Chapter 105 What is the true manager?
真正所长是什么?
ลู่อี้ผิงเห็นท่าทางอหังการของเหออี้,ก็กล่าวอย่างไร้อารมณ์.“ในเมื่อวิถีกู่ฉินของเจ้าสูงขนาดนั้น,ขอเพียงเจ้าดึงสายของกู่ฉินนี้ได้,กู่ฉินนี้ก็จะเป็นของเจ้า.”
เหออี้ตกใจ,เผยยิ้มออกมา“นี่พูดจริงรึ?”
“แน่นอน.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจเช่นกัน.
เถ้าแก่เห็นท่าทางเหออี้ตื่นเต้นดีใจ,ก็เอ่ยปากย้ำเตือนทันที“กู่ฉินนี้ไม่ง่ายที่จะเล่น,ไม่เพียงแค่มีจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬ,บนสายยังฉาบไปด้วยวิถีกู่ฉินไร้ที่เปรียบด้วย.”
เหออี้ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็เผยยิ้มอย่างมั่นใจ“ข้ารู้,การดีดสาย,จะต้องสื่อสารกับจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬ,และมีความตระหนักรู้วิถีกู่ฉินที่ยอดเยี่ยมในสายของกู่ฉินพร้อมกันด้วย.”
องค์รักษ์ด้านหลังที่เผยยิ้มออกมา“หลายปีมานี้,มีกู่ฉินที่มีจิตวิญญาณมากมาย,และวิถีกู่ฉินที่ลึกล้ำนับไม่ถ้วน,นายน้อยของข้าเพียงลมหายใจเดียวก็สื่อสารกับจิตวิญญาณและเข้าใจวิถีกู่ฉินบนสายของพวกมันมาหมดแล้ว.”
“เรื่องนี้,สำหรับนายน้อยข้าง่ายยิ่งกว่าง่าย.”
เขาจ้องมองลู่อีผิ้งและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ“วิถีกู่ฉินนายน้อยของข้านั้นเข้าสู่ระดับนักบุญแล้ว,เจ้ารอคอยเบิ่งตาได้เลย.”
เถ้าแก่ร้านเผยท่าทางประหลาดใจ.
ไม่คาดคิดเลยว่าเหออี้ผู้นี้จะฝีมือสูงส่งเช่นนี้,ในเมื่อเป็นนักบุญกู่ฉินแสดงว่าอยู่ในขอบเขตที่เก้า.
ผู้เยาว์ในดินแดนจิวเทียน,วิถีกู่ฉินที่อยู่ในขอบเขตที่เก้า นักบุญกู่ฉิน,มีอยู่น้อยมาก.
ทว่า,เหออู๋ผู้นี้กับไม่เคยได้ยินมาก่อน.
เหออี้ที่เห็นท่าทางของเถ้าแก่ก็เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย“วิถีกู่ฉินของข้า,แม้นว่าจะก้าวเข้าสู่ระดับนักบุญ,ทว่าก็ไม่ได้เผยให้ใครรู้นัก,ดังนั้นเจ้าไม่รู้จักก็เป็นเรื่องธรรมดา.”
“ครั้งนี้ข้าและศิษย์พี่หญิงได้ผ่านมายังดินแดนซั่งเซิง,ได้ยินมาว่ามีงานชุมนุมนิกายกระบี่,ดังนั้นจึงได้แวะมาดูเท่านั้น.”
กล่าวจบ,เขาก็วางมือไปบนกู่ฉินมังกรทมิฬ,มือของเขาแผ่รัศมีแสงสว่างจ้า,ร่างกายที่มีพลังเทวะกระจายออกไปรอบ ๆ,จากนั้นก็มีอักขระไหลผ่านเข้าไปในกู่ฉินทันที.
อักขระที่ลอยฟุ้งกระจายบนอากาศ,กำลังไหลออกจากร่างของเขาไม่หยุด.
“ยอดเยี่ยม!”เถ้าแก่เห็นพลังเทพที่กระจายออกไปทั่ว,อักขระวิถีกู่ฉินที่พยายามผสานเข้ากับกู่ฉิน
มือของเขา,ที่เวลานี้กำลังเผยความลึกล้ำวิถีกู่ฉินชี้นำได้แผ่ออกจากร่างของเขา.
มือของเหออี้ที่เห็นเป็นภาพลวงตา,มีเงามือมากมายนับไม่ถ้วน.
“หัตถ์เงาหมื่นชั้น!”แววตาของเถ้าแก่ที่หดเกร็ง.
ไม่ว่าจะเป็นการปรุงเม็ดยาเซียนหรือหลอมสร้าง,ต่างก็มีทักษะพิเศษ,แต่ละทักษะล้วนแล้วแต่ลึกล้ำ,เป็นวิชาที่ช่วยนำทางเชื่อมต่อกับสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งนั้น.
แม้แต่วิถีกู่ฉินและวิถีจิตรกรรมเองก็มีทักษะพิเศษเช่นกัน.
หัตถ์เงาหมื่นชั้น,คือทักษะลึกล้ำของวิถีกู่ฉินนั่นเอง.
นี่คือทักษะการบรรเลงเพลงของวิถีกู่ฉิน,เป็นทักษะเฉพาะที่น่าอัศจรรย์ใจ.
จิตสำนึกของเหออี้ที่กำลังเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณมังกรทมิฬของกู่ฉิน,พลังวิถีกู่ฉินที่เอ่อล้น,เงามือนับพันที่กำลังร่ายรำดึงรั้งสาย.
ทุกคนที่เฝ้ามองการกระทำดังกล่าวอย่างตั้งใจ.
เงามือที่คว้าอยู่บนสายกู่ฉิน.
อย่างไรก็ตาม,อย่าว่าแต่เสียงเลย,แม้แต่เงามังกรทมิฬยังไม่มีแววจะปรากฏสักนิด.
ไร้เสียงใด ๆ.
เงียบสนิท.
หากมีเข็มหล่นลงพื้น,คงได้ยินเสียงอย่างแน่นอน,ทว่าเหออี้กับไม่ยอม,กระนั้นไม่ว่าจะพยายามเท่าใดแต่กับไม่อาจทำให้เกิดเสียงได้เลยสักนิด.
อย่าว่าแต่เสียงกู่ฉินเลย,แม้แต่เสียงลมยังไม่มีด้วยซ้ำ.
เหออี้ที่ตกใจ.
องค์รักษ์ทั้งสองตะลึงไปเหมือนกัน.
เหออี้ที่เผยยิ้ม“กู่ฉินนี้ยอดเยี่ยมนัก,แม้แต่ทักษะหัตถ์เงาพันชั้นของข้ายังไม่อาจเล่นได้,ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเอาจริงซะแล้ว.”คำพูดที่ราวกับบอกว่าก่อนหน้านี้เชสยังไม่เอาจริงนั่นเอง.
จากนั้น,ร่างกายของเขาที่แผ่รัศมีมากมายกว่าเดิม,มือทั้งสองของเขาที่เหวี่ยงอย่างรุนแรง,อักขระมากมายที่ไหลพล่านก่อรูปเป็นภาพมายาดอกบัว.
“หัตถ์บุษบาผลิบาน!”หวงจิวที่ตกใจ.
หัตถ์บุษบาผลิบาน,คือทักษะเล่นกู่ฉินที่เหนือยิ่งกว่าหัตถ์เงาพันชั้น.
ตามตำนามเอ่ยว่าหัตถ์บุษบาผลิบานนั้นเป็นทักษะที่มาจากอรหันต์.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่งทั้งสอง,แม้นว่าจะไม่ได้ก้าวไปบนวิถีกู่ฉิน,ทว่าก็เคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะหัตถ์บุษบาผลิบานมาเช่นกัน,กล่าวได้ว่ามันคือหนึ่งในสิบทักษะกู่ฉินที่ยอดเยี่ยมที่สุด.
หวงจิวและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจ,มือของเหออี้ที่แผ่อำนาจดึงรั้งสายกู่ฉินมังกรทมิฬ,ในเวลานั้น,จิตสัมผัสของเขาที่แผ่ปะทะ,ไหลบ่าเข้าไปในกู่ฉินเต็มกำลัง,พลังจิตวิญญาณของเขาที่อาบไล้ไปปะทะเข้ากับจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬ.
มือของเขาที่แผ่รัศมีแสงภาพมายาดอกบัวที่เจิดจรัสมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ภาพเงาที่ดึงรั้งสายกู่ฉินมังกรทมิฬเต็มกำลัง.
ภาพเงาของดอกบัวที่แผ่รัศมีแสงมากขึ้นเรื่อย ๆ,จนดอกบัวหรี่แสงและหายไป,แต่กับไม่อาจทำให้สายของกู่ฉินมังกรทมิฬขยับได้เลย.
เสียงของกู่ฉินยังคงเงียบสงัด.
กู่ฉินมังกรทมิฬไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย.
ไม่แม้แต่สั่นสักนิดเดียว.
มันมั่นคงราวกับกำแพงภพฮุ่นตุ้น.
กู่ฉินมังกรทมิฬที่ราวกับมังกรยักษ์ที่ตั้งตระหง่านยิ่งกว่าขุนเขาไท่ซาน.
เหออี้ตื่นตะลึงอย่างหนัก,เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร,เขาไม่อาจสื่อสารกับราชามังกรทมิฬได้เลย,แม้แต่พลังตระหนักรู้วิถีกู่ฉินที่เลิศล้ำของเขาตลอดจนทักษะหัตถ์บุษบาผลิบาน,กับไม่ตอบสนองเลยรึ?!
“เป็นไปไม่ได้!”ใบหน้าของเขาที่เผยความไม่อยากเชื่อ,แม้แต่เริ่มทดลองอีกครั้ง.
กระนั้น ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร กู่ฉินมังกรทมิฬก็ไม่ตอบสนอง.
ใบหน้าของเขาที่ไม่เหลือรอยยิ้หลงเหลือท่าทางอหังการก่อนหน้านี้เอาไว้เลย.
ยิ่งทดสอบมากขึ้นเรื่อย ๆ,ใบหน้าของเขาก็ยิ่งกลายเป็นอัปลักษณ์,เริ่มบ้าคลั่ง,จิตใจของเขาที่กระตุ้นเพิ่มพลังจิตสัมผัสมากมายบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ทันใดนั้น,กู่ฉินมังกรทมิฬ,เมื่อพลังจิตที่แข็งแกร่งผลักดันเข้าไปไม่หยุด,มันก็สะท้อนคืนกลับไป,กระแทกร่างของเหออี้ลอยกระเด็นหมุนตลบกลิ้งไปบนพื้นร้านพลิกม้วนกระเด็นออกไปนอกร้าน..
ร่างกายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บหนัก,กระอั๊กโลหิตออกมาคำโต.
“นายน้อย!”องค์รักษ์ทั้งสองที่ตกใจ,วิ่งออกไปนอกร้าน,เร่งรีบเข้าไปประครองเหออี้.
เหออี้ไม่เพียงจิตวิญญาณได้รับความเสียหาย,แม้แต่อวัยวะภายในยังได้รับบาดเจ็บไปด้วย.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“เจ้าไม่ได้เอ่ยว่าหากกู่ฉินนี้อยู่ในมือของเจ้า,จะเฉิดฉาย,สร้างชื่อให้กู่ฉินโบราณนี้ได้อีกครั้งหรอกรึ? ใหนบอกว่าคนที่มีฝีมือเทียบเคียงเจ้านั่นนับด้วยมือได้กัน”
“แม้แต่ขยับสายยังทำไม่ได้เลย.”
เหออี้ได้ยินคำพูดดังกล่าว,เวลานี้กระอักโลหิตซ้ำอีกครั้ง.
องค์รักษ์คุ้มกันที่จ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและลู่อี้ผิงด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก,“เจ้าได้ใช่เล่ห์กลวางกับดักไว้บนกู่ฉินก่อนแล้ว,ทำให้นายน้อยของข้าไม่อาจขยับสายกู่ฉินได้.”
“ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยวิถีกู่ฉินของนายน้อยของข้า,ไม่มีทางที่จะไม่อาจขยับสายของกู่ฉินได้!”
“เป็นแผนการของเจ้า,เจ้าทำให้พลังสะท้อนทำร้ายนายน้อยจนได้รับบาดเจ็บ!”
ลู่อี้ผิงที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็ยกมือขึ้นวางไปบนกู่ฉิน,นิ้วทั้งห้าที่ขยับเบา ๆ,เสียงดนตรีที่เบาสบายก็แผ่ออกมาจากกู่ฉินทันที.
เสียงดนตรีที่เปลี่ยนเป็นอักษรรูนมากมาย,บินว่อนกระจายไปทั่วร้าน.
เหออี้และองค์รักษ์ทั้งสองที่ชงักค้าง.
ในเวลานั้น,ก่อรูปเป็นมังกรทมิฬพร้อมกับคำรามลั่นกระแทกผู้คุ้มกันคนดังกล่าว,ลอยกระเด็นออกไปบนท้องฟ้า,ไม่รู้ว่าปลิวไปไกลขนาดใหน.
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย“วิถีกู่ฉินไม่พอ,ไม่อาจขยับได้แม้แต่สาย,กลับใส่ร้ายคนอื่นว่าใช้เล่ห์กล,ช่างน่าหัวเราะเยาะจริง ๆ.”
เหออี้ใบหน้าดำแดง,พยุงร่างลุกขึ้น,จ้องเขม็งไปยังลู่อี้ผิง“ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร? มาจากนิกายใด?”
“ลู่อี้ผิง,ไม่มีนิกาย.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ.
“ไม่มีนิกาย?”ใบหน้าของเหออี้เผยท่าทางไม่อยากเชื่อ,“เป็นไปไม่ได้!”
เถ้าแก่ร้านเองก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน.
วิถีกู่ฉินที่ลึกล้ำ,เป็นผู้ฝึกตนอิสระอย่างงั้นรึ? มันจะเป็นได้อย่างไร!
ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไร้อารมณ์,“วิถีกู่ฉิน,ไม่ใช่วิถีหลักของข้า,ข้าเพียงแค่ฝึกฝนเป็นครั้งคราว เมื่อเบื่อเท่านั้น.”
เหออี้และเถ้าแก่ที่อ้าปากค้าง.
เล่นเป็นครั้งคราวเมื่อเบื่ออย่างงั้นรึ?
หากวิถีกู่ฉินไม่ใช่วิถีหลักของชายหนุ่มชุดน้ำเงิน.
แล้ววิถีบ่มเพาะหลักของเขาล่ะคืออะไร?