียน,เหยียนเมิ่งและเจิ้งซ่างชิงก็ไม่อาจเทียบได้แล้ว.
กู่กั๋วหยวนและยอดฝีมือของโรงเตี้ยมอู๋ซวงที่ก้าวตามเฉิงซ่วงหลงมาด้านหลัง.
“ศิลาจารึกสวรรค์ปรากฏครั้งนี้,คาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งโดดเด่นปรากฏขึ้นมากมายเช่นนี้!”
“ก่อนที่ศิลาจารึกปรากฏ,ข้าคิดว่าพวกเราควรซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า.”
หลายกลุ่มอิทธิพ,ถึงแม้นว่าจะมีความแข็งแกร่ง,แต่เป็นเพียงจ้าวพิภพทั่วไปเท่านั้น.
หลังจากที่ฉินโม่จิวหยุด,ขณะจ้องมองไปยังจีเทียน,เหยียนเมิ่ง,เฉิงซ่วงหลง,เจิ้งซ่างชิงและคนอื่น ๆ ที่ก้าวเข้ามา,เขาก้าวไปด้านหน้า,ยกมือผสานเอ่ยต่อเฉิงซ่วงหลง“พี่อู๋ซ่วง!”
มีเพียงแค่เฉิงซ่วงหลงเท่านั้น,หากแต่ไม่ได้เอ่ยจีเทียน,เหยียนเมิ่งและเจ้งซ่างชิง.
บางที,สำหรับเขา,มีเพียงแค่เฉิงซ่วงหลงเท่านั้นที่ควรค่าให้หยุดทักทาย.