Chapter 129 Heavenly Tablet
天碑(五更)
เจิ้งซ่างชิงยังเอ่ยกับเจ้าสำนักกระบี่ไท่ชิงเจ๋ออวิ๋น.
ว่าหากไม่กวาดล้างนิกายกระบี่กุยหยวนและสังหารลู่อี้ผิง,อย่ามาเรียกข้าว่าเจิ้งซ่างชิง.
เจิ้งซ่างชิงเวลานี้กำลังนิ่งงันครุ่นคิดดูลังเลอยู่เล็กน้อย.
ขณะที่ทุกคนกังวลเรื่องเทพกู่ฉินฟู่เฉาอยู่นั้น,ในดินแดนเทพปิศาจคุนเผิง,ดินแดนบรรพชน,นิกายเทวะคุนเผิง,เจ้านิกายเฟยเจี่ยและบรรพชนชราเหล่ยยวี เองก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องของดังกล่าวเช่นกัน.
“หนึ่งฝามือจัดการฟู่เฉาอย่างงั้นรึ?”เหล่ยยวีที่ได้ยินก็เผยความประหลาดใจออกมา.
“ขอรับ,ตอนนี้ข่าวได้กระจายไปทั่วแล้ว,บางคนบอกว่าเป็นลู่อี้ผิง,ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจยืนยันได้.”เฟยเจี่ยกล่าวรายงานด้วยความเคารพ“ข้าได้ตรวจสอบแล้ว,ลู่อี้ผิงผู้นี้ก็คือคนจากพิภพเหิงหยวนที่สังหารเจียงยวี.”
เหล่ยยวีพยักหน้า,ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า“หากเป็นลู่อี้ผิง,ดูเหมือนว่าจะไม่อ่อนแอ.”อย่างไรก็ตาม,เขาหาได้สนใจนัก.
สำหรับเขา,การจัดการฟู่เฉา,ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร.
“ศิลาจารึกสวรรค์กำลังจะปรากฏออกมาแล้วรึ?”เหล่ยจิวเอ่ยถามออกมาทันที.
เฟยเจี่ยที่ตกใจ,เอ่ยออกมาด้วยความเคารพ“ขอรับ,ศิลาจารึกสวรรค์ใกล้จะปรากฏแล้ว”
“หากศิลาจารึกสวรรค์ปรากฏ,ข้าก็จะสามารถตระหนักรู้,ตัดผ่านระดับไปอีกขั้นได้ก็คราวนี้ล่ะ!”ในเวลานั้นกลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงของเขาแผ่ออกไปรอบ ๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพกู่ฉินฟู่เฉาเป็นอย่างมาก.
......
ลู่อีผิ้งและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้กลับมายังนิกายกระบี่กุยหยวนแล้ว.
ก่อนหน้านี้กงอี้ฟ่านและคนอื่น ๆ พบกับลู่อี้ผิง,ไม่ได้รู้สึกอะไรนัก,ตอนนี้พบกับลู่อี้ผิงกับขลาดเขลา,แม้แต่พยายามอยู่ห่างโถงศักดิ์สิทธิ์,ทำตัวให้เงียบ,ระมัดระวังด้วยหวั่นเกรงว่าจะส่งเสียงรบกวนอีกฝ่าย.
ขณะเฟิงเหวินและคนอื่น ๆ รู้ว่าไท่จู่จิวและเหล่าบรรพชนชรานิกายอื่น ๆ มา,เพื่อขอเป็นพันธมิตรก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก.
ลู่อี้ผิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องก่อตั้งพันธมิตรใด ๆ ,เขาได้นำเห่าผีเข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์,ก่อนนำหยกเจาหัวออกมาให้อีกฝ่ายดู.
เห่าผีเห็นหยกดังกล่าว,ก็เผยความประหลาดใจ“หยกในมือของท่าน,ใช่หยกข้าได้ทิ้งเอาไว้ที่ดินแดนบรรพชนเผ่าอสูรสวรรค์ไม่ใช่รึ?”
“ใช่.”ลู่อี้ผิงเอ่ยสอบถาม,“ข้าต้องการรู้ว่า,หยกชิ้นนี้,เจ้าได้รับมาจากใหน?”
เห่าผีเข้าใจทันทีว่าทำไมลู่อี้ผิงกำลังมองหาตัวเอง.
หยกชิ้นนี้,เขาไม่รู้ว่ามีความลับใดซ่อนอยู่เช่นกัน.
เห่าผีครุ่นคิดเอ่ยออกมาว่า“หยกชิ้นนี้ข้าซื้อมาจากเมืองเสวียนกู่ดินแดนไท่สวีในอดีต.”
“ซื้อมาอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงเผยความประหลาดใจ.
เดิมทีเขาคาดเดาว่าหยกเจาหัวนี้เห่าผีพบในถ้ำที่พักหรือขุมสมบัติ.
“ขอรับ.”เห่าผีพยักหน้ารับ.“แม้นว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว,ทว่าข้ายังคงจำได้,ในอดีตข้าได้ซื้อมาจากร้านค้าของเก่าเมืองเสวียนกู่,เถ้าแก่ชราเอ่ยว่าเป็นสมบัติตกทอดจากตระกูล,ดังนั้นราคาจึงค่อนข้างสูง,เวลานั้นข้ามีระดับเทพแท้จริงขั้นสุดท้ายปลาย,ได้ใช้ศิลาวิญญาณเกรดเทวะหนึ่งร้อยล้านซื้อมา.”
เห่าผีที่ออกจากเผ่าตะเวนไปทั่วสารทิศ,มีเงินเก็บไม่มาก,ราคาหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเกรดเทวะ ด้วยระดับเทพแท้จริงเวลานั้น,ไม่ใช่ราคาที่ถูกเลย.
เห่าผีเอ่ย“ในเวลานั้น,ข้าคิดว่าหยกชิ้นนี้ไม่ธรรมดา,จึงจ่ายเงินจำนวนมากซื้อมา,หลังจากซื้อมาแล้ว,ข้าก็กลับเผ่าอสูรสวรรค์,ทว่าไม่อาจค้นหาความลับอะไรได้,รู้เพียงว่าหยกชิ้นนี้ทำให้จิตใจสงบ,และยังขับไล่ปิศาจร้ายได้ด้วย.”
“หลังจากตัดผ่านระดับเทพสวรรค์,หยกชิ้นนี้กับไม่มีประโยชน์อะไรต่อข้าอีก,ข้าจึงทิ้งมันเอาไว้ในโถงบรรพชนเผ่าอสูรสวรรค์.”
ลู่อี้ผิงได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็ส่งศิลาวิญญาณเกรดสวรรค์ก้อนใหญ่ลอยออกไป.
“ศิลาวิญญาณต้นกำเนิดเกรดสวรรค์!”เห่าผีที่ตื่นตะลึงไปในทันที.
ศิลาวิญญาณเกรดสวรรค์,เป็นสิ่งล้ำค่าหากยากในจิวเทียน,มีค่ามากกว่าศิลาวิญญาณเกรดเทวะเป็นอย่างมาก.
ยิ่งเป็นศิลาวิญญาณต้นกำเนิดเกรดสวรรค์ที่ยังไม่ได้ตัดแบ่งยิ่งล้ำค่าเกินประเมิน.
“ศิลาวิญญาณต้นกำเนิดเกรดสวรรค์,สามารถตัดออกมาได้ 10 ล้าน.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“ข้าจะใช้เป็นค่าจ้างให้เจ้านำข้าไปยังร้านขายของเก่าเมืองเสวียนกู่.”
เห่าผีได้ยิน,ก็สั่นสะท้าน,เร่งรีบโบกมือไปมา เอ่ยออกไปว่า“ก่อนหน้านี้ต้าเหรินช่วยข้า,ศิลาวิญญาณต้นกำเนิดเกรดสวรรค์นี้,ข้าไม่อาจรับได้,หากต้าเหรินต้องการไป,ข้าสามารถนำทางไปยังร้านค้าเก่าได้ทุกเมื่อ.”
เขาจะเก็บเงินลู่อี้ผิงได้อย่างไร.
“เจ้ารับไป.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร.”
เห่าผีได้ยิน,ดูลังเลเล็กน้อย,ก่อนที่จะรับศิลาวิญญาณต้นกำเนิดเกรดสวรรค์มา“เห่าผีขอบคุณต้าเหริน”จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“ที่จริงผู้น้อยมีเรื่องบางอย่างต้องการขอร้องต้าเหริน.”
ลู่อี้ผิงเอ่ย“พูดมา.”
“ศิษย์ของข้าซูอี,เด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์และนิสัยใจคอนับว่าใช้ได้,หลายปีมานี้เขาตามข้าที่ไร้ซึ่งหลักแหล่งมาหลายปี,ได้รับความทุกข์อยู่ไม่น้อย,ข้าต้องการให้เขาเข้าร่วมนิกายกระบี่กุยหยวน,ขอให้ต้าเหรินมอบที่พักพิงให้กับเขาด้วย.”เห่าผีเอ่ยขอร้อง.
“เรื่องนี้นะเอง.”ลู่อี้ผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“เห็นท่าทางจริงจัง,นึกว่าเรื่องสำคัญ,ตกลง,ข้าจะให้ฉู่ถงรับเขาไว้.”
“ในเวลานั้น,เขาจะอยู่ในนิกายกระบี่กุยหยวน,ให้เฟิงเหวินคอยชี้แนะเขา.”
เห่าผีได้ยิน,ก็คุกเข่าขอบคุณลู่อี้ผิงด้วยความสุข.
ลู่อี้ผิงที่โบกมือให้อีกฝ่ายลุกขึ้น,จากนั้นก็เรียกฉู่ถง,เอ่ยเรื่องซูอี้ ศิษย์เห่าผี,จากนั้นก็ให้เขาจัดเตรียมที่พักให้กับเห่าผี.
“ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสองวัน,และเดินทางไปยังดินแดนไท่สวี.”เมื่อฉู่ถงเตรียมที่พักให้เห่าผี,ลู่อี้ผิงก็เรียกฉู่ถงมาอีกครั้ง“ภายในสองวันนี้,ข้าจะเพิ่มความแข็งแกร่งค่ายกลดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวนให้กับเจ้า.”
แม้นว่าค่ายกลดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวนจะไม่อ่อนด้อย,ทว่าต่อหน้าจ้าวพิภพขั้นปลาย,ก็ยังนับว่าอ่อนแออยู่.
“ซือจุ้นจะไปยังดินแดนไท่สวีอย่างงั้นรึ?”ฉู่ถงที่เผยความประหลาดใจ“ซือจุ้น,ท่านเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน,ไม่เร่งรีบไปรึ?”
ลู่อี้ผิงที่ส่ายหน้าไปมา“ข้ามีธุระ,ต้องไปยังเมืองเสวียนกู่ดินแดนไท่สวี,ไว้ผ่านมาจะมาเยี่ยมเจ้าอีกก็แล้วกัน.”จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า“โรงเตี้ยมอู๋ซ่าง,นักบุญอู๋ซ่างนั้นเป็นศิษย์ของนักบุญปิศาจอย่างงั้นรึ?”
ฉู่ถงที่ตกใจ,และพยักหน้าเอ่ยออกมาว่า“กู่อู๋ซ่างความจริงแล้วเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของศิษย์พี่นักบุญปิศาจ,ทว่าอีกฝ่ายไม่รู้ความสัมพันธ์ของข้าและซือจุ้น,ดังนั้นกู่อู๋ซ่างจึงไม่รู้ว่านักบุญปิศาจเป็นศิษย์พี่ของข้า.”
กู่อู๋ซ่างก็คือคนที่ได้รับฉายาว่านักบุญอู๋ซ่างนั่นเอง.
จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“กู่อู๋ซ่างผู้นี้,มีฝีมือในการทำธุรกิจ,จึงได้สร้างโรงเตี้ยมอู๋ซ่างขึ้น,นับเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของจิวเทียน,ด้วยรายได้ที่ได้รับจากโรงเตี้ยมอู๋ซ่าง,ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง,ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักกระบี่ไท่ชิงและนิกายเสวียนเทียนเลย.”
“ทว่าตอนนี้,กู่อู๋ซ่างไม่ค่อยได้ดูแลโรงเตี้ยมเท่าไหร่นัก,เป็นคนรุ่นหลังนอกจากนี้ยังร่วมมือกับคนของนิกายเสวียนเทียนและสำนักกระบี่ไท่ชิงอีก,หนำซ้ำลูกหลานของเขายังค่อนข้างหยิ่งผยองอยู่ไม่น้อย.”
ส่วนหยิ่งผยองอย่างไร,ฉู่ถงไม่ได้เอ่ย.
เห็นชัดเจนว่าลูกหลานของกู่อู๋ซ่างนั้นไม่ได้เป็นที่ประทับใจต่อเขาเท่าใดนัก.
หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิงก็สอบถามเกี่ยวกับเรื่องของสำนักกระบี่ไท่ชิง,นิกายเสวียนเทียน,นิกายฉินหัวและนิกายเทวะคุนเผิง.
ฉู่ถงที่เอ่ยกล่าวรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองรู้แก่ลู่อี้ผิง.
“ซือจุ้นการเดินทางไปยังดินแดนไท่สวีโปรดระมัดระวังด้วย,เวลานี้ดินแดนไท่สวีค่อนข้างโกลาหล.”ฉู่ถงเอ่ย“ได้ยินมาว่ามันเริ่มโกลาหลเมื่อมีใครบางคนที่สังหารศิษย์เทพดาบ,เทพดาบและตระกูลอวิ๋นกำลังค้นหาฆาตรกรอย่างไม่หยุดหย่อน.”
อย่างไรก็ตาม,เขารู้ว่า,ด้วยความแข็งแกร่งของลู่อี้ผิง,ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล.
หลังจากนั้นสองวัน.
ลู่อี้ผิงที่ตระหนักรู้หยกเจาหัวในตอนกลางคืน,ในตอนกลางวันเขาจะชี้แนะฉู่ถง,พร้อมกับเสริมพลังค่ายกลให้กับดินแพนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวน.
แน่นอนว่าไม่ลืมรดน้ำเจี้ยนมู่ด้วย.
ในวันที่สาม,ฉู่ถง,ซูอี้และคนอื่น ๆ ที่มาส่งลู่อี้ผิงที่นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและเห่าผีออกจากนิกายกระบี่กุยหยวน.