Chapter 127 Zither God, death!(
琴神,死!(三更)
สวีเฉี่ยวหยินที่ยกมือขึ้นกุมปากเล็ก ๆ ของนาง,แววตาคู่งามที่จับจ้องมองไปยังเทพกู่ฉินฟู่เฉาใต้หลุมลึก,เหออี้แทบทรุด,ไม่อาจขยับร่างกายได้,ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น,เรื่องนี้มันน่ากวาดกลัวเกินไปแล้ว.
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตื่นตะลึงเปี่ยมล้นด้วยความอัศจรรย์ใจไปตาม ๆ กัน.
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก,ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ที่นี่ต่างประหลาดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.
พริบตานั้น.
บนท้องฟ้าก็ปรากฏฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงมาโจมตีเทพกู่ฉินฟู่เฉา,พลังที่ทำลายผืนแผ่นดินให้แบนราบ! พลังทำลายล้างที่ไม่มีใครต่อต้านได้,นอกจากนี้ยังไม่สามารถที่จะหลบหนีได้อีกด้วย.
พลังที่ยิ่งใหญ่,จัดการเทพกู่ฉินที่น่าเกรงขามได้อย่างง่ายดาย.
เฟิงเหวิน,กงอี้ฟ่านและคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ได้ยินเสียง,ชีวิตพวกเขาเจ้านำไปไม่ได้,ส่วนชีวิตเจ้า,ข้าจะเอาไปเอง.
เสียงนี้มัน,คุ้นหูยิ่งนัก!
หลายวันมานี้,พวกเขาย่อมเคยได้ยินเสียงของต้าเหรินมาแล้ว.
ทว่าไม่ใช่ต้าเหรินเดินทางออกจากนิกายกระบี่กุยหยวนเมื่อเช้าหรอกรึ?
เสียงนี้กับอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยรึ?
ไม่ใช่ว่าอยู่ไกลออกไปหรอกรึ?
ในเวลานี้ฉิวเยว่และซุนหงหยวนที่ยืนอยู่ ด้านหลังเย็นยะเยือบไปเช่นกัน.
เสียงนี้,เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างมาก.
ผู้คนจากนิกายกุยหยวนเพราะว่าห้วงมิติที่อยู่ไกลออกมามาก,จึงไม่มีใครมองเห็นลู่อี้ผิงลงมือ,ทว่าในลานเมืองหู่,ไท่จู่จวินและเหล่ายอดฝีมือตระกูลจวิน,เห่าผี,เห่าอี้ฟ่าน,เถาไห่โปและคนอื่น ๆ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน.
พวกเขาเห็นลู่อี้ผิงแหวกห้วงมิติออกมา,ก่อนที่โจมตีข้ามมิติไปยังเทพกู่ฉินฟู่เฉา.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ใช้ค่ายกลกระบี่ขุนเขาและแม่น้ำสุริยันจันทราโจมตีร่างของจวินไท่เจี้ยนกระเด็นออกไป,เดิมทีไท่จู่จวินต้องการจะลงมือ,ทว่าเมื่อมองเห็นลู่อี้ผิงแหวกห้วงมิติ,โจมตีเทพกู่ฉินฟู่เฉา,แววตาของเขาก็เบิกกว้างขวัญผวาไปในทันที.
ที่นี่,แม้ว่าจะอยู่ในดินแดนซั่งเซิ่ง,ทว่านิกายกระบี่กุยหยวนก็อยู่ในมนทลชิงอวิ๋น,ส่วนเมืองหู่แห่งนี้อยู่ในมนทลเฟิงเหล่ย.
ทั้งสองพื้นที่ห่างกันหลายหมื่นลี้ไม่ใช่รึ?
พลังของคนผู้นี้,มากมายขนาดใหนกัน?
แม้นว่าจ้าวพิภพจะสามารถควบคุมพลังพิภพ,ทว่าก็มีขีดจำกัดของพลังเช่นกัน,การโจมตีข้ามผ่านพื้นที่หลายหมื่นลี้,พลังปลายทางก็แทบจะหมดลงอย่างไม่ต้องสงสัย.
ทว่าลู่อี้ผิง,ไม่รู้ว่าโจมตีข้ามผ่านมิติมากมายหลายหมื่นลี้,ทว่าความแข็งแกร่งกับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย,หนำซ้ำยังสามารถจัดการตัวตนที่น่าเกรงขามได้อีก.
ในเวลานี้,ลู่อี้ผิงที่แหวกห้วงมิติข้ามผ่านพื้นที่ระหว่างดินแดนทั้งสอง.
บนท้องฟ้านิกายกระบี่กุยหยวน,ปรากฏมือใหญ่ยักษ์ขึ้นอีกครั้ง.
ทุกคนที่คิดว่าฝ่ามือใหญ่ยักษ์จะโจมตีเทพกู่ฉินซ้ำไปอีก,ทว่ามือใหญ่ยักษ์ดังกล่าวกับดึงดูดร่างของฟู่เฉาจากหลุมลึกขึ้นมา,ลอยขึ้นมาบนอากาศ,คว้าร่างของฟู่เฉาคว้าดึงร่างอีกฝ่ายหายไปบนห้วงมิติไกล,ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย.
ก่อนที่ห้วงมิติบนท้องฟ้าที่ฉีกขาดจะปิดลง,ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็ยืนชะงักงันไปนานเหมือนกัน.
บนท้องฟ้านิกายกระบี่กุยหยวน,แสงแดดที่ยังคงสาดส่องลงมา.
ท้องฟ้าใสกระจ่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
ทุกคนที่รู้สึกราวกับว่าเมื่อสักครู่ เพิ่งฝันไป.
อย่างไรก็ตาม,ฝ่ามืออรหันต์ยักษ์ที่ถูกทิ้งเอาไว้บนพื้น.
แสงพุทธะที่ยังคงสว่างเรื่อ ๆปกคลุมหลุมที่ถูกทิ้งเอาไว้.
ยอดเขารอบ ๆ ที่ขวางกั้นฝ่ามืออรหันต์ต่างก็กลายเป็นฝุ่นผง.
ฉู่ถงที่กลับสู่ความปรกติ,เขาที่กลืนยาฟื้นฟู,ก่อนที่จะเอ่ยเสียงดัง“ไม่มีอะไรแล้ว,เรื่องในวันนี้ขอให้ทุกคนอย่าได้แพร่งพราย.”อย่างไรก็ตามเขารู้ว่า,อีกไม่นาน,คงจะสั่นสะเทือนไปทั้งจิวเทียนอย่างแน่นอน.
ฉู่ถงขณะที่จะกลับไปยังดินแดนบรรพชน,ก็ได้ยินเสียงของลู่อี้ผิงดังขึ้น“สวีเฉี่ยวหยินและศิษย์น้องนาง,สังหารไปซะ.”
ฉู่ถงที่ตกใจ,ก่อนที่จะจ้องมองไปยังสวีเฉี่ยวหยินและเหออี้ที่อยู่ไกลออกไป,ก่อนที่จะปล่อยลำแสงกระบี่พุ่งออกไป.
สวีเฉี่ยวหยินและเหออี้สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของฉู่ถง,ใบหน้าเปลี่ยนสี,ต้องการจะหนี,ทว่าเพียงแค่ขยับ,ปราณกระบี่ก็อาบไล้ปกคลุมไปทั่วพื้นที่รอบ ๆ แล้ว.
หลังจากนั้น,ร่างของทั้งสองก็สลายไปจากปราณกระบี่ที่มากล้นกวาดผ่าน.
ฉู่ถงเก็บกระบี่,ก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าไปในดินแดนบรรพชนกระบี่กุยหยวน.
กงอี้ฟ่านและคนอื่น ๆ ที่กลืนน้ำลายฝืดลงคอ,สายตาที่จับจ้องมองฉู่ถงเต็มไปด้วยความซับซ้อน,ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อตั้งจับตัวลู่อี้ผิงเพื่อส่งตัวให้กับสำนักกระบี่ไท่ชิง,ตอนนี้พวกเขารู้สึกละอายเป็นอย่างมาก,เพียงแค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเหงื่อก็หลั่งออกมาเปียกชุ่มแผ่นหลังแล้ว.
กงอี้ฟ่านและคนอื่น ๆ ที่ตามฉู่ถงเข้าไปในดินแดนบรรพชน.
ทุกคนที่เห็นฉู่ถงสังหารสวีเฉี่ยวหยินและศิษย์น้องของนาง,ต่างก็ยืนตะลึงไปนานแสนนาน.
หลังจากที่ฉู่ถงและบรรพชนชราคนอื่น ๆ เข้าในดินแดนบรรพชน,ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ จึงสามารถตั้งสติได้.
“ท่านฉิวเยว่,ท่านได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้หรือไม่?”ซุนหงหยวนที่อ้าปากเอ่ยเสียงสั่น.
ฉิวเยว่ที่จ้องมองฝ่ามืออรหันต์บนพื้น,นิ่งไปนานแต่กับไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้.
ในลานเมืองหู่,ฟู่เฉาที่ถูกโยนลงบนพื้นด้านหน้าโดยลู่อี้ผิง.
ลู่อี้ผิงที่ออมพลังเอาไว้,ดังนั้นฟู่เฉาจึงยังไม่ตาย.
เห็นสภาพฟู่เฉาที่อยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย,น้ำลายที่ไหลฟองฟอดออกจากปาก,ไท่จู่จวินและคนอื่น ๆ ที่เวลานี้แทบสำลักคำพูด หัวใจที่สั่นไปมาอย่างไม่ตั้งใจ.
ร่างกายของฟู่เฉาที่กระตุก,โลหิตที่เปื้อนชโลมไปทั่วร่าง,ลืมตาจ้องมองลู่อี้ผิง,ภายในใจที่หวาดผวา“เจ้าเป็นใคร?”
“ก่อนมา,เจ้าไม่ถามสวีเฉี่ยวหยินว่าข้าเป็นใคร?”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ.
“เจ้าคือลู่อี้ผิง!”ฟู่เฉาที่ขนลุกทั่วร่าง,ร่างกายที่สั่นไปมา.
เขาและนักบุญปิศาจอยู่ในยุคเดียวกัน,เขาที่ได้รับฉายาว่าเทพกู่ฉิน,ได้ต่อสู้กันนับครั้งไม่ถ้วน,ไม่เคยหวาดกลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย,ทว่าตอนนี้ต่อหน้าลู่อี้ผิง,เขากับรู้สึกหวาดกลัวฝังจมไปจนถึงกระดูก.
พลังของลู่อี้ผิงนั้น,น่าหวาดกลัวอย่างที่สุด,มันได้ทำลายความรู้ความเข้าใจของเขาไปอย่างสิ้นเชิง.
ได้ยินฟู่เฉาเอ่ยว่าผู้เยาว์ชุดน้ำเงินนี้คือลู่อี้ผิง,ไท่จวินจู่,จวินเทียนเจี้ยนและคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดกลัวและประหลาดใจขึ้นมาทันที,ฉู่ถงที่ให้ความคุ้มครองลู่อี้ผิง,ล่วงเกินสำนักกระบี่ไท่ชิง,เรื่องนี้กระจายไปทั่วเขตแดนซั่งเซิงแล้ว,คาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้ก็คือลู่อี้ผิงคนนั้นอย่างงั้นรึ?
ในเวลานั้น,กู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองฟู่เฉา,เอ่ยอย่างไม่แยแส,“นี่คือกู่ฉิน,ที่เจ้าต้องการ.”
ฟู่เฉาที่โบกมือไปมา“ขอให้ต้าเหรินอย่าได้ถือสาเลย,โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย,ข้าไม่กล้าล่วงเกินนิกายกระบี่กุยหยวนและต้าเหรินอีกต่อไปแล้ว.”
ลู่อี้ผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เจ้าคิดว่าจะมีครั้งหน้าอย่างงั้นรึ?”
“หากข้าไม่ลงมือก่อนหน้านี้,นิกายกระบี่กุยหยวนคงกลายเป็นทะเลโลหิตไปแล้ว.”
ร่างกายของฟู่เฉาที่สั่นไปมา,ทันใดนั้นร่างของลู่อี้ผิงที่ขยับ,เสียงของกู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะเปล่งแสง,ท่วงทำนองของกู่ฉินที่ดังกึกก้อง,ก่อรูปเป็นเป็นคลื่นพลังพุ่งเข้าหาฟู่เฉา.
พริบตานั้น,ร่างของฟู่เฉาที่ระเบิดกลายเป็นฝุ่นโลหิต เศษเนื้อที่สาดกระเซ็น.
เทพกู่ฉิน,ตายแล้ว!
เทพกู่ฉินที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเป็นคนในยุคเดียวกับนักบุญปิศาจ,กับต้องมาตายเช่นนี้ต่อหน้าพวกเขา,ไท่จู่จวิน,จวินเทียนเจี้ยนและคนอื่น ๆ ที่รู้สึกเย็นยะเยือบไปจนถึงหัวใจ.
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามอง,จับจ้องมองไปยังไท่จู่จวิน,เอ่ยออกมาว่า“ข้าให้พวกเจ้าสองทางเลือก,หนึ่ง,ตระกูลจวินผูกพันธะมิตรกับนิกายกระบี่กุยหยวน,จากนี้พวกเจ้าจะต้องติดตามนิกายกระบี่กุยหยวน.”
“สอง,เหมือนกับฟู่เฉา,ตกตายไปซะ!”
ใบหน้าของไท่จู่จวินที่ซีดเผือดไปในทันที.
ผ่านไปชั่วครู่,เขาที่สูดหายใจลึก,ก่อนที่จะยกมือประสานเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“ตระกูลจวินยินดีผูกพันธมิตรกับนิกายกระบี่กุยหยวน.”
“ขอให้ต้าเหรินวางใจ,หลังจากนี้พวกเราจะติดตามนิกายกระบี่กุยหยวน.
ฉีอี้ฟ่านเองก็เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า“นิกายวายุทมิฬยินดีที่จะผูกพันธมิตรกับนิกายกระบี่กุยหยวน,ยินดีที่จะติดตามนิกายกระบี่กุยหยวน.”
เถาไห่โปเองก็เช่นกัน.”ตระกูลเถายินดีผูกพันธมิตรกับนิกายกระบี่กุยหยวนและติดตามนิกายกระบี่กุยหยวน.
เหล่าบรรพชนชราอีกหลายคนต่างก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน.
“เจ้าคือบรรพชนชรานิกายวายุทมิฬและบรรพชนชราตระกูลเถาอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงจ้องมองฉีอี้ฟ่านและเถาไห่โป,พร้อมกับเผยท่าทางประหลาดใจ.
ฉีอี้ฟ่านและเถาไห่โป,เห็นท่าทางของลู่อี้ผิงรู้สึกไม่ค่อยดี,หัวใจเต้นไปมาอย่างรุนแรง.
“ตระกูลฟ่าน,เจ้ายังจำได้หรือไม่?”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย,เรื่องตระกูลฟ่านเข้าไม่ได้ต้องการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว,ทว่าตอนนี้กับพบอีกฝ่ายโดยบังเอิญ,จะจัดการไปเลยก็ไม่เสียหาย.