Chapter 132 Ask them to leave
让他们走
อ้าวอี้เสวียน,อ้าวผี ทั้งสองที่จดจ้องมองไปยังคนที่ปรากฏขึ้น,ใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที.
“ซุนไห่หยิน!”อ้าวอี้เสวียนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
ชายชราผู้นี้คือผู้ปกครองนิกายอู๋เซิ่ง,ซุนไห่หยินนั่นเอง
ซุนไห่หยิน,ก็เหมือนกับเทพกู่ฉินฟู่เฉา,เป็นยอดฝีมือยุคนักบุญปิศาจ.
ในดินแดนโหยวหมิง,นี่คือปิศาจที่ผู้คนได้ยินชื่อต้องผวาไปตาม ๆ กัน.
ในเวลานั้น,เสียงร้องโหยหยวนที่ดังก้องไปทั่ว.
อ้าวอี้เสวียนที่ตกใจและโกรธเกรี้ยว,เสียงที่ดังโหยหยวนนั้นเป็นยอดฝีมือจากโลกเทวะดินแดนเทียนหลงที่เขานำมานั่นเอง.
“บุตรชาย,ข้าจะเปิดทางให้เอง,ฆ่า!”อ้าวอี้เสวียนที่อุทาน,ก่อนที่จะกลายร่างเป็นมังกรแท้,ร่างกายยาวกว่าพันจั้งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า,เป็นมังกรสี่เล็บ,ก่อนจะตะปบไปยังคนของนิกายอู๋เซิ่งทันที.
“บุตรชาย,ไปซะ!”
อ้าวอี้เสวียนอุทาน.
อ้าวผีที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรแท้บินผ่านช่องว่าง.
ซุนไห่หยินเห็นอ้าวอี้เสวียนกลายร่างเป็นมังกรแท้และเห่าอี้กำลังหนี,ก็แค่นเสียง“ไม่ได้กินเนื้อมังกรมานานแล้ว,ฆ่า!”
“ข้าจะกินเนื้อมังกร!”
“ข้าจะดื่มดลือดมังกร!”
ในเวลานั้น,เสียงที่พุ่งตัดอากาศออกไป,ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าอ้าวอี้เสวียน,พร้อมกับฟาดฝ่ามือไปด้านหน้า.
จากนั้นก็เห็นเพียงฝ่ามือยักษ์ที่ปล่อยคลื่นพลังสีดำ,พุ่งไปยังลำตัวของอ้าวอี้เสวียน.
ฝ่ามือที่กระแทกไปยังร่างมังกร,ปรากฏเป็นน้ำแข็งสีดำที่แช่แข็งอีกฝ่ายทันที.
อ้าวอี้เสวียนที่คำรามลั่น.
ตูมมมม!
อ้าวอี้เสวียนที่กระเด็นออกไป,ล่วงหล่นลงบนพื้น,สิ่งก่อสร้างรอบ ๆ ที่พังทลายลงเป็นแถบ ๆ.
“ท่านพ่อ!”อ้าวผีตะโกนด้วยความโกรธ
“ข้าบอกให้เจ้าหนีไป!”อ้าวอี้เสวียนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว.
“หนีรึ?”ซุนไห่หยินที่หัวเราะลั่น“เจ้าคิดว่าจะหนีได้รึ? คนของโลกเทวะเทียนหลงจะต้องตายทั้งหมดที่นี่!”
“อ้าวอี้เสวียน,เจ้าสองพี่ลูกจะต้องตายไม่เหลือแม้แต่ร่างและวิญญาณในวันนี้.”
“ไม่ ๆ ข้าจะต้องเหลือศพไว้ไม่เช่นนั้นจะกินเนื้อของเจ้าได้อย่างไร.”จากนั้นเขาก็ฟาดอีกฝ่ายมือไปยังอ้าวอี้เสวียน.
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ยอดฝีมือของโลกเทวะเทียนหลงต่างก็ถูกคนของสำนักอู๋เซิ่งไล่ล่า,เวลานี้คนของโลกเทวะเทียนหลงถูกล้อมกรอบสังหารไปเกือบทั้งหมด.
อ้าวอี้เสวียนมีระดับจ้าวพิภพขั้นกลาง,ไม่อาจสู้กับซุนไห่อวิ๋นได้
ในเวลานั้นเขาก็ร้องคำรามดังกึกก้อง.
เสียงระเบิดตัวจากการทำลายล้างดังกึกก้องทำลายล้างสวรรค์และปฐพี,ทั่วทุกหนแห่งในเมืองถูกเปลี่ยนให้เป็นฝุ่นผงไปในทันที.
ภายในเมือง,ยอดฝีมือมากมายต่างก็หนีตายกันจ้าระหวั่น.
อย่างไรก็ตามเหมือนกับอ้าวอี้เสวียน,ไม่อาจต้านซุนไห่หยินที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,แม้แต่คนของเขาเทพสวรรค์ขั้นปลายสุดท้ายยังไม่อาจต้านทาน,เทพแท้จริง,เทพวิญญาณ,เหล่าผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ล้วนแต่ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผงไปพร้อมกับอ้ายอี้เสวียนไปในทันที.
ถึงแม้นว่าจะเป็นเมืองที่อยู่ไกลออกไป,ยอดฝีมือจากนิกายอื่น ๆ,ยังตกใจหนีตายออกห่าง,ด้วยเกรงว่าจะได้รับผลกระทบ.
พวกลู่อี้ผิงไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับคนของโลกเทวะเทียนหลง,เวลานี้พวกเขาได้เดินทางไปถึงเมืองเสวียนกู่แล้ว.
เมืองเสวียนกู่,เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนไท่สวี.
กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เก่าที่สุดในจิวเทียน.
เมืองเสวียนกู่ที่มีมาแต่ยุคโบราณ.
เมืองเสวียนกู่ล้อมลอบด้วยกำแพงที่ผสมปนเป,บางแห่งมีอักษรรูนสลักอยู่,สะท้อนแสงสว่างวับวาว.
ด้วยเหตุนี้,จึงทำให้คนที่เข้ามาในเมืองเสวียนกู่สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่.
เมืองเสวียนกู่ไม่เพียงเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่ง,ทว่ายังมีพื้นที่การค้าที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนไท่สวีอีกด้วย.
หลังจากเข้ามาในเมืองโบราณ,เห่าผีก็นำทุกคนมุ่งตรงไปยังร้านขายของเก่า.
ในเมืองแห่งนี้มีคนของตระกูลเหยียนและศิษย์นิกายเสวียนเทียนอยู่ทุกหนแห่ง.
มีแม้แต่บรรพชนชราของนิกายเสวียนเทียนและคนของตระกูลเหยียนด้วย.
เห่าผีเอ่ย,“ศิษย์เทพดาบถูกสังหาร,ตระกูลเหยียนและนิกายเสวียนเทียนต่างก็ค้นหาฆาตกรไม่หยุด,บางคนเอ่ยว่าฆาตกรนั้นยังคงอยู่ในดินแดนไท่สวี.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่หัวเราะหึหึ “ลำพังตระกูลเหยียนและนิกายเสวียนเทียน,ต้องการจะหาฆาตกรอย่างงั้นรึ?”
เห่าผีไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยแต่อย่างใด.
“ต้าเหริน,ด้านหน้าเป็นร้านขายของเก่าแล้ว.”ขณะที่พวกเขาข้ามถนนไป,เห่าผีชี้ไปด้านหน้า,ขณะที่นำลู่อี้ผิงไปยังร้านขายของเก่า.
เมื่อไปถึง,เห่าผีกับต้องดวงตาเบิกกว้าง.
ร้านขายของเก่าเดิมอยู่ที่นี่,ถูกแทนที่ด้วยโรงเตี้ยมขนาดใหญ่.
เป็นโรงเตี้ยมที่มีชื่อว่า“โรงเตี้ยมอู๋ซ่วง.”
ลู่อี้ผิงจ้องมองโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,“ร้านขายของเก่าเคยอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ?”
“ขอรับ,ข้าจำได้อย่างชัดเจน,เป็นที่นี่แน่นอน.”เห่าผีที่เอ่ยยืนยัน.
ร้านขายของเก่าเคยอยู่ที่นี่,ทว่าเวลานี้กับกลายเป็นโรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,เห็นชัดเจนว่าร้านขายของเก่าถูกซื้อไปแล้วอย่างงั้นรึ?
“เข้าไปถาม.”ลู่อีผิ้งเอ่ย,จากนั้นก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก้าวเข้าไปด้านใน.
“เจ้าคือหัวหน้าโรงเตี้ยมอู๋ซ่วงอย่างงั้นรึ?”ลู่อีผิ้งที่จ้องมองไปยังชายวัยกลางคนที่อ้วนพุงพุ้ย,สมบูรณ์จนแทบมองไม่เห็นดวงตา,สวมหมวก,ที่เต็มไปด้วยหยกประดับมากมาย.
ชายวัยกลางคนที่จ้องมองลู่อี้ผิง,เผยยิ้ม“เป็นข้าเอง,ไม่รู้ว่าคุณชายมีธุระอะไรอย่างงั้นรึ?”
ในเวลานั้น,เห่าผีก้าวไปด้านหน้าเอ่ยออกมาว่า“ข้าจำได้ว่าหลายพันปีก่อน,ที่นี่เป็นร้านขายของเก่า,พวกเรามาที่นี่ต้องการมาหาเถ้าแก่ร้านขายของเก่าคนนั้น.”
ชายวัยกลางคนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,ก่อนที่จะเผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“ข้าไม่รู้,ข้าเพียงแค่เป็นผู้ดูแล,อยู่ที่นี่ไม่ถึงพันปี.”
ลู่อี้ผิงเอ่ยสอบถามอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าคือคนของตระกูลกู่อย่างงั้นรึ? โรงเตี้ยมอู๋ซ่วง,หลายปีก่อนใครเป็นคนรับผิดชอบให้ก่อสร้าง?”
หัวหน้าผู้ดูแลส่ายหน้าไปมา“ข้าเองก็ไม่รู้,ข้าบอกแล้วข้าเพิ่งมาดูแลที่นี่เพียงพันปี.”
ในเวลานั้น,ชายหนุ่มที่สวมชุดที่โอ่อ่าเป็นศิษย์หลักของตระกูลกู่ก้าวเข้ามาพร้อมกับศิษย์สตรี.
“ศิษย์น้องหญิงอวิ๋น,ศิษย์น้องหญิงติง รีบเข้ามาเร็วเข้า.”
“ไม่เพียงแค่โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงที่นี่,โรงเตี้ยมอู๋ซ่วงทั่วดินแดนไท่สวีแห่งนี้,อยู่ภายใต้การดูแลของบิดาของข้า.”ชายหนุ่มที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มกล่าวกับสตรีทั้งสอง“ข้าจะทำบัตรลูกค้าผู้ทรงเกียรติให้กับศิษย์น้องหญิงทั้งสอง,หลังจากนี้ศิษย์น้องหญิงทั้งสองสามารถเดินทางมากินดื่มที่นี่ได้ตามสะดวก,ไม่เพียงแค่สามารถใช้ห้องพิเศษเท่านั้น”
“อาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด,ยังได้รับส่วนลด 20% ด้วย.”
สตรีทั้งสองเผยยิ้ม“ขอบคุณคุณชายหลินเฟิง.”
กู่หลินเฟิงที่เผยยิ้ม“ศิษย์น้องหญิงทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ.”
หลังจากผู้เยาว์คนดังกล่าวเข้ามา,ก็พบกลุ่มของลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำร่างมนุษย์นั้นสูงถึงสองเมตรกว่า,ทำให้ดูขวางกั้นทางเข้าอยู่ไม่น้อย.
กู่หลินเฟิงขมวดคิ้วไปมา,เอ่ยสอบถามชายวัยกลางคนที่อ้วนพุงพุ้ย“พวกเขาเป็นใคร?”
ชายวัยกลางคนที่อ้วนพุงพุ้ยเร่งรีบเข้ามหากู่หลินเฟิงเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ“เรียนคุณชายหลินเฟิง,คนเหล่านี้มาสอบถามถึงเถ้าแก่ร้านเมื่อหลายพันปีก่อน,บอกว่าต้องการพบกับเถ้าแก่ร้านขายของเก่า.”
กู่เหลินเฟิงเอ่ย“ในเมื่อไม่ได้มากินดื่ม,ก็ให้พวกเขาออกไปซะ,อย่ามาขวางทาง.”
“ขอรับ.”ชายวัยกลางคนที่เร่งรีบเอ่ยกล่าวออกมาในทันที.