Chapter 123 Best also to return to Extinguishing God Chart to me
最好是将灭神图还回给我(四更)
ฉีอี้ฟ่าน,เถาไห่โปและคนอื่น ๆ แม้นว่าจะมีระดับเทพสวรรค์ขั้นต้น,ขั้นกลาง,ทว่าก็รวมพลังกฎเทพสวรรค์ได้เพียง 10,000-20,000 เท่านั้น,จะสู้กับเทพสวรรค์ขั้นปลายท้ายของตระกูลจวินทั้งหกได้อย่างไร.
บรรพชนชราตระกูลจวินทั้งหกแต่ละคนต่างก็มีกฎเทพสวรรค์มากกว่า 90,000 ทุกคน.
กล่าวได้ว่าแต่ละคน,ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าบรรพชนหวงนิกายภูตหยิน,หรือไป่อู๋ซ่างนิกายปิศาจน้ำพุเหลืองเลย.
แทบไม่อาจต่อต้าน,ฉีอีฟ่านที่ถูกตบทะลวงหน้าอก,ได้ยินเสียงของกระดูกและเลือดเนื้อระเบิดเป็นผง.
“บรรพชนชรา!”เจ้านิกายวายุทมิฬและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของนิกายวายุทมิฬที่ตกใจและโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที.
เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมานที่ดังขึ้นไม่หยุด.
ฉีอี้ฟ่าน,เถาไห่โป ตลอดจนเทพสวรรค์คนอื่น ๆ และยังมีเทพแท้จริง,ต่างก็ถูกโจมตีล่วงหล่นบนพื้นไปนอนกองหมดสภาพเพียงฝ่ามือเดียว.
แม้นว่าเทพแท้จริงจะรวมประกายเทพได้อย่างสมบูรณ์แล้ว,ทว่าก็ไม่อาจเทียบได้กับยอดฝีมือที่มีกฏเทพสวรรค์,ความแตกต่างกันมากมายคนละขั้ว,หนำซ้ำตระกูลจวินทั้งหกยังเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายท้าย.
เทพแท้จริงต่อหน้าเทพสวรรค์ขั้นปลายท้าย,จึงไม่มีแม้แต่แรงต่อต้าน.
กลิ่นโลหิตที่ลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ.
ยอดฝีมือ นิกายวายุทมิฬ,และยอดฝีมือตระกูลเถาที่ตกตายไปเกือบหมด.
เวลานี้บรรพชนชราตระกูลจวินที่ก้าวไปหาเห่าผีและซูอี้แล้ว.
ในเวลานั้น,เห่าผีที่แผ่รัศมีแสงที่รุนแรงออกมา,ปรากฏร่างเงาขนาดยักษ์,ปราณอสูรที่น่าเกรงขามกวาดม้วนไปทั่ว.
ร่างเงายักษ์ที่ใหญ่โต,สูงกว่าร้อยจั้ง,รูปลักษณ์เหมือนอสูรหมี,ทว่ากับมีสี่แขนที่ใหญ่โต.
“อสูรสวรรค์อย่างงั้นรึ?”บรรพชนชราตระกูลจวินที่ประหลาดใจ,ทว่าหาได้สนใจ“เมื่อครั้งยุคโบราณ,เผ่าอสูรสวรรค์นับว่าเป็นเผ่าที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,ทว่าหลังจากยุคโบราณ,เผ่าอสูรสวรรค์ก็ตกต่ำถดถอย,แม้นว่าร่างกายจะยังมีสายโลหิตเผ่าอสูรสวรรค์,ทว่ามันกับเบาบางมาก,ตอนนี้ก็นับว่ามีพลังที่ยอดเยี่ยม,ทว่าต่อหน้าข้า,มันกลับไร้ประโยชน์.”
สัมผัสได้ถึงเงาใหญ่ยักษ์ที่กดทับลงมา,บรรพชนชราที่ใบหน้าไม่แยแส,ร่างกายเคลื่อนไหวไปด้านหน้าเห่าผี,ฝ่ามือที่ยื่นออกไป
ความแข็งแกร่งที่มากมายบ้าคลั่งดังหวีดหวิว,ปราณกระบี่ไหลมารวมตัวกัน.
นี่คือทักษะพิเศษของตระกูลจวิน,ฝ่ามือกระบี่.
ฝ่ามือนี้,ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย,เป็นวิชาที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ.
ฝ่ามือกระบี่นี้คือวิชาที่บรรพชนรุ่นแรกตระกูลจวินคิดค้นขึ้นมา.
บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลจวินได้ใช้วิชาดังกล่าวสร้างชื่อให้กับตัวเอง.
เห่าผีที่เห็นอีกฝ่ายโจมตีออกมาก็ตกใจ,เร่งรีบเข้ามาขวางกั้นปกป้องซูอี้เอาไว้.
ตูมมมมมมมมมม
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวหูดับไปตาม ๆ กัน.
เห่าอีที่ถูกฟัน,ร่างกายกระเด็นออกไป,กระแทกเข้ากับผนังศิลาของลานพี่พัก.
ผนังที่พักที่แหลกเป็นผุยผง.
เศษหินดินทรายที่ลอยฟุ้ง.
บรรพชนชราตระกูลจวินเห็นเห่าผีที่นอนหมดสภาพบนพื้น,ก็กล่าวหยัน“เทพสวรรค์ขั้นต้นต้องการป้องกันฝ่ามือกระบี่ของข้า,ประเมินตัวเองสูงเกินไป.”
ในเวลานั้น,ประมุขน้อยตระกูลจวิน,จวินรุ่ยพบว่าบนท้องฟ้าไกลปรากฏชายหนุ่มชุดน้ำเงินขี่วัวกระทิงมังกรเขาทองคำปรากฏขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง.
บรรพชนชราตระกูลจวิน,ฉินอี้ฟ่าน,เห่าไห่โปและคนอื่น ๆ ที่เห็นผู้เยาว์คนดังกล่าวปรากฏขึ้น,ก็ตะลึงไปเหมือนกัน.
พื้นที่รอบ ๆ แห่งนี้ ไม่ใช่ว่ามีแหเรือนจำเทพสวรรค์ปิดกั้นเอาไว้หรอกรึ? แล้วชายหนุ่มผู้นี้เข้ามาได้อย่างไร?
นอกจากนี้ยังไม่เห็นร่องรอยความเสียหายของแหเรือนจำเทพสวรรค์เลย.
ประมุขน้อยตระกูลจวินที่ตรวจสอบแหเรือจำเทพสวรรค์อีกครั้ง,พบว่ามันยังคงสมบูรณ์เหมือนเดิมตั้งแต่ตอนต้น.
“ผู้ยอดเยี่ยมเป็นใคร?”จวินรุ่ยที่ประหลาดใจเอ่ยสอบถามออกมา.
ลู่อี้ผิงที่ไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย,กวาดตามอง,ก่อนที่จะไปหยุดที่เห่าผีที่นอนกองบนพื้นร่างกายมีปราณอสูรแผ่ออกมา“เจ้าคือเห่าผีเผ่าอสูรสวรรค์อย่างงั้นรึ?”
เห่าผีที่ดูลังเล,พยักหน้ารับ,“เป็นข้าเอง”เขาจ้องมองผู้เยาว์ชุดน้ำเงินด้วยความสงสัย,ไม่รู้ว่าตัวเองเคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อนหรือไม่,เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นมาหาเขาโดยเฉพาะ.
ลู่อี้ผิงกระโดดลงจากวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ก้าวมาอยู่ด้านหน้าเห่าผี.
ซูอี้ที่เข้ามาพยุงเห่าผี,จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความระมัดระวัง.
ลู่อี้ผิงมีพฤกาษเทพเจ้าอยู่ในมือหลายต้น,เวลานี้ปล่อยมันออกมา,ลอยออกไปอยู่บนศีรษะของเห่าผี,ต้นไม้เทพเจ้าที่แผ่แสงสีเขียว,ลมปราณแห่งชีวิตที่ลึกล้ำแผ่ออกมาราวกับสายน้ำตก,อาบชโลมไปทั่วร่างของเห่าผี.
เห่าผีพบว่า,แขนของเขาที่ขาดไป,ก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนงอกกลับมาด้วยความเร็วเกินจะบรรยาย.
ร่างกายที่บาดเจ็บ,แขนที่ขาดหาย,กลับมาสมบูรณ์,แม้แต่แผลเก่าที่หอวิญญาณโลหิตทำลายยังหายไปด้วย.
ร่างกายของเขาเปี่ยมล้นด้วยพลัง,พลังเทพที่พลุ้งพล่าน,กายเทพส่องแสง,เวลานี้เขาสมบูรณ์กับมาแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน.
เห็นภาพที่เกิดขึ้น,เหล่าผู้คนของตระกูลจวิน,ฉีอี้ฟ่าน,เถาไห่โปและคนอื่น ๆ ที่จ้องมองพฤกษาบนศีรษะของเห่าผีไม่วางตาง.
นี่คือต้นอะไรกัน?
เพียงลมหายใจเดียว,คาดไม่ถึงว่าจะฟื้นคืนอาการบาดเจ็บของยอดฝีมือเทพสวรรค์ได้อย่างงั้นรึ?
ถึงจะเป็นเทพแท้จริง,การจะฟื้นอาการบาดเจ็บยังไม่ง่ายเลย,โดยเฉพาะเพียงแค่สองสามวันยังไม่อาจเป็นไปได้,แล้วต่อหน้ายังเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์อีก.
ไม่มีใคร ที่ไม่ประหลาดใจ,ดวงตาที่ลุกโชนเป็นเปลวเพลิงแห่งความปรารถนา.
เห่าผีที่ตื่นตะลึง,ยกมือประสานต่อลู่อี้ผิง“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ.”
ลู่อี้ผิงที่พยักหน้า,ก่อนที่จะเก็บพฤกษาเทพเจ้าไป.
พฤกษาเทพเจ้า,ไม่ใช่พฤกษาฟินิกซ์เทวะ,ทว่ามันคือพฤกษาเทพแห่งชีวิต.
ในป่าศักดิ์สิทธิ์,นี่สิ่งที่กำเนิดมาจากน้ำพุแห่งชีวิต,พฤกษาเทวะแห่งชีวิตนั้นได้รับการหล่อเลี้ยงจากน้ำพุแห่งชีวิตมาเนิ่นนานหลายปี.
แม้นว่าลมปราณแห่งชีวิตจากต้นไม้เทวะแห่งชีวิตจะด้อยกว่าน้ำพุแห่งชีวิต,ทว่าก็เพียงพอที่จะรักษาการบาดเจ็บของเทพสวรรค์,ได้อย่างไม่มีปัญหา.
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยต่อเห่าผี.“ข้ามาจากพิภพเหิงหยวน,มาหาเจ้าเพราะมีธุระบางอย่าง.”
ทุกคนรู้ว่าลู่อี้ผิงมาจากพิภพเหิงหยวนก็ประหลาดใจ.
จิวเทียน,โลกศักดิ์สิทธิ์,ดินแดนโหยวหมิง,แม้นว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพิภพเหิงหยวน,ทว่าก็แยกกันอยู่คนระดับมิติกัน.
ได้ยินว่าลู่อี้ผิงมาจากพิภพเหิงหยวน,ประมุขน้อยตระกูลจวิน,จวินรุ่ยก็รู้สึกวางใจขึ้นมาทันที.
“มาหาข้ามีอะไรอย่างงั้นรึ?”เห่าผีที่เผยความสงสัย.
ในเวลานั้น,ประมุขน้อยตระกูลจวิน,จวินรุ่ยและบรรพชนชราตระกูลจวินที่ก้าวเข้ามา.
เห่าผีที่ตกใจถอยหลังออกไปสองสามก้าว.
ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,หันกลับมา,ก่อนที่จะเห็นผังเทพสังหาร,ก็ยกมือขึ้นดูดผังเทพสังหารจากมือฝั่งตรงข้าม,จากนั้นผังเทพสังหารก็ล่วงหล่นมาอยู่ในมือของลู่อี้ผิง.
กว่าคนของตระกูลจวินจะได้สติ,เวลานี้ก็โกรธเกรี้ยวอย่างหนัก,จวินรุ่ยจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความโกรธเกรี้ยว,ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร“กล้าแย่งชิงสิ่งของของตระกูลจวิน,แส่หาความตาย,ข้าเตือนเจ้าส่งผังเทพสังหารคืนข้ามาซะ!”
“สิ่งของของตระกูลจวินรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส“นี่คือผังเทพสังหาร,เป็นของตระกูลจวินตั้งแต่เมื่อไหร่?”
จวินรุ่ยที่ใบหน้าแดงกล่ำ,พร้อมกับต่อยตรงมา ยังทิศทางของลู่อี้ผิงทันที.
หมัดที่เต็มไปด้วยกฎเทพสวรรค์ส่องสว่าง,ปะทุเปี่ยมล้นด้วยพลังแต่กับพังทลายแทบจะในทันที.
จวินรุ่ยประมุขน้อยตระกูลจวิน,เป็นเทพสวรรค์ขั้นกลาง,รวมกฎเทพสวรรค์ได้ 60,000 กฎ.
อย่างไรก็ตาม,เขาที่ต่อยไปยังลู่อี้ผิง,พลังของเขาไม่เพียงสลายหายไปอย่างคาดไม่ถึง,ร่างกายของเขายังหยุดค้างห่างออกจากลู่อี้ผิงเพียงสิบเมตร,นิ่งงันไม่อาจขยับได้อีกต่อไป.
ผู้คนต่างก็เผยความอัศจรรย์ใจออกมา.
บรรพชนชราตระกูลจวินทั้งหกต่างก็จ้องมองกันและกันด้วยความอัศจรรย์ใจเช่นกัน.
หนึ่งในนั้นก้าวเข้าไปหาจวินรุ่ย,ขณะที่สัมผัสร่างของอีกฝ่าย,ร่างกายของเขาก็ชงักค้าง,ร่างกายหยุดนิ่งไม่อาจขยับร่างกายไปอีกคน.