Chapter 103 Guqin sound
古琴响动
โหลวถงที่จ้องมองเหล่ายอดฝีมือมากมายที่มาร่วมงานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้,ก็เผยยิ้มเอ่ยต่อซุนหงหยวน,“ยอดฝีมือมาเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่มากมายจริง ๆ!”
ซุนหงหยวนเผยยิ้ม“งานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้จัดใหญ่ยิ่งกว่างานชุมนุมกระบี่ครั้งที่แล้ว,ยอดฝีมือที่เข้าร่วมเกรงว่าจะมีจำนวนหลายร้อยล้านคน.”
โหลวถงกล่าวประจบ“ศิษย์พี่ซุนหงหยวนทักษะกระบี่ไร้ที่เปรียบ,หากท่านเข้าร่วม,อันดับหนึ่งจะต้องเป็นของศิษย์พี่ซุนหงหยวนอย่างแน่นอน.”
ซุนหงหยวนได้ยินก็หัวเราะชอบใจ“ศิษย์น้องโหลวถงกล่าวยกยอไปแล้ว.”
“ที่จริงมือกระบี่ที่มากพรสวรรค์ในดินแดนซั่งเซิงนั้น,เหนือกว่าข้ามีมากมาย.”
ทั้งสองพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม,ตามฉิวเยว่และอู๋จินกัวไปยังยอดเขากุยหยวน.
หลังจากที่อาวุโสเจียงกลับมา,ก็เอ่ยกล่าวขออภัยต่อลู่อี้ผิงและหวงจิว“ขออภัยท่านทั้งหลาย.”จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า“ไปเถอะ,ตอนนี้พวกเราสามารถไปลงทะเบียนได้แล้ว.”
จากนั้นพวกลู่อี้ผิงก็ถูกนำไปยังห้องโถงลงทะเบียน.
“ผู้ยิ่งใหญ่คนใหนของสำนักกระบี่ไท่ชิงมา?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยถาม.
เจียงเฟิงที่เอ่ย“เป็นอู๋จิวกัวหัวหน้าบรรพชนชราสำนักกระบี่ไท่ชิง,ได้นำอาวุโสสูงและอาวุโสมากมาย,มากกว่า 40 คนมาเข้าร่วม”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยเพิ่ม“บรรพชนชราอู๋จิวกัวเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์ขั้นกลาง,แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ทักษะกระบี่วายุอสนีนั้นได้ฝึกฝนไปขอบเขตผสานวายุอสนีแล้ว,หนึ่งกระบวนท่าสามารถสังหารเทพสวรรค์ขั้นต้นสามคนได้ในทันที!”
“คาดไม่ถึงว่าสำนักกระบี่ไท่ชิงจะส่งยอดฝีมือเช่นนี้มา.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม.
เจียงเฟิงเอ่ย“ด้วยความแข็งแกร่งของบรรพชนชราอู๋จินกัว,เทพสวรรค์ขั้นกลางทั่วไปนั้น,ไม่ใช่คู่มือของเขา.”
พวกเขาที่ถูกนำเข้าไปยังห้องโถงลงทะเบียน.
ภายใต้การนำของเจียงเฟิง,ดังนั้น,ฟ่านอี้หลานและฟ่านเฟิงสองพี่น้องจึงไม่จำเป็นต้องเข้าแถว,สามารถลงทะเบียนโดยตรง.
หลังจากนั้น,เจียงเฟิงก็นำพวกลู่อี้ผิงไปยังที่พักที่เตรียมไว้.
“เมื่อไหร่ผู้ก่อตั้งของเจ้าจะกลับมา?”ลู่อี้ผิงเอ่ยถาม.
เจียงเฟิงที่เห็นลู่อี้ผิงสอบถามเรื่องผู้ก่อตั้งของเขา,ก็เผยความแปลกใจ“เอ่ยออกมาว่า”ไม่อาจบอกได้,ทว่าคนที่ได้ลำดับหนึ่งของงานชุมนุมกระบี่นี่,จะได้รับการชี้แนะจากบรรพชนโดยตรง,ดังนั้น,ก่อนที่งานชุมนุมนิกายกระบี่จะจบ,บรรพชนผู้ก่อตั้งควรจะกลับมา.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเป็นเจียงเฟิงสงสัยจึงเอ่ยออกมาว่า“จูเหรินของพวกเราต้องการพบกับผู้ก่อตั้งของเจ้า.”
เจียงเฟิงที่ตกใจ,เผยยิ้มออกมา“ผู้ก่อตั้งของพวกเราไม่อาจพบกับใครได้ในตอนนี้,อีกอย่าง,อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลยแม้แต่เจ้านิกายกุยหยวนหรือบรรพชนชรามากมายต้องการพบกับผู้ก่อตั้ง,ยังเป็นเรื่องยากเลย.”
“ดังนั้น,การที่พวกเจ้าต้องการพบกับผู้ก่อตั้ง,เกรงว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้.”
ลู่อี้ผิงได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็เผยยิ้ม“จริงรึ?”
“ใช่แล้ว,ไม่ใช่แค่เจ้า,ประมุขตระกูลฉู่ในเวลานี้ต้องการพบกับผู้ก่อตั้งยังเป็นไปไม่ได้เลย.”เจียงเฟิงพยักหน้ารับ.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่องสองคนที่จ้องมองกันและกันเผยความตกใจ,ก่อนหน้านี้,พวกเขาไม่รู้ว่าคนรู้จักของฟ่านอี้ผิงเป็นใคร,ตอนนี้เป็นไปได้ว่า คงเป็นผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่กุยหยวน,ท่านฉู่ถงหรอกรึ?!
ไม่รู้ว่าคุณชายลู่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านฉู่ถง?
เจียงเฟิงที่นำทุกคนมายังที่พัก,เป็นลานตรงกลาง,มีอยู่ด้วยกันหกห้อง.
ก่อนที่เจียงเฟิงจะจากไป,หวงจิวได้มอบศิลาวิญญาณเกรดเทวะจำนวนมากให้อีกฝ่าย,เจียงเฟิงที่ดูขัดเขินเล็กน้อย,แต่ก็รับมา,เผยยิ้มและจากไป,พร้อมกับเอ่ยว่าหากมีอะไรต้องการ,ให้ส่งคนมาแจ้งเขาได้.
หลังจากเจียงเฟิงจากไปแล้ว,ฟ่านอี้หลานเอ่ยสอบถามลู่อี้ผิงด้วยความสงสัย“คนรู้จักของคุณชาย,เป็นไปได้ว่าคือ ท่านฉู่ถงอย่างงั้นรึ?”
“อืม.”ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่งทั้งสองที่ตกใจ,เป็นท่านฉู่ถงจริง ๆ.
อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่ได้เอ่ยถามว่า,ลู่อี้ผิงเกี่ยวข้องอะไรกับฉู่ถง.
“ยังไม่มีอะไรทำ,ออกไปเดินเล่นกันเถอะ.”ลู่อี้ผิงที่นั่งอยู่พักหนึ่ง,ก็ลุกขึ้นและเอ่ยออกมา.
หวงจิวเอ่ย,“ที่ด้านหน้าดูเหมือนว่าจะมีพื้นที่การค้า,ที่นิกายกุยหยวนสร้างขึ้น,กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในมลทลชิงอวิ๋น,จู่เหริน,พวกเราไปดูหน่อยใหม?”
“ก็ดี.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
ดังนั้น,พวกเขาได้ออกจากลานที่พัก,ตรงไปยังลานการค้าที่หวงจิวเอ่ยถึง.
ข้ามผ่านภูเขาไปหนึ่งลูก,ใช่เวลายี่สิบนาที,พวกเขาก็มาพบกับพื้นที่ราบขนาดใหญ่.
พื้นทุ่งราบนั้น,มีถนนตรอกซอกซอยมากมาย,ซึ่งมีร้านค้าจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่.
เพียงแค่กวาดตามองไม่อาจมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดได้.
ลานการค้า,แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีกำแพงเมือง.
บนตรอกซอกซอยของลานการค้า,มีการจราจรที่ติดขัดเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายมหาศาลราวกับฝูงมด.
“นี่คือลานการค้าชิงหยาง!”ฟ่านเซิ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ใหญ่มาก! ได้ยินมาว่ามีสมบัติมากมาย,แม้แต่สินค้าพิเศษที่หอการค้าใหญ่ยังไม่อาจมีขาย,ทว่ากับสามารถซื้อได้ที่นี่.”
“มีบางคนบอกว่ามีสมบัติไร้ที่เปรียบในพื้นที่การค้าชิงหยางด้วย.”
หวงจิวเผยยิ้ม“สมบัติไร้ที่เปรียบไม่ง่ายที่จะได้รับ.”
พวกลู่อี้ผิงที่ก้าวเข้าไปในทะเลผู้คน.
ลู่อี้ผิงได้ไปหยุดที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง.
ร้านดังกล่าวมีขนาดเล็กมาก,ดูเก่าแก่ซ่อมซ่อเล็กน้อย,ป้ายร้านที่มีอักขระเขียนไว้ว่า“ร้านเล็ก ๆ”
อย่างไรก็ตาม,ป้ายดังกล่าวดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยฝุ่น,จนแทบมองไม่เห็นตัวอักษรได้ชัดเจน.
“ร้านเล็ก ๆ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเห็นชื่อก็ตะลึงไปเหมือนกัน“ไม่ใช่ว่าคือร้านค้าที่เคยมีในอดีตงั้นรึ?”
ในอดีต,มันและลู่อี้ผิงเคยเข้ามาในจิวเทียน,ครั้งหนึ่งเคยเห็นร้านค้าแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า“ร้านเล็ก ๆ” ชื่อดังกล่าวดูน่าสนใจทำให้ยังคงจดจำได้.
ลู่อี้ผิงและทุกคนได้ก้าวเข้าไป.
ร้านค้าดังกล่าวไม่ใหญ่นัก,มีพื้นที่ไม่กี่สิบตารางเมตร,ด้านในนั้นมีสิ่งของมากมายกองสุมรวมกันอยู่ราวกับเป็นขยะ.
ที่ใจกลางนั้นมีโต๊ะตั้งอยู่,บนนั้นมีกู่ฉินวาง,เรือนของกู่ฉินนั้นมีรอยที่เหมือนกับรอไหม้สีดำอยู่หลายจุด.
การค้าดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยดีนัก,ที่มุมนั้นมีชายชราผู้หนึ่งที่กำลังนั่งสัปหงก,เมื่อชายชราเห็นลู่อี้ผิงก้าวเข้ามา,ก็ก้าวออกไปทักทาย“ไม่รู้ว่าท่านทั้งหลายต้องการซื้ออะไร?”
ลู่อี้ผิงได้ไปยืนที่ด้านหน้ากู่ฉิน,เอ่ยออกมาว่า“เถ้าแก่,กู่ฉินนี้ขายหรือไม่?”
เถ้าแก่ดวงตาเบิกกว้าง,ก่อนจะเผยยิ้ม“คุณชาย,กู่ฉินของพวกเราไม่ได้ขาย.”
“ไม่ขาย?”ฟ่านอี้หลานที่เผยความประหลาดใจ“แล้วนำมาตั้งเพื่ออะไร?”
“จูเหรินของพวกเรานั้นเอ่ยว่าหากใครสามารถทำให้กู่ฉินนี้ส่งเสียงได้,กู่ฉินเครื่องนี้ก็จะมอบให้ผู้นั้น.”นอกจากนี้เถ้าแก่คนดังกล่าวยังเผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“นอกจากนี้,สินค้าในร้านนี้ทุกอย่างสามารถหยิบนำไปได้ตามใจ.”
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิงที่ตะลึงไปเหมือนกัน,แม้แต่หวงจิวยังเผยความประหลาดใจ.
“พูดจริงรึ? ขอเพียงทำให้กู่ฉินนี้ส่งเสียงก็พออย่างงั้นรึ?”ฟ่านเซิงที่เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง.
เถ้าแก่ที่เผยยิ้ม“ถูกต้อง.”
ฟ่านเซิ่งได้ก้าวเข้ามา,มือทั้งสองวางบนสายกู่ฉิน,ขณะพยายามดึงสายหน้าดำหน้าแดง,ทำให้หวงจิวและฟ่านอี้หลานตะลึงไปเหมือนกัน,คาดไม่ถึงว่าจะไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย.
ฟ่านเซิ่งที่ใช้พลังระดับจักรพรรดิโบราณ,มือของเขาที่เปล่งแสงจ้า,พยายามอย่างสุดความสามารถแต่กับไม่อาจขยับสายของมันได้เลย.
รู้สึกว่าสายของมันนั้นหนักมากราวกับมีน้ำหนักมากกว่า หนึ่งแสนล้านตัน.
ฟ่านอี้หลานที่สงสัย,ก้าวเข้าไปทดสอบเช่นกัน,ทว่ากับไม่อาจทำอะไรได้,ท้ายที่สุด,แม้แต่หวงจิวเองก็เข้าไปทดสอบ,แต่กับไม่อาจขยับสายมันได้เช่นกัน.
ลู่อี้ผิงที่ก้าวเข้าไป,มือขวาของเขาที่วางลงไป,ก่อนที่จะขยับนิ้ว,เสียงของกู่จิวที่ราวกับสายฟ้าสวรรค์ที่สนั่นหวั่นไหวดังกึกก้องไปทั่วทั้งพื้นที่การค้าชิงหยาง.
มังกรทมิฬใหญ่ยักษ์ที่ผุดออกมาจากกู่ฉิน,มันได้คำรามลั่นดังกึกก้องกังวานไปทั้งสวรรค์และปฐพี.