Chapter 116: Do not blame my Zheng Shangqing to do without sparing anyone's sensibilities
别怪我郑上清不讲情面(第二更)
ฉู่ถงที่ตกใจที่ลู่อี้ผิงใช้วารีดาราฮุ่นตุ้นรดน้ำเจี้ยนมู่เช่นกัน,ทว่าเขาที่เคยอยู่กับลู่อี้ผิง,ดังนั้นจึงต่างจากเฟิงเหวนที่ยากจะยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น.
ฉู่ถงที่ก้าวออกไปด้านหน้า,เมื่อมาถึงด้านหน้าลู่อี้ผิง,เขาที่ตื่นเต้นพร้อมกับคุกเข่าคำนับอีกฝ่าย“ศิษย์ฉู่ถง,คารวะซือจุ้น.”
กล่าวจบ,เขาที่โขลกศีรษะแนบกับพื้นแทบไม่เคลื่อนไหว.
เฟิงเหวินเห็นลู่อี้ผิงรดเจี้ยนมู่ด้วยวารีดาราฮุ่นตุ้นก็ตกใจพอแล้ว,เวลานี้เห็นฉู่ถ่งคำนับราบไปบนพื้นแทบไม่กล้าขยับ เวลานี้เขายืนนิ่งเป็นไก่ไม้ไปในทันที.
“ผู้ก่อตั้ง,ท่าน?!”เขาที่ตะลึงเป็นอย่างมาก,จากนั้นก็จ้องมองลู่อี้ผิง,เผยใบหน้าไม่อยากเชื่อ,ซือจุ้นรึ?!
ซือจุ้นของผู้ก่อตั้ง? (อาจารย์ผู้เทิดทูน)
ลู่อี้ผิง,คือซือจุ้นของผู้ก่อตั้ง?!
ซือจุ้นของฉู่ถงเป็นใคร? เรื่องนี้เป็นปริศนามาโดยตลอด,ในนิกายกระบี่กุยหยวนไม่มีใครรู้,ทั้งจิวเทียนเองก็ไม่มีใครรู้,ทั่วทั้งนิกายกุยหยวนรู้เพียงว่าฉู่ถงนั้นมาจากตระกูลฉู่.
ทันใดนั้น,เขาก็คิดว่าลู่อี้ผิงและฉู่ถงนั้นมีตราหยกที่เหมือนกัน.
คิดถึงวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ใช้หมัดเทวะฟ้าคราม.
คิดถึงคำพูดของฉู่ถงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
เป็นเช่นนี้,เป็นเช่นนี้นะเอง.
กล่าวได้ว่า,หมัดเทวะฟ้าครามของผู้ก่อตั้งนั้นเป็นท่านเสี่ยวจินเป็นผู้ชี้แนะมาก่อนอย่างงั้นรึ?!
เฟิงเหวินที่ตะลึงอย่างหนัก,ขวัญผวาก่อนที่จะเร่งรีบคุกเข่าลงด้านหลังฉู่ถงเช่นกัน.
ลู่อี้ผิงที่เห็นฉู่ถงและเฟิงเหวินคุกเข่าลง,ก็หยุด,และหันกลับมายิ้มให้กับฉู่ถง,“ลุกขึ้น.”
ฉู่ถงได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคนของลู่อี้ผิง,เขาที่ตื่นเต้นดวงตาแดงคลอเบ้า,พร้อมกับโค้งคำนับซ้ำ ๆ,”ขอบคุณซือจุ้น.
หลังจากที่ฉู่ถงลุกขึ้นแล้ว,เฟิงเหวินจึงกล้าลุกขึ้นช้า ๆ เช่นกัน.
“ในอดีตข้าบอกเจ้าแล้ว,หลังจากนี้หากอยู่ต่อหน้าคนนอก,ให้เรียกข้าว่าต้าเหริน.”ลู่อี้ผิงเอ่ยต่อฉู่ถง.
ฉู่ถงที่ก้มหน้าลง,คล้ายเด็กกระทำความผิด,“ขอรับ,ศิษย์ทราบแล้ว.”
ลู่อี้ผิงที่รดเจี้ยนมู่ด้วยวารีดาราฮุ่นตุ้นอีกชาม,เหมือนเมื่อวาน,เจี้ยนมู่ที่เติบโตขึ้นอีกเล็กน้อยเช่นเดิม.
“สิ่งนี้,ยากจะเลี้ยงดูจริง ๆ.”ลู่อี้ผิงถอนหายใจ“สี่ชามวารีดาราฮุ่นตุ้นแล้ว,เติบโตเพียงแค่สองนิ้วเท่านั้น.”
ดวงตาของเฟิงเหวินที่เบิกกว้าง.
ต้นไม้เทพนี้,ใช้วารีดาราฮุ่นตุ้นรดไปสี่ชามแล้วอย่างงั้นรึ?!
เติบโตเพียงแค่สองนิ้ว!
ในเวลานี้หัวใจของเขาเต้นไปมาโครมครามแทบหลุดออกจากอก.
วารีดาราฮุ่นตุ้นสี่ชาม.
อย่าว่าแต่สี่ชามเลย,ต่อให้สี่หยด,มันก็ทำให้เขาแทบใจจะขาดแล้ว.
เขาที่ลอบมองเจี้ยนมู่เขม็ง,ราวกับว่ามีความแค้นกันมาก่อน.
อย่างไรก็ตาม,ในเวลาต่อมาเขาพบว่าดินที่ปลูกเจี้ยนมู่นั้นคือดินลมหายใจเก้าสวรรค์.
เห็นดินลมหายใจเก้าสวรรค์,เขาก็ครุ่นคิดอะไรไปมา,นี่คืออะไร?
“ดินลมหายใจเก้าสวรรค์!”เฟิงเหวินแทบสำลักน้ำลายด้วยความตกใจ.
เห็นท่าทางเฟิงเหวินที่ตกใจเกินเหตุ,ฉู่ถงขมวดคิ้ว,พลางชำเลืองมองดุ ๆ ไปยังเฟิงเหวิน.
เฟิงเหวินที่ตกใจก้มหน้าลงทันที.
ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส,“ใช่แล้ว,นี่คือดินลมหายใจเก้าสวรรค์.”
นับว่าโชคดีเหมือนกันที่เขาได้รับดินลมหายใจเก้าสวรรค์มา,ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่อาจปลูกเจี้ยนมู่ได้.
ลู่อี้ผิงได้นำถังหยกสองถังออกมา,เป็นวารีดาราฮุ่นตุ้นสองถังมอบให้กับฉู่ถง“ข้าออกมาครั้งนี้,ไม่ได้นำสมบัติอะไรออกมาด้วย,วารีดาราฮุ่นตุ้นสองถังนี้,เป็นของขวัญซือจุ้นมอบให้กับเจ้า.”
เฟิงเหวินที่เห็นถังหยกสองถังที่สูงเท่ากับครึ่งหนึ่งของคนก็ชงักงัน.
ฉู่ถงที่ตื่นเต้นดีใจคุกเข่าด้วยความเคารพ”ขอบคุณซื้อจุ้น.
ลู่อี้ผิงที่โบกมือให้ฉู่ถึงลุกขึ้น.
ฉู่ถงที่รับวารีดาราฮุ่นตุ้นด้วยความซาบซึ้ง.
ลู่อี้ผิงที่เก็บดินลมหายใจเก้าสวรรค์และเจี้ยนมู่ไป,จากนั้นก็ไปนั่งที่ศาลา,เอ่ยต่อฉู่ถง,“การฝึกตนของเจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”
ฉู่ถงรู้ว่าลู่อี้ผิงกำลังชี้แนะเขา,เร่งรีบเอ่ยสอบถามเกี่ยวกับปัญหาตลอดหลายปีที่ผ่านมาทันที.
ลู่อี้ผิงไม่ได้ให้เฟิงเหวินจากไป,ให้เขาอยู่ฟังด้วย.
เฟิงเหวินพบว่า,ขณะลู่อี้ผิงชี้แนะฉู่ถง,รู้สึกมองเห็นเป็นเหมือนกับภาพมายา เม็ดบงกชทองคำที่ล่วงหล่นลงบนดินสีทอง.
กำลังแตกหน่อเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว,ดอกตูมที่ผุดขึ้นมาบนพื้น,ทำให้เฟิงเหวิน กลายเป็นเซ่อไปเลย.
จากนั้นบงกชทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ลู่อี้ผิงที่กำลังกำลังเบ่งบาน.
มองจากพื้นที่ไกลออกไป,รู้สึกราวกับว่าลู่อี้ผิงกำลังให้กำเนิดบงกชทองคำ,บ่มเพาะให้มันเติบโตเบ่งบานชูช่อสวยงาม.
เฟิงเหวินอ้าปากค้าง.
นี่มันคืออะไร?
ลู่อี้ผิงที่ชี้แนะผู้ก่อตั้ง,คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง?
เขาจ้องมองบงกชทองคำที่กำลังแผ่ดอกเบ่งบานออกมาช้า ๆ,รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน.
ทว่าด้านนอกโถงศักดิ์สิทธิ์,หลี่ซินปิงและบรรพชนชราคนอื่น ๆ ที่กำลังรอคอยฉู่ถงและเฟิงเหวินด้านนอก,ผ่านมานานแล้ว,ทั้งสอง ก็ยังไม่ออกมา,ทำให้ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาดและสงสัยเป็นอย่างมาก.
“ผู้ก่อตั้งเข้าไปนานแล้วยังไม่ออกมาอีก?”บรรพชนชราคนหนึ่งเอ่ยด้วยความสงสัย“พวกเราเข้าไปดูดีใหม?”
บรรพชนชราอีกคนที่ส่ายหน้าไปมา“ผู้ก่อตั้งให้พวกเรารอคอยอยู่ด้านนอก,หากไม่มีคำสั่ง,พวกเราไม่อาจเข้าไปได้.”
หลี่ซินปินที่ขมวดคิ้วไปมา“ทว่าให้พวกเรารออยู่ด้านนอก,ลู่อี้ผิงผู้นี้ยิ่งใหญ่ปานนั้นเลยรึ?!”
เมื่อวานนี้,เขาถูกวัวกระทิงมังกรเขาทองคำอัดกระหน่ำจนกระอักโลหิต,ทำให้เขาไม่พอใจอยู่ไม่น้อย.
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว,บรรพชนชราคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองเขาด้วยท่าทางผิดปรกติ.
เวลานั้นบรรพชนชรากงอี้ฟ่านเอ่ยออกมาทันที“เมื่อวานข่าวของอู๋จินกั๋วถูกสังหาร,ได้ส่งถึงสำนักกระบี่ไท่ชิงแล้ว,สำหนักกระบี่ไท่ชิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,ได้ยินมาว่าต้องการให้พวกเราอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน.”
ยอดฝีมือเทพสวรรค์ขั้นปลายตกตายไป.
ถึงจะเป็นนิกายใหญ่เช่นสำนักกระบี่ไท่ชิง,ก็นับเป็นเรื่องสำคัญมาก.
ปัญหาอยู่ที่อู๋จินกั๋วนั้นเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่ถูกสังหารไปต่อหน้าผู้คนมากมาย.
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน.
ทุกคนกลายเป็นเงียบไปในทันที.
หนึ่งวันหลังจากนั้น.
ขณะที่พวกเขาแทบอดรนทนไม่ไหว,เตรียมจะก้าวเข้าไป,พวกเขาก็เห็นฉู่ถงและเฟิงเหวินทั้งสองก้าวออกมาจากด้านใน,ฉู่ถงและเฟิงเหวินที่เผยใบหน้าตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากออกมา.
แต่ละคนที่ยิ้มปลื้มปริ่มหน้าแดง.
เมื่อพวกเขาเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกประหลาด.
พวกเขาสามารถมองเห็นได้,มีเพียงแค่ฉู่ถงและเฟิงเหวินที่ก้าวออกมา,แต่กับไม่เห็นร่างของลู่อี้ผิงเลย,ทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก.
ลู่อี้ผิงหมายความว่าอย่างไร?ไม่รู้จักฟ้าสู่แผ่นดินต่ำ,ยังไม่ออกมาทักทายพวกเขาอีก,คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
อย่างไรก็ตาม,แม้นว่าพวกเขาจะโกรธเกรี้ยว,ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเผยอะไรออกมาต่อหน้าฉู่ถง.
“ผู้ก่อตั้ง.”ทุกคนที่ก้าวออกมา,เอ่ยออกมาด้วยความเคารพ.
ฉู่ถงพยักหน้ารับ,เอ่ยต่อทุกคน“ทุกคนกลับไปได้แล้ว,หลังจากนี้,หากไม่มีคำสั่งข้า,ห้ามทุกคนเข้าใกล้โถงศักดิโดยเด็ดขาด.”จากนั้นเขาก็บินตัดอากาศไปกับเฟิงเหวิน.
ทุกคนที่ชงักจ้องมองด้วยความงงงวย.
ความหมายของผู้ก่อตั้ง,โถงศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับลู่อี้ผิงไปแล้วอย่างงั้นรึ?
......
ห้องโถงสำนักกระบี่ไท่ชิง.
เจ้าสำนักกระบี่ไท่ชิงและเหล่าบรรพชนชราที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเข้าร่วมประชุมด่วน.
บรรพชนชราสำนักกระบี่ไท่ชิง,เจิ้งซานชิงที่ใบหน้าบิดเบี้ยวจ้องมองท่าทางแต่ละคนที่ใบหน้าไม่สู้ดี,เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ให้ฉินหวนส่งข้อความออกไป,ให้เขาสอบถามฉู่ถงนิกายกระบี่กุยหยวน,ว่าทำไมลู่อี้ผิงสังหารบรรพชนชราอู๋จินกั๋วสำนักกระบี่ไท่ชิง,ไม่เพียงไม่ถูกจับ,ทำไมถึงยังได้รับเชิญเข้าไปในดินแดนบรรพชนด้วย.!”
“ข้าเจิ้งซ่างชิงให้เวลาพวกเขาวันเดียว,หากจับลู่อี้ผิง ส่งมายังสำนักกระบี่ไท่ชิง,เรื่องในครั้งนี้,สำนักกระบี่ไท่ชิงจะไม่สืบสวนต่อไป!”
“หนึ่งวันหลังจากนี้,หากฉู่ถงยังคงเพิกเฉย,อย่าได้โทษข้าเจิ้งซางชิงที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์!”