Chapter 134 Jade Fan Gate
玉扇门(一更)
หลังจากค้นวิญญาณเสร็จสิ้น.
ลู่อี้ผิงก็จ้องมองกู่หลินเฟิง,เผยแววตาเย็นชา.
ในความทรงจำของกู่หลินเฟิง,ฝ่ายตรงข้ามคือขยะชัด ๆ,ทำเรื่องชั่วช้ามากมาย,สังหารเถ้าแก่คนเก่า,คว้าทุกอย่างของร้านมาอย่างหน้าไม่อาย.
มีสตรีมากมายหลายคนที่จบในเงื้อมมือของเขา.
ลู่อี้ผิงที่บดขยี้,บีบร่างอีกฝ่ายระเบิดออกไปในทันที.
ทุกคนต่างก็ยืนชงักงงงวยไปตาม ๆ กัน.
เหล่าผู้คุ้มกันโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงที่ลงมือ,เวลานี้ต่างก็ชงักงัน.
“เจ้า,เจ้าได้ก่อคดีอุกฉกรรจ์แล้ว!”ศิษย์จ้าวไร้สวรรค์ที่เห็นเข้าก็โกรธเกรี้ยวเอ่ยคำรามดัง“เจ้าไม่มีทางหนีได้แน่,ไม่ใช่แค่เจ้า,ตระกูลเจ้า,นิกายของเจ้าและทุกคนที่เกี่ยวของกับเจ้า ต้องตายกันหมด!”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็ตบอีกฝ่ายอย่างรุนแรง,ศิษย์จ้าวไร้สวรรค์ที่พุ่งหายไปบนขอบฟ้าไม่เห็นแม้แต่เงา.
เหล่ายอดฝีมือของโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงต่างก็ผวาถอยห่างออกไปสองสามก้าว.
พริบตานั้น,ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาแม้แต่คนเดียว.
ลู่อี้ผิงนำคนของเขาก้าวออกจากโรงเตี้ยม.
เจียงถิง,เหยียนหรูอวิ๋นสตรีทั้งสองที่ชงักได้สติ,จ้องมองลู่อี้ผิงที่จากไป,ด้วยแววตาที่ไม่อาจระงับความหวาดกลัวเอาไว้ได้.
“ปิดโรงเตี้ยมนี้ซะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
สิ้นเสียงของลู่อี้ผิง,เหล่าผู้คนในโรงเตี้ยมต่างก็วิ่งหนีกันจ้าระหวั่น.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ต่อยออกไปทันที.
ทันใดนั้นโรงเตี้ยมดังกล่าวก็ระเบิดพังสลายแหลกเป็นชิ้น ๆ.
พวกลู่อี้ผิงก็เดินทางจากไปในที่สุด.
โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงได้กลายเป็นซากปรักหักพัง,ไม่เพียงแค่ยอดฝีมือโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงที่อ้าปากค้าง,เหล่าแขกที่เข้าไปก่อนหน้านี้ต่างก็งงงวยไปตาม ๆ กัน.
“นับเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าท้าทายโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง”
โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงที่เปิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว,ผุดขึ้นทุกที่ทั่วเมืองใหญ่ของจิวเทียน.
แม้นว่าจะมีบางคนมาสร้างปัญหาในโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงบ้าง,ทว่าไม่มีใครกล้าทำลายโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงเลย.
ไม่ต้องเอ่ยว่าโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักกระบี่ไท่ชิง,นิกายเสวียนเทียนและตระกูลเหยี่ยน,พวกเขาเองก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.
นอกจากนี้นักบุญอู๋ซ่วงยังเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของท่านนักบุญปิศาจ!
ใครคือท่านนักบุญปิศาจ?
นี่คือตัวตนไร้เทียมทานที่คงอยู่ถึงสามยุค!
ถึงแม้นว่าเขาจะออกจากจิวเทียนไปแล้ว,ทว่าชื่อเสียงในอดีตคือนักบุญไร้เทียมทาน,ปิศาจไร้เทียนทาน,เขาเป็นนักบุญปิศาจที่ผู้คนหวั่นเกรง.
กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อเสียงมากมายยิ่งกว่าเทพกู่ฉินฟู่เฉามาตั้งแต่ยุคบรรพกาล.
ยุคบรรพกาล,เขาได้ใช้โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงเป็นศูนย์ใหญ่ในการบัญชาการของเขาด้วย.
“คนเหล่านี้,ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากใหน.”
“ไม่กี่วันก่อน,มีใครบางคนสังหารศิษย์เทพดาบ,ตอนนี้มีคนทำลายโรงเตี้ยมอู๋ซ่าง,สังหารศิษย์หลักตระกูลกู่.”
บิดาของกู่หลินเฟิงคือกู่กั๋วหยวนเป็นผู้ดูแลโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงในดินแดนแห่งนี้,นอกจากนี้ในดินแดนไท่สวี,กู่กั๋วหยวนยังมีสถานะสูงในตระกูลกู่,เวลานี้บุตรชายเขาตกตายไปแล้ว.
เกรงว่าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนสวรรค์อย่างแน่นอน.
“ดินแดนไท่สวี,เกิดเรื่องใหญ่อีกแล้ว.”ชายหนุ่มที่ถือพัดหยกสะบัดไปมา.
หลายคนเห็นชายหนุ่มถือพัดหยก พอจะรับรู้ตัวตนอีกฝ่ายได้,ก็หวั่นเกรงถอยห่างออกไปทันที.
หลังจากนั้น,ชายหนุ่มพัดหยกก็เหินลอยฟ้าจากไป.
“สำนักยวีฟ่าน,ปรากฏตัวอย่างงั้นรึ?”ประมุขคนหนึ่งที่เห็นชายหนุ่มพัดหยกจากไปก็เอ่ยอุทานด้วยความประหลาดใจ.
“สำนักยวีฟ่าน? เป็นนสำนักที่มีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลนะรึ? ได้ยินมาว่าสำนักยวีฟ่านไม่ปรากฏตัวมากกว่าหนึ่งแสนปีแล้ว?”
“หายไปไม่ได้หมายถึงต้องหายไปตลอดกาล,นิกายจากบรรพกาล,มีหลายนิกายที่ปรากฏขึ้น,ก็เหมือนกับศิลาจารึกสวรรค์กำลังปรากฏ,นิกายจากบรรพกาลหลายแห่งก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น.”
“ไม่ใช่ว่าราชันย์หมาป่ายวีเหมียน,ยังมีชีวิตอยู่หรอกนะ?”บรรพชนชราผู้หนึ่งที่เอ่ยอุทานออกมาทันที.
ได้ยินใครบางคนเอ่ยถึงราชันย์หมาป่ายวีเหมียนทุกคนก็กลายเป็นเงียบไปในทันที.
ราชันย์หมาป่ายวีเหมียน,ในอดีตคือยอดคนอันดับหนึ่งของสำนักยวีฟ่าน.
นี่คือมารร้ายที่โหดเหี้ยมอมหิต.
ดินแดนไท่เสวียน,ห้องโถงโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง.
กู่กั๋วหยวนและบรรพชนชรานิกายเสวียนเทียนอู๋อี้กำลังนั่งจิบชาพูดคุยกันอยู่.
“เดือนหน้าศิลาจารึกสวรรค์กำลังปรากฏ,สหายอู๋อี้หากได้ตระหนักรู้ศิลาจารึกสวรรค์ครั้งนี้,จะต้องตัดผ่านระดับได้อย่างแน่นอน.”กู่กั๋วหยวนที่เผยยิ้ม.
อู๋อี้เผยยิ้ม“เจ้าเองก็ด้วย,สหายกั๋วหยวนเมื่อถึงเวลาตระหนักรู้คงจะพัฒนาก้าวเกินข้าไป ก็ครานี้.”
ศิลาจารึกสวรรค์,นี่คือจารึกของศาลสวรรค์ยุคปรัมปรา,มีอักขระที่บันทึกวิชาบ่มเพาะและข้อมูลมากมายที่ถูกบันทึกเอาไว้.
ข้อความอักขระเหล่านี้มีพลังที่ลึกล้ำแยกระดับออกเป็นระดับสวรรค์,ระดับปฐพี,ระดับเหลืองและดำ.
ระดับเหลืองต่ำสุด,ระดับสวรรค์มีระดับสูงสุด.
อักขระสวรรค์ลึกล้ำ,นี่คืออักขระที่ยากจะเข้าใจที่สุด.
กล่าวกันว่าตั้งแต่ยุคปรัมปราถึงปัจจุบัน,มีเพียงแค่คนเดียวที่ตระหนักรู้อักขระสวรรค์บนจารึกสวรรค์ได้,ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่ามันยากขนาดใหน.
กู่กั๋วหยวนถอนหายใจ“น่าเสียดาย,บรรพชนชราอู๋ซวงของพวกเรา,ยังคงปิดด่านอยู่,ศิลาจารึกสวรรค์ปรากฏครานี้,เกรงว่าคงไม่ได้สนใจนัก.”ขณะที่กู่กั้วหยวนถอนหายใจ,ยันต์สื่อสารของเขาก็สั่นไปมา,ขณะเขานำมันออกมาดู,ก็ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นอัปลักษณ์.แม้แต่แผ่จิตสังหารที่รุนแรงออกมา.
“เฟิงเอ๋อ.”กู่กั๋วหยวนที่เอ่ยคำราม,น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า.
อู๋อี้เห็นกู่กั๋วหยวนจ้องมองยันต์สื่อสาร,เผยจิตสังหารออกมา,และใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า,ก็เผยความประหลาดใจออกมา,ก่อนที่จะจ้องมองไปยังข้อความยันต์สื่อสาร,ทำให้เขาเผยใบหน้าเย็นชาออกมาเช่นกัน.
“คนผู้นี้,แส่หาความตาย!”อู๋อี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
กู่กั๋วหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ปิดโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงของข้า,สังหารบุตรชายของข้า,ไม่เห็นหัวข้าเลยอย่างงั้นรึ? พวกมันต้องการตกตายไร้ที่ฝัง!”
“ไม่ว่ามันจะเป็นใครข้าจะฝังพวกมันไปพร้อมกับบุตรชายของข้า!”
อู๋อี้เอ่ยออกมาว่า“สหายกั๋วหยวน,ต้องการให้นิกายเสวียนเทียนพวกเราช่วยหรือไม่?”
กู่กั๋วหยวนส่ายหน้าไปมา“ขอบคุณสหายอู๋อี้,ตอนนี้ยังไม่จำเป็น.”
อู๋อี้พยักหน้ารับ,เขารู้ว่าโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงนั้นทรงพลัง,ไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วย.
หลังจากที่ลู่อี้ผิงออกจากโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,เขาก็ไม่ได้อยู่ในเมืองเสวียนกู่ต่อ,เขาออกจากเมืองมุ่งสู่หมู่บ้านชิงไห่ดินแดนไท่สวีทันที.
แม้ว่าเถ้าแก่คนเก่าจะถูกสังหาร,ทว่าเขาก็ยังมีบุตรและลูกหลานของเขายังอยู่,เวลานี้อาศัยอยู่บ้านชาวประมงชิงไห่,บางทีบุตรของเขาอาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับหยกเจาหัวก็ได้.
ชิงไห่ไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองเสวียนกู่เท่าใดนัก,ด้วยความเร็วของพวกลู่อี้ผิง,ก็มาถึงชิงไห่ในเวลาไม่นาน.
หลังจากมาถึงชิงไห่,ได้ยินเสียงสายลม,เสียงคลื่นทะเลสาดซัดชายหาด,แสงตะวันที่สาดส่องรอยยิ้มของชาวประมง,หวงจิวได้เอ่ยออกมาว่า“ชีวิตที่สุขสงบ,ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน.”
ลู่อี้ผิงเอ่ย“โลกใบนี้,จะมีที่ใหนสุขสงบ,ไม่ว่าจะเป็นที่ใดล้วนแต่มีความขัดแย้ง,และชิงดีชิงเด่นกัน.”
พวกเขาที่ก้าวเดินเข้าไปในหมู่บ้านชาวประมง.
ลู่อี้ผิงได้สอบถามเกี่ยวกับบ้านของบุตรชายเถ้าแก่ร้านขายของเก่า.
เถ้าแก่ขายของเขามีนามว่าหวงเฉิง,บรรพชนของพวกเขานั้นเคยเป็นบรรพชนชรานิกายใหญ่,หลังจากนิกายล่มสลาย,ตระกูลหวงก็ตกต่ำถดถอย,ที่นี่คือบ้านพวกเขา,ดูใหญ่โต,มีกันหลายร้อยหลังคาเรือนติด ๆ กัน,เกรงว่าพื้นที่แห่งนี้คงกว้างกว่าหนึ่งร้อยหมู่.
บุตรชายของหวงเฉิงนั้นคือประมุขคนปัจจุบันของตระกูลหวง,หวงเจี้ยนจื่อ.
ยอดฝีมือของตระกูลหวงเห็นพวกลู่อี้ผิงมาหาประมุข,พวกเขาก็เร่งรีบเข้าไปรายงาน,ก่อนที่จะถูกเชิญเข้าไปในตระกูลหวง.
ความแข็งแกร่งของหวงเจี้ยนจื่อไม่ได้อ่อนแอนัก,เป็นเทพแท้จริงขั้นกลาง,เห็นพวกลู่อี้ผิง,ก็เผยความสงสัยและระมัดระวังเอ่ยออกมาว่า“ท่านทั้งหลายมาหาข้า,ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงที่นำหยกเจาหัวออกมา.
หวงเจี้ยนจื่อเห็นหยกเจาหัวในมือลู่อี้ผิง,ก็เผยความประหลาดใจ“หยกจิงซีเป่า.”
หยกจิงซีเป่า?(หยกโลกพิสุทธิ์)
ลู่อี้ผิงเห็นฝ่ายตรงข้ามรู้จักหยกในมือ,ก็เอ่ยถามออกไปว่า“ได้ยินมาว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสืบทอดจากตระกูลของเจ้า? รู้ต้นกำเนิดของมันหรือไม่?”