Chapter 104 My Zither Way unparalleled
我琴道无双
พื้นที่การค้าชิงหยาง,เหล่ายอดฝีมือมากมายที่จับจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกันพบมังกรทมิฬยาวหนึ่งพันจั้ง,ที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าคำรามดังสนั่น.
มังกรทมิฬหนึ่งพันจั้ง,เต็มไปด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่น่าพรั่นพรึง,ทำให้ทุกคนรอบ ๆ ต้องชงักไปตาม ๆ กัน.
“กลิ่นอายมังกรตนนี้ทรงพลังมาก! ไม่ใช่มังกรทมิฬธรรมดาทั่วไปแน่ ๆ!”
“นี่คือราชาเผ่ามังกรทมิฬ,ไม่ใช่แค่เป็นราชามังกรทมิฬ! สายโลหิตของมันยังสูงส่ง,จนแผ่กลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ออกมา!”
ผู้คนในพื้นที่การค้า,ต่างก็กลายเป็นสับสนวุ่นวาย.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่ง,หวงจิวทั้งสามที่เงยหน้าจ้องมองมังกรทมิฬบนอากาศ,กลายเป็นเซ่อไปเลย.
เถ้าแก่ร้านเองแทบไม่อยากเชื่อจ้องมองมังกรทมิฬไม่วางตา,เผยความตื่นตกใจ,ตื่นเต้นพูดติด ๆ ขัด ๆ“มีเสียง,คาดไม่ถึงว่าจะมีคนทำให้เกิดเสียงได้!”
“ท้ายที่สุดก็มีคนทำให้เกิดเสียงได้แล้ว!”
เขาจ้องมองลู่อี้ผิง,ราวกับมองเห็นสมบัติล้ำค่าไร้ที่เปรียบ,แววตาเป็นประกาย,เต็มไปด้วยความชื่นชม.
ลู่อีผิ้งเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ“กู่ฉินนี้เป็นกู่ฉินล้ำค่าในยุคโบราณ,กู่ฉินมังกรทมิฬ,ด้านในมีจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬสถิตอยู่,การจะทำให้กู่ฉินมีเสียงได้,ก่อนอื่นจะต้องสื่อสารกับจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬให้ได้ก่อน.”
เถ้าแก่ที่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก“ใช่แล้ว,จูเหรินของข้าก็เอ่ยเช่นนั้น,เขาได้ไปหายอดฝีมือเผ่ามังกรมากมาย,ไปหานักบุญกู่ฉินนับไม่ถ้วน,แต่กับไม่มีใครสามารถสื่อสารกับราชามังกรทมิฬได้เลย!”
เขาจ้องมองลู่อี้ผิง“ทว่าการจะทำให้กู่ฉินนี้มีเสียง,ไม่เพียงแค่สื่อสารกับราชามังกรทมิฬเท่านั้น,แต่จะต้องมีทักษะกู่ฉินไร้ที่เปรียบ,เพราะว่าสายกู่ฉินนี้,ฉาบไปด้วยวิถีกู่ฉินไร้เทียมทาน,หากไม่มีทักษะกู่ฉินไร้ที่เปรียบ,ก็ไม่อาจดึงสายกู่ฉินนี้ได้.”
พวกฟ่านเซิ่งที่เฝ้ามองอย่างระเอียด,ก็พบว่าบนสายของกู่ฉินนั้นมีอักษรรูนมากมาย,อักษรรูนแต่ละตัวนั้นดูสูงส่งไร้เทียมทาน,แม้แต่ทำให้คนที่จ้องมองถึงกับตาพร่าไปเหมือนกัน.
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยปาก“ในเมื่อกู่ฉินนี้มีเสียงแล้ว,กู่ฉินมังกรทมิฬนี้ก็เป็นของข้า,และสิ่งของในร้านนี้ข้าก็สามารถหยิบมันได้ตามใจ,ใช่ใหม.”
เขาจ้องมองไปยังกระบี่หักที่มุม.
กู่ฉินมังกรทมิฬ,สำหรับเขาเป็นเพียงผลพลอยได้,ทว่ากระบี่หักที่มุมต่างหากที่ทำให้เขาก้าวเข้ามาในร้านแห่งนี้.
เถ้าแก่แทบสำลัก,เขาเผยยิ้มอย่างขมขื่น,เอ่ยออกมาว่า“ตามธรรมเนียมเป็นเช่นนั้น,พวกเราได้ตั้งเงื่อนไขดังกล่าวไว้,ไม่มีทางตะบัดสัตย์ได้,ทว่าจูเหรินของพวกเรามีอีกหนึ่งเงื่อนไข.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำแค่นเสียง“เงื่อนไขรึ? เจ้าไม่เอ่ยเงื่อนไขก่อนหน้านี้ล่ะ.”
ใบหน้าของเขาที่กลายเป็นแดงดำ,ด้วยความอับอาย,เอ่ยออกมาว่า“ข้าไม่คิดว่าคุณชายจะทำให้กู่ฉินมีเสียงดังได้,ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถึงเงื่อนไข.”จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า“คุณชายโปรดวางใจ,หากคุณชายไม่สะดวก,พวกเราก็ไม่บังคับ.”
“เงื่อนไขอะไร.”ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
เถ้าแก่เอ่ย“เรื่องนี้รอให้ประมุขของพวกเรามาถึง,ประมุขของข้าจะเอ่ยถึงรายระเอียดกับคุณชาย.”
ลู่อี้ผิงที่ก้าวตรงมาที่มุม,ก่อนจะปัดฝุ่นออกจากกระบี่หัก,ตัวกระบี่ที่หักเรียวยาว,เห็นชัดเจนว่าเป็นกระบี่ที่สตรีเคยใช้,กระบี่หักที่ส่วนกลาง,คล้ายว่าถูกฟันโดยกระบี่ของคนอื่น.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำจ้องมองกระบี่หัก,เผยความประหลาดใจ“กระบี่เหยี่ยนสุ่ย?”
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ.
กระบี่เหยี่ยนสุ่ย,เป็นกระบี่ของเทพธิดาโหลวสุ่ยวังเป่ยโตวในอดีตเคยใช้.
เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเห็นมันที่นี่.
หนำซ้ำยังกลายเป็นกระบี่หักอีกด้วย.
“กระบี่เหยี่ยนสุ่ยนี้,เจ้าได้รับมันมาจากใหนรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยสอบถามเถ้าแก่.
เถ้าแก่เผยความสงสัย“กระบี่เหยี่ยนสุ่ยรึ?”เขาส่ายหน้าไปมา“พวกเราไม่รู้แม้แต่นามกระบี่หักนี้,สิ่งของในร้านนี้ส่วนมากแล้วเป็นของจากตระกูลจูเหรินเกือบทั้งหมด.”
“เป็นสิ่งของจากตระกูลสืบทอดมาอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยความประหลาดใจ.
“ใช่.”เถ้าแก่พยักหน้ารับ,“บางที,จูเหรินของพวกเราอาจจะรู้ที่มาของกระบี่.”
“จูเหรินของเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใหน?”ลู่อี้ผิงเอ่ยถาม.
เถ้าแก่ดูลังเล ก่อนเอ่ยออกมาว่า“จูเหรินของเรานั้นไปยังดินแดนไท่สวี.”
“ดินแดนไท่สวีอย่างงั้นรึ?”วังกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยพึมพำ.
ดินแดนไท่สี,นับเป็นหนึ่งในสองดินแดนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของจิวเทียน.
ในเวลานั้น,ผู้เยาว์คนหนึ่งที่สวมชุดสีสดใสจับตาก้าวเข้ามา,ที่ด้านหลังมีองค์รักษ์สองคน.
หลังจากที่ผู้เยาว์คนดังกล่าวเข้ามา,เขาได้กวาดตามองไปทั่ว,สายตาได้มาหยุดที่กู่ฉินมังกรทมิฬ.
เขาเผยความประหลาดใจ.
หลังจากนั้น,เขาก็เดินตรงไปยังทิศทางของกู่ฉินมังกรทมิฬ,มือของเขาสัมผัสลูบไล้ไปมา,พบว่าบนสายนั้นมีวิถีกู่ฉินไร้ที่เปรียบ,ก็เผยความตื่นเต้นดีใจ,เผยความสุขมากล้นออกมา.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่ง,และหวงจิวที่จ้องมองชายหนุ่มที่เข้ามา,ไม่พูดไม่จา,เข้ามาลูบกู่ฉินไปมา,เผยความตื่นเต้นดีใจ,ก็ขมวดคิ้วไปมา.
เห็นชัดเจนว่าชายหนุ่มคนนี้ถูกลวงล่อจากจิตวิญญาณมังกรทมิฬก่อนหน้านี้นั่นเอง.
“เจ้าคือเถ้าแก่งั้นรึ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามชายชราทันที,ด้วยน้ำเสียงที่ดูอหังการสะกดข่ม.
“เป็นข้าเอง.”เถ้าแก่พยักหน้ารับ,เขาพอคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มนั้นต้องการเอ่ยสิ่งใด.
เป็นความจริงชายหนุ่มที่เอ่ยออกมาทันที“กู่ฉินนี้,ขายอย่างไร?”
เถ้าแก่ส่ายหน้าไปมา.“กู่ฉินนี้,เป็นของคุณชายคนนี้แล้ว.”
ชายหนุ่มที่จ้องมองลู่อี้ผิง,จ้องมองจากบนลงล่าง,เอ่ยออกมาว่า“กู่ฉิน,ตอนนี้เป็นของเจ้าอย่างงั้นรึ?”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเห็นชายหนุ่มจดจ้องเพ่งพิศลู่อี้ผิง,พร้อมกับเผยท่าทางเอ่ยด้วยน้ำเสียงใหญ่โต,ก็เอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ“เจ้าหนู,หูหรือสมองของเจ้ามีปัญหากัน,ไม่ได้ยินที่เถ้าแก่เอ่ยรึไง,กู่ฉินนี้เป็นของจูเหรินของข้าแล้ว.”
“สามหาว!”องค์รักษ์สองคนด้านหลังที่คำรามลั่นจ้องมองออกมาด้วยความโกรธ.
ชายหนุ่มที่ยกมือขึ้น,ห้ามองค์รักษ์,จ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำคราหนึ่ง,ก่อนเอ่ยกับลู่อี้ผิง“ผู้น้อย,เหออี้,นิกายฉินหัว.”
คำพูดดังกล่าว,ทำให้ฟ่านอี้หลาน ฟ่านเซิ่ง,เถ้าแก่และหวงจิวตกใจเล็กน้อย.
“นิกายฉินหัว!”
นิกายฉินหัว,คือกองกำลังใหญ่ในจิวเทียน,รองจากนิกายเทวะคุณเผิง.
นอกจากนี้นิกายฉินหัว,ยังโดดเด่นในเส้นทางวิถีกู่ฉินและวิถีจิตรกรรมอีกด้วย.
กล่าวว่าทั้งวิถีกู่ฉินและวิถีจิตรกรรมนั้นแข็งแกร่งที่สุดในจิวเทียน.
ชายหนุ่มผู้นี้,คาดไม่ถึงว่าจะมาจากนิกายฉินหัว.
ชายหนุ่มเหออี้เห็นท่าทางของฟ่านอี้หลานแล้ว,ก็ไม่ได้ประหลาดใจ,เอ่ยต่อลู่อี้ผิง“กู่ฉินนี้,ขายอย่างไร?”
ลู่อี้ผิงกล่าวอย่างไม่แยแส“กู่ฉินของข้า,ไม่ขาย,นอกจากนี้เจ้าไม่อาจจ่ายได้ด้วย.”
องค์รักษ์ด้านหลังเหออี้ได้ยินก็แค่นเสียงดูแคลน“กู่ฉินที่ไหม้ไฟด่างดำเช่นนี้,เจ้ากับคิดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างงั้นรึ? กู่ฉินไหม้ไฟนี้,อย่าว่าแต่ซื้อเลย,ต่อให้มีเป็นสิบหรือร้อยอัน,นายน้อยของข้าก็ซื้อได้สบาย ๆ.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำกล่าวหยัน“ร้อยไหม้ไฟอย่างงั้นรึ? โง่เกินไปแล้ว,ไม่เคยเห็นใครจะโง่เง่าขนาดนี้!”
“เจ้า!”องค์รักษ์ที่เผยใบหน้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที.
เหออี้ที่จ้องมองลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาว่า“กู่ฉินนี้ควรจะเป็นกู่ฉินมีชื่อในยุคโบราณ,อยู่ในมือเจ้าที่ไม่เข้าใจวิถีกู่ฉิน,ก็เท่ากับฝังกู่ฉินนี้ลงดิน,เจ้าควรที่ขายให้ข้าที่เป็นผู้คู่ควร.”
“กู่ฉินนี้เมื่ออยู่ในมือข้า,มันจะเฉิดฉายเจิดจรัส,สร้างชื่อกู่ฉินยุคโบราณนี้ขึ้นมาอีกครั้ง.”
ได้ยินคำพูดของเหออี้,ทำให้วัวกระทิงมังกรเขาทองคำแทบสำลักน้ำลายตัวเอง.
“เจ้าหัวเราะอะไร?”เหออี้ขมวดคิ้วไปมา.
“เจ้าจะบอกว่า,วิถีกู่ฉินของเจ้าไร้ที่เปรียบอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ.
เหออี้กล่าวอย่างภาคภูมิ,“แม้นว่าข้าไม่กล้าเอ่ยว่าวิถีกู่ฉินของข้าไร้คู่เปรียบ,แต่ผู้เยาว์ในจิวเทียนนั้น,คนที่จะมีวิถีกู่ฉินเทียบเคียงข้าได้นั้น,แทบนับนิ้วได้.”