Chapter 113 The nameless tree block germinates
无名树块发芽
ฉู่ถงที่จ้องมองยันต์สื่อสาร,ร่างกายที่รู้สึกเหมือนสายฟ้าได้ฟาดลงมา,ดวงตาเบิกกว้าง.
ลู่อี้ผิง!
มีตราหยกเหมือนเขา!
อาจารย์!
เป็นท่านรึ?
ท้ายที่สุดท่านก็ออกมาจากป่าศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
ฉู่ถงที่ถือยันต์สื่อสารแน่น,ร่างกายที่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก,แม้แต่ผู้ก่อตั้งนิกายพุทธะซู่มีเรียกตั้งหลายครั้งยังไม่ได้สติ.
ผู้ก่อตั้งนิกายพุทธะซูมีเห็นฉู่ถงกุมยันต์สื่อสารแน่น,ท่าทางดีใจราวกับวิญญาณจะออกจากร่าง,รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่ามีข้อความอะไรถูกส่งมา,ถึงกับทำให้ฉู่ถงตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่เช่นนั้น.
เหล่ามหาอำนาจข้าง ๆ ฉู่ถง,ที่นิ่งงัน,จู่ ๆ อีกฝ่ายกับแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา,จงใจแสดงความหยาบคายออกมาอย่างงั้นรึ?
ขณะที่ฉู่ถงได้สติกลับมา,ผู้ก่อตั้งนิกายพุทธะซูมี่เอ่ยสอบถามออกไป“พี่ฉู่ถง,เป็นไรหรือไม่? ไม่รู้ว่าข้อความใครส่งมาอย่างงั้นรึ?”
ฉู่ถงที่ระงับความตื่นเต้น,ก่อนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม“ไม่มีอะไร,เป็นข้อความจากเฟิงเหวินส่งมา.”ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเอ่ยออกมาว่า“ปรมาจารย์อู๋เจ๋อ,ข้ามีธุระด่วน,จำเป็นต้องกลับนิกาย,คงต้องขอลาก่อน.”จากนั้นเขาก็ยกมือผสานเอ่ยลาทุกคน,พร้อมกับพุ่งบินตัดอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว.
อู๋เจ๋อที่เห็นฉู่ถงจากไปอย่างเร่งรีบ,ก็เผยความสงสัย.
เขาและฉู่ถงนับเป็นสหายที่รู้จักกันดี,ถือว่าสนิทกับฉู่ถงไม่น้อย,เขาไม่เคยเห็นท่าทางร้อนรนของฉู่ถงเช่นนี้มาก่อนเลย.
เขาครุ่นคิด,เอ่ยกับศิษย์ของเขา“เจ้าไปตรวจสอบ,เกิดเรื่องสำคัญอะไรขึ้นในนิกายกระบี่กุยหยวน.”
ศิษย์ของเขาที่ตะลึงไปเหมือนกัน,“นิกายกระบี่กำลังจัดงานชุมนุมนิกายกระบี่,ไม่ควรจะมีเรื่องสำคัญอะไรเวลานี้.”
อู๋เจ่อส่ายหน้าไปมา.“เจ้าไปตรวจสอบ,นอกจากงานชุมนุมกระบี่แล้ว,มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก.”
ศิษย์ของเขาที่รับคำสั่งในทันที.
ในเวลานั้น,นิกายกระบี่กุยหยวน,ได้รับข้อความไม่ยาวจากผู้ก่อตั้งฉู่ถง.
หลังจากอ่านข้อความจากฉู่ถง,เฟิงเหวินกลายเป็นโง่ไปเลย.
เนื้อความของยันต์สื่อสาร :
“รีบต้อนรับนำอีกฝ่ายเข้าไปในดินแดนบรรพชน!”
“คำสั่งของพวกเขาคือคำสั่งของข้า,จำไว้ให้ดีไม่ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยอะไร,จะต้องรับปากทันที!”
“ข้ากำลังรีบกลับ!”
เห็นข้อความดังกล่าว,เฟิงเหวินถึงกับหยุดนิ่งไม่ขยับไปชั่วครู่.
ลี่ซินปินและบรรพชนชราคนอื่น ๆ เห็นท่าทางของเฟิงเหวิน,ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน.
เฟิงเหวินที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเร่งรีบก้าวไปด้านหน้าเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“พวกเราไม่รู้ว่าคุณชายเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้ง,หากทำอะไรผิดพลาด,ขอให้คุณชายอภัยด้วย.”
“ตอนนี้,ขอเชิญคุณชายและคนอื่น ๆ,เข้าไปยังดินแดนบรรพชนกับข้า!”
“ตอนนี้ผู้ก่อตั้งกำลังเร่งรีบกลับมา.”
หลี่ซินปินและบรรพชนชรานิกายกระบี่กุยหยวนดวงตาเบิกกว้าง.
ทุกคนที่จ้องมองลู่อี้ผิงไม่วางตา.
“ก็ดี.”ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
เฟิงเหวินเห็นลู่อี้ผิงรับคำ,ก็ผ่อนคลายเล็กน้อย.
ดังนั้น,ภายใต้การนำของเฟิงเหวินและเหล่าบรรพชนชราคนอื่น ๆ,ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,หวงจิว,ฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่งก็เข้าไปในดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวน.
ขณะเข้ามายังเขตแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวน,ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิงที่รู้สึกช่วยไม่ได้ที่ค่อนข้างตกใจเล็กน้อย,แม้นว่าตระกูลฟ่านจะค่อนข้างมีอำนาจในมนทลเฟิงเหล่ยดินแดนซั่งเซิ่ง,ทว่าก็ยังด้อยกว่ามหาอำนาจเช่นนิกายกระบี่กุยหยวนเป็นอย่างมาก.
ทั้งสองไม่เคยเห็นดินแดนบรรพชนของนิกายยักษ์ใหญ่มาก่อน,ดังนั้นเมื่อเข้ามาก็รู้สึกเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง,ต้องอุทานออกมาเป็นระยะ ๆ.
ฉิวเยว่,สวีเฉี่ยวหยิน,ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ เมื่อเฟิงเหวินนำพวกลู่อี้ผิงไปยังดินแดนบรรพชน,พวกเขาจึงกล้าลุกขึ้นช้า ๆ.
“ลู่อี้ผิง,ที่จริงรู้จักกับท่านฉู่ถง! นอกจากนี้ดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาด้วย!”
“ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกันกับท่านฉู่ถง?”
ในฝูงชน,ต่างก็กระซิบกระซาบกันเบา ๆ.
อาวุโสเจียงเฟิงที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง.
ซุนหงหยวน,สวีเฉี่ยวหยิน,เหออี้และเหล่ายอดฝีมือสำนักกระบี่ชิงเฟิงต่างใบหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก.
โดยเฉพาะคนของสำนักกระบี่ไท่ชิงที่กลายเป็นอัปลักษณ์ด้วยซ้ำ.
อาวุโสสูงสำนักกระบี่ไท่ชิงก้าวมาที่ด้านหน้าฉิวเยว่,เอ่ยเสียงแหบเครือ,โกรธเกรี้ยว“ท่านฉิวเยว่,ลู่อี้ผิงสังหารบรรพชนชราสำนักระบี่ไท่ชิงอู๋จินกั๋ว,นิกายกระบี่ชิงหยวนไม่เพียงไม่สังหารเขา,ยังต้อนรับเขาเข้าสู่ดินแดนบรรพชนอย่างงั้นรึ?!”
“นิกายกระบี่กุยหยวนหมายความว่าอย่างไร?”
ฉิวเยว่ที่พูดไม่ออก,ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร.
ไม่มีใครคาดคิดว่าผลลัทธิ์สุดท้ายจะเป็นเช่นนี้.
ใครจะคิดว่าลู่อี้ผิงนั้นรู้จักกับผู้ก่อตั้งของพวกเขา.
“หวังว่านิกายกระบี่กุยหยวนจะให้คำตอบที่พึงพอใจต่อสำนักกระบี่ไท่ชิง,ไม่เช่นนั้น,ความสัมพันธ์ของทั้งสองนิกายคงต้องหยุดลงเพียงเท่านี้!”อาวุโสสูงสำนักกระบี่ไท่ชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
จากนั้น,เขาก็นำชิ้นส่วนศพของโหลวถง,โหลวเจิ้นและอู๋จินกั๋ว,บินตัดผ่านอากาศออกจากนิกายกระบี่กุยหยวนไป.
ความจริง,อู๋จินกั๋วไม่เหลือแม้แต่ชิ้นส่วนศพ เป็นเพียงแค่เศษโลหิตเปื้อนดินเท่านั้น.
ฉิวเยว่ที่จ้องมองเหล่ายอดฝีมือสำนักกระบี่ไท่ชิงจากไป,ต้องการเอ่ยอะไร,ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาในที่สุด.
เหออี้ นิกายฉินหัวแค่นเสียงกล่าวต่อซุนหงหยวน“ทัศนะคติของนิกายของเจ้าเป็นเช่นนี้เองรึ? ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ.”
สวีเฉี่ยวหยินเอ่ยต่อซุนหงหยวน,“คุณชายซุนหงหยวน,ขอลา.”จากนั้นเขาก็นำศิษย์น้องเหออี้บินตัดอากาศจากไป.
ซุนหงหยวนจ้องมองสวีเฉี่ยวหยินและเหออี้จากไป,คิดถึงวัวกระทิงมังกรเขาทองคำตบโหลวถงตกตายต่อหน้าของเขา,แม้นว่าภายในใจจะไม่ยินดี,ทว่าทำได้แค่เดินมาด้านหน้าฉิวเยว่เอ่ยออกมาว่า“ท่านฉิวเยว่,เพื่อลู่อี้ผิงแล้วนิกายกระบี่กุยหยวนของพวกเราล่วงเกินสำนักกระบีไท่ชิงและนิกายฉินหัวพร้อมกัน,มีแต่เสียกับเสีย!”
ฉิวเยว่ถอนหายใจ“เรื่องนี้,ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าและข้าจะเข้าไปจัดการได้.”
ลู่อี้ผิงที่เฟิงเหวินต้อนรับเข้าไปในดินแดนบรรพชน,เฟิงเหวินได้เตรียมที่พักให้กับลู่อี้ผิงด้วยตัวเอง.
เฟิงเหวินเอ่ยต่อลู่อี้ผิง“ผู้ก่อตั้งเอ่ยว่าคำสั่งของคุณชายลู่เท่ากับคำสั่งของเขา,คุณชายมีสิ่งใดต้องการหรือไม่?”
“ช่วยข้าหาคนผู้หนึ่ง.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
เขามายังนิกายกุยหยวนครั้งนี้,เหตุผลแรกต้องการมาเยี่ยมฉู่ถง,เรื่องที่สองต้องการให้นิกายกระบี่กุยหยวนช่วยเขาค้นหาเห่าผีเผ่าอสูรสวรรค์ว่าอยู่ที่ใด.
หยกเจาหัวสำหรับเขาแล้ว,เป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก.
ดังนั้นหากมีร่องรอยใดแม้แต่เพียงเล็กน้อย,เขาย่อมไม่อาจปล่อยไปได้.
ได้ยินคำพูดของลู่อี้ผิงว่าต้องการหาคน,เฟิงเหวินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก,“ไม่รู้ว่าเป็นใครที่คุณชายลู่ต้องการค้นหา?”
“เผ่าอสูรสวรรค์,เห่าผี.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“เมื่อสี่พันปีก่อน,เขาได้เข้ามายังจิวเทียน,ข้าต้องการรู้ว่าเขาอยู่ที่ใดเวลานี้.”จากนั้นเขาก็ส่งรายระเอียดของเห่าผีให้กับเฟิงเหวิน.
“ข้าจะไปสั่งการในตอนนี้,ระดมคนค้นหาในทันที.”เฟิงเหวินเอ่ย,“คุณชายลู่โปรดวางใจ,ขอเพียงเห่าผียังคงอยู่ในจิวเทียน,จะต้องเจอแน่.”
แม้นว่านิกายกระบี่กุยหยวนจะมีอำนาจในดินแดนซั่งเซิ่ง,ทว่าในดินแดนอื่นเองก็มีพลังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน.
หลังจากนั้น,เฟิงเหวินก็จากไป.
ในเวลานั้น,ภายในหม้อจักรวาล,ดินลมหายใจเก้าสวรรค์ที่เวลานี้กำลังแผ่พลังชีวิตออกมา.
ลู่อี้ผิงที่ตะลึงงัน,จ้องมองไปยังดินลมหายใจเก้าสวรรค์,พบว่าท่อนไม้ที่ไม่รู้จักก่อนหน้านี้เริ่มแตกหน่อออกมาจากดินลมหายใจเก้าสวรรค์แล้ว.
แม้นว่าจะแตกหน่อออกมาเป็นต้นอ่อน,ซ้ำยังแผ่ลมปราณต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นออกมา ตลอดจนมีแสงสีทองแผ่รัศมีแสงออกมารอบ ๆด้วย.
ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำต่างก็เผยความประหลาดใจออกมา.
ท่อนไม้ท่อนนี้,ลู่อี้ผิงได้รับมาจากถ้ำที่พักของราชาอสูรหวนหยิง,ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงว่ามันมาจากยุคปฐมกาล,แต่คือต้นอะไร,ไม่อาจบอกได้.
อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้มันได้แตกหน่อออกมาจากดินแดนลมหายใจเก้าสวรรค์แล้ว,กลายเป็นต้นอ่อนขึ้นมา,ลู่อี้ผิงที่คิดถึงอะไรบางอย่างได้ในทันที.