Chapter 112 Does not know that the founder does know this person?
不知祖师是否认识此人?
“หากเจ้าสามารถรับฝ่ามือของข้าได้,ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”หลี่ซินปินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
“ฝ่ามือทะลายโลกา!”
“ทำลายล้าง!”
เสียงเอ่ยที่เย็นชาของลี่ซินปินที่ก้องกังวานไปทั่ว.
หลังจากเสียงของลี่ซินปินจบลง,ก็เห็นเพียงฝ่ามือยักษ์ที่รวมพลังจากพลังพิภพเคลื่อนที่ตบลงมาในทันที.
ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ปิดท้องฟ้า,หากถูกกระแทกเกรงว่าคงสลายหายเป็นความว่างเปล่า.
ฝ่ามือยักษ์ที่ยังล่วงหล่นมาไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ,ผืนปฐพีก็สั่นไหวไปมา,ราวกับว่าพื้นดินรอบ ๆ จะพังทลายล่มสลายลงแล้ว.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่ง ทั้งสองที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว.
ฝ่ามือยักษ์ทะลายโลกา,ทำให้พวกเขาทั้งสองเต็มไปด้วยความสิ้นหวังในทันที.
ฝ่ามือยักษ์ที่ล่วงหล่นลงมาอยู่ยังทิศทางของลู่อี้ผิงในทันที.
ท้องฟ้าที่กลายเป็นมืดลง.
เหล่าคนรอบ ๆ ลู่อี้ผิง,ที่รู้สึกราวกับว่ากำลังล่วงหล่นสู่นรกอเวจี.
ทุกคนที่คิดว่าฝ่ามือทะลายโลกาที่กำลังบดขยี้พวกของลู่อี้ผิง,ทันใดนั้น,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ยื่นมือขึ้น,มองเห็นเหมือนกับหยดน้ำที่พุ่งเข้าปะทะกับฝ่ามือใหญ่ยักษ์ที่หล่นลงมาเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
ฝ่ามือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เล็กกระจิดริด.
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงฝ่ามือใหญ่ยักษ์ปิดสวรรค์,เทียบกันแล้วเห็นเหมือนฝุ่นผงที่พุ่งเข้าปะทะฝ่ามือใหญ่.
อย่างไรก็ตาม,ฝุ่นกระจ้อยร่อย,กับสามารรถที่จะกระแทกฝ่ามือที่ใหญ่ยักษ์ให้พังทลายลงได้!
ฝ่ามือทะลายโลกาที่ปกคลุมผืนฟ้าพังทลายลงทันที,มันหดเล็กลงเรื่อย ๆ,ไม่อาจทำอะไรฝ่ามือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้เลย.
ทุกคนที่ตื่นตะลึงตาค้าง.
ไม่มีใครที่ไม่ตกใจยืนค้างเป็นไก่ไม้.
ฉิวเยว่,สวีเฉี่ยวหยิน,ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ ดวงตาแทบหลุดจากเบ้า.
ฝ่ามือทะลายโลกา,คาดไม่ถึงว่าจะถูกหยุดและพังทลายลงอย่างง่ายดาย.
ภายในดินแดนบรรพชน,หลี่ซินปินที่ไม่มีเสียงใด ๆ หลุดออกมาอีก.
ไม่มีใครรู้ว่ามีตัวตนที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่.
ฝ่ามือทะลายโลกาที่ลดขนาดเหลือเพียงครึ่งฝ่ามือในที่สุด,ก่อนที่ส่องแสงอยู่บนฝ่ามือของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่บดขยี้ฝ่ามือในมือแตกระเบิดกลายเป็นดอกไม้ไฟ กระเด็นไปทุกทิศทาง.
ฝ่ามือทะลายโลกาที่ถูกบดขยี้ไป,ทำให้หัวใจผู้คนรอบ ๆ ร่างกายสั่นไปมา.
ฝ่ามือทะลายโลกาที่ยิ่งใหญ่ทรงพลัง,ถูกบดขยี้ง่าย ๆ เช่นนี้รึ?
“ฝ่ามือทะลายโลการึ? เพียงแค่นี้,ยังกล้าเรียกว่าฝ่ามือทะลายโลกาอีกรึ?”วัวกระทิงมังกรกล่าวเหยียดหยัน.
ในดินแดนบรรพชน,ใบหน้าของลี่ซินปินกลายเป็นอัปลักษณ์.
ในเวลานั้น,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ต่อยไปบนอากาศที่ว่างเปล่าทันที.
หมัดของเขาที่ทะลวงไปบนอากาศปรากฏหมัดอากาศมากมายที่กระหน่ำโจมตีไปยังดินแดนบรรพชน,แสงสว่างที่เจิดจรัสสว่างโร่ปกคลุมท้องฟ้าในทันที.
ค่ายกลดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวนที่หรี่แสง,สั่นไปมาอย่างรุนแรง,ก่อนที่จะถูกหมัดทะลวงผ่านตรงเข้าไปกระแทกร่างของลี่ซินปินในดินแดนบรรพชนทันที.
เสียงหมัดที่ดังกึกก้อง,พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยดังออกมาจากดินแดนบรรพชน.
เสียงดังไม่หยุดหย่อน,พร้อมกับเสียงโอดครวญดังอยู่เป็นเวลานาน.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ก่อนที่จะหยุดลง.
ผู้คนด้านนอกที่เวลานี้จ้องมองหน้ากันและกันด้วยท่าทางงงงวย.
เพราะว่าทุกคนไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ภายในดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวน,ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน.
หลังจากวัวกระทิงมังกรเขาทองคำต่อยออกไปแล้ว,ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ,ขณะยกมือขึ้นเสยผมสีทองของเขา.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ในดินแดนบรรพชน,เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น“หมัดเทวะฟ้าคราม,ผู้ยอดเยี่ยมสามารถใช้หมัดเทวะฟ้าครามของผู้ก่อตั้งของพวกเราได้ด้วยรึ?”
ไม่ใช่เสียงของหลี่ซินปิน.
อย่างไรก็ตาม,ฉิวเยว่ที่คุกเข่าอยู่ได้ยินเสียงดังกล่าวก็แทบหมอบราบลงบนพื้น,ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.
นี่คือตัวตนที่เหนือยิ่งกว่าหลี่ซินปิน.
ผู้คนรอบ ๆ ที่ส่งเสียงดังอื้ออึง.
“เมื่อครู่นี้คือหมัดเทวะฟ้าคราม,คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถใช้หมัดเทวะฟ้าครามได้อย่างงั้นรึ?”ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
หมัดเทวะฟ้าคราม,นี่คือทักษะลับของผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่กุยหยวนฉู่ถงที่ไม่ได้ส่งต่อให้ใคร,มีเพียงแค่ฉู่ถงที่สามารถใช้ได้,แล้วชายผมสีทองนี้ใช้ได้อย่างไรกัน?
เขาเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้งฉู่ถงอย่างงั้นรึ?
หมัดเทวะฟ้าคราม,ผู้ก่อตั้งได้ส่งมอบให้เขาอย่างงั้นรึ?
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยยิ้ม“ทำไมข้าสามารถใช้หมัดเทวะฟ้าครามของผู้ก่อตั้งเจ้าได้อย่างงั้นรึ? เจ้าถามผู้ก่อตั้งของเจ้าเองก็จะรู้.”
ลู่อี้ผิงที่ชี้นิ้วออกไป,ปรากฏตราหยกดอกไม้ลอยไปยังด้านในดินแดนบรรพชนนิกายกุยหยวน.
ในดินแดนบรรพชน,เฟิงเหวนที่สงสัยรับหยกดังกล่าวมา,ขณะมองเห็นมันอย่างชัดเจน,ก็ใบหน้าเปลี่ยนสี,บรรพชนชราหลี่ซินปินและคนอื่น ๆ ที่เห็น ก็เผยท่าทางประหลาดใจออกมาเช่นกัน.
“ตราหยกนี้,ผู้ก่อตั้งได้สวมใส่มาหลายปีแล้ว,ไปอยู่กับผู้เยาว์ชุดน้ำเงินนี้ได้อย่างไร?”บรรพชนชราคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
เฟิงเหวินที่ดูลังเล,เอ่ยออกมาว่า“ผู้ก่อตั้งเคยบอกกับข้าว่า ตราหยกนี้,มีอยู่ด้วยกันสองชิ้น,อยู่กับเขาชิ้นหนึ่ง,อีกชิ้นหนึ่งอยู่กับใคร,เขาไม่ได้เอ่ย.”
ตอนนี้,กับอยู่กับผู้เยาว์ชุดน้ำเงินผู้นี้อย่างงั้นรึ?!
เฟิงเหวินเอ่ย“พวกเขาใช้หมัดเทวะฟ้าครามได้,ตอนนี้ยังมีตราหยกชิ้นหนึ่งของผู้ก่อตั้ง,ดูเหมือนว่า,พวกเขาจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้งแล้ว!”
“เจ้าออกไปกับข้า,สอบถามเรื่องนี้.”กล่าวจบ,เขาก็ก้าวออกไป หายไปในทันที.
เหล่าบรรพชนคนอื่น ๆ เองก็ตามไปเช่นกัน.
หลี่ซินปินที่ปาดโลหิตที่มุมปาก,อดทนต่อความเจ็บปวดและก้าวตามออกไปเช่นกัน.
เหล่าผู้คนด้านนอกที่กลายเป็นวุ่นวาย,ทันใดนั้นก็เห็นร่างอีกหลายร่างที่ออกมาจากดินแดนบรรพชนกุยหยวนคนแล้วคนเหล่า.
ขณะฉิวเยว่เห็นชายชราผมขาวที่ออกมาชัดเจนแล้ว,เขาที่เร่งรีบหมอบราบไปบนพื้น,เอ่ยด้วยความตื่นเต้น“ฉิวเยว่คารวะบรรพชนชราเหวินเฟิงและบรรพชนชราทุกท่าน.”
เพียงไม่นาน,ผู้คนรอบ ๆ กลายเป็นตื่นตระหนกไปตาม ๆ กัน.
เฟิงเหวิน?
ยอดฝีมืออันดับสองของนิกายกระบี่กุยหยวน.
เขาคือคนที่อยู่รองท่านฉู่ถงคนเดียว.
ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้น,แม้แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์นิกายฉินหัวสวีเฉี่ยวหยินก็ไม่กล้ายืน.
เฟิงเหวินหาได้สนใจคนอื่น ๆ,เขาได้จดจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง,ชายหนุ่มชุดน้ำเงินด้วยความประหลาดใจ.
“ผู้ยอดเยี่ยมเป็นใครอย่างงั้นรึ? เหรียญตรานี้,ได้รับมาอย่างไร?”เฟิงเหวินเอ่ยปากสอบถาม.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“ได้มาอย่างไรรึ? สิ่งนี้ย่อมเป็นของจูเหรินของข้า,เจ้าคิดว่าเหรียญตรานี่เก็บได้ข้างทางรึไง?”
“ผู้ยอดเยี่ยมโปรดพูดจาดี ๆ ด้วย!”บรรพชนชรานิกายกระบี่กุยหยวนคนหนึ่งได้ยินคำพูดวัวกระทิงมังกรเขาทองคำกล่าวล้อ,ก็ขมวดคิ้วเอ่ยออกมา.
เฟิงเหวินที่ยกมือขวาง,ห้ามให้บรรพชนชราคนดังกล่าวถอยไป,ก่อนที่จะส่งเหรียญตราให้กับลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาว่า“เหรียญตราหยกนี้,ผู้ก่อตั้งของพวกเรามีชิ้นหนึ่ง,ท่านเคยเห็นผู้ก่อตั้งของพวกเราอย่างงั้นรึ?”
ที่ไกลออกไป,อาวุโสเจียงเฟิงเพียงแค่คิดก็รู้สึกขาอ่อนยวบลงไปแล้ว.
เขารู้ว่าลู่อี้ผิงมาพบกับผู้ก่อตั้ง,ก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยว่าอีกฝ่ายไม่มีคุณสมบัติพอจะพบกับผู้ก่อตั้ง,ตอนนี้เขาพอบอกได้ว่าลู่อี้ผิงนั้นรู้จักกับผู้ก่อตั้งอย่างงั้นรึ?
ลู่อี้ผิงเก็บตราหยกคืน,พร้อมกับพยักหน้า.
“แต่ว่า,ผู้ก่อตั้งของพวกเราไม่อยู่,ตอนนี้เดินทางไปยังดินแดนไท่สวี.”เฟิงเหวินเอ่ย.
“ข้ารู้.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
“รอให้งานชุมนุมกระบี่จบลงผู้ก่อตั้งถึงก็จะกลับมา,ตอนนี้ข้าจะแจ้งไปยังผู้ก่อตั้ง,ทว่าผู้ก่อตั้งจะรีบกลับมาใหม,ข้าไม่รู้.”เฟิงเหวินเอ่ยและใช้ยันต์สื่อสารติดต่อกับฉู่ถงดินแดนไท่สวีทันที.
ในเวลานี้,ดินแดนไท่สวี,ฉู่ถงอยู่ในนิกายพุทธซู่มี่,พูดคุยกับผู้ก่อตั้งนิกายพุทธะซู่มี่,ทันใดนั้นยันต์สื่อสารก็สั่นไปมา,พบว่าเป็นเฟิงเหวินส่งมา,ก็รู้สึกประหลาดใจ.
เรื่องเกี่ยวกับนิกาย,น้อยครั้งนักเขาที่จะสอบถาม,ซึ่งกล่าวได้ว่าหากเป็นเรื่องทั่วไปบรรพชนชราคนอื่น ๆ สามารถจัดการได้,เป็นเรื่องหายากที่จะเห็นเฟิงเหวินส่งข้อความผ่านยันต์สื่อสารมาหาเขา.
เขารู้สึกแปลก ๆ,ก่อนที่จะนำยันต์สื่อสารออกมาดู.
เขาที่อ่านข้อความจากยันต์สื่อสารมีเนื้อความว่า :
“เรียนผู้ก่อตั้ง,มีชายชุดน้ำเงินนามลู่อี้ผิง,เขามีตราหยกเหมือนกับท่าน,ตอนนี้อยู่ในนิกายกระบี่กุยหยวน,เอ่ย ต้องการพบท่าน.”
“ไม่รู้ว่าผู้ก่อตั้งรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”