Chapter 102 Grand Pure Sword School came the great person
太清剑派来了大人物
งานชุมนุมนิกายกระบี่นั้น,มีผู้ฝึกตนมากมายจากทั่วสารทิศ.
ที่เชิงเขานั้นมีเนินขนาดใหญ่,เวลานี้เต็มไปด้วยรถลากจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน,พร้อมกับสัตว์ลากแตกต่างชนิดกันส่งเสียงจอแจ.
“คุณชาย,พวกเราเองก็ต้องการเข้าร่วมงามชุมนุมกระบี่ด้วย.”ฟ่านอี้หลานเอ่ยด้วยท่าทางขวยเขิน,“พวกเรารู้ว่าทักษะกระบี่ตัวเองนั้นธรรมดา,ความแข็งแกร่งทั่วไป,ทว่าก็ต้องการลงทะเบียนเข้าร่วมเก็บประสบการณ์.”
ลู่อี้ผิงเอ่ย“เวลานี้ยังไม่มีอะไร,ข้าจะไปกับพวกเจ้า.”
ฟ่านอี้หลานเผยความดีใจ“ขอบคุณคุณชาย.”
ในเวลานั้นพวกเขาได้ตรงไปยังยอดเขาบนเนินตรงกลางเป็นสถานที่ลงทะเบียน.
หลังจากมาถึง,พวกเขาก็เห็นแถวลงทะเบียนยาวไม่รู้กี่ลี้,ฟ่านอี้หลานและน้องชายถึงกับชงักงัน.
“จูเหริน,ข้ารู้จักอาวุโสสองสามคนของนิกายกุยหยวน,ให้เขาช่วยลงทะเบียนดีหรือไม่?”หวงจิวเอ่ยต่อลู่อี้ผิง.
ก่อนหน้านั้น,นางอยู่ในนิกายเทวะฟินิกซ์ของจิวเทียน,ซึ่งทั้งสองนิกายนั้นมีมิตรภาพที่ดีต่อกันอยู่เล็กน้อย,ดังนั้น,นางจึงรู้จักอาวุโสของนิกายกระบี่กุยหยวนเช่นกัน.
“อืม,ไปเถอะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
หวงจิวที่จากไป.
“งานชุมนุมกระบี่นิกายกุยหยวนครั้งนี้,นับเป็นงานใหญ่ที่สุดในดินแดนซั่งเซิง,เหล่าตระกูลใหญ่มากมายจากทุก 34 มนทล เกรงว่าจะลงทะเบียนเข้าร่วมทั้งหมด.”
“ไม่ใช่แค่เขตแดนซั่งเซิง,แม้แต่ศิษย์จากนิกายใหญ่เขตแดนอื่นก็ยังมา,แม้แต่ศิษย์สำนักกระบี่ไท่ชิงก็ยังส่งศิษย์มาเข้าร่วมด้วย!”
“กระทั่งศิษย์สำนักกระบี่ไท่ชิงก็มาอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ใช่แค่สำนักกระบี่ไท่ชิง,สำนักเหล่ยหยางเองก็ส่งศิษย์เข้าร่วมด้วย!”ผู้คนรอบ ๆ ที่เอ่ยกล่าวเสียงดัง.
แม้นว่านี่จะเป็นงานชุมนุมกระบี่นิกายกุยหยวนที่มียอดฝีมือทั่วทั้งดินแดนซั่งเซิงเข้าร่วม,ทว่าก็มีนิกายใหญ่หลายนิกายจากดินแดนอื่นส่งศิษย์เข้าร่วมตามธรรมเนียม.
เห็นชัดเจนนี่คืองานชุมนุมนิกายกระบี่ที่ใหญ่โต.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้ยินคำพูดดังล่าว,ก็หัวเราะเบา ๆ,“ไม่คาดคิดเลยว่าสำนักกระบี่ไท่ชิงจะส่งศิษย์เข้าร่วมงาน,ไม่รู้ว่าเป็นเทพแท้จริงหรือเทพสวรรค์.”
ฟ่านเซิ่งเอ่ย“งานชุมนุมกระบี่นิกายกุยหยวนก็เหมือนกับงานชุมนุมดินแดนซั่งเซิง,สำนักกระบี่ไท่ชิงควรจะส่งยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์เข้าร่วม.”
ลู่อี้ผิงที่ยังคงสุขุมดูไม่แยแส.
ไม่นานหลังจากนั้น,หวงจิวที่ออกไปก็นำอาวุโสนิกายกุยหยวนกลับมา.
“อาวุโสเจียงเฟิง,นี่คือจูเหรินของข้า.”หลังจากกลับมา,หวงจิวที่กล่าวแนะนำลู่อี้ผิงต่อฝ่ายตรงข้าม.
อาวุโสเจียงนิกายกระบี่กุยหยวนได้ยินหวงจิวเอ่ยว่าชายหนุ่มชุดน้ำเงินคือเจ้านายก็ประหลาดใจ,เขารู้ว่าหวงจิวนั้นเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริง.
นอกจากนี้ร่างหลักยังเป็นสัตว์เทวะฟินิกซ์อมตะทองคำ,กับถูกกำราบ,เช่นนั้นชายชุดน้ำเงินนี้คือเทพสวรรค์อย่างงั้นรึ?
เจียงเฟิงที่กล่าวลองเชิง“ไม่รู้ว่าเรียกคุณชายว่าอะไรอย่างงั้นรึ? มาจากดินแดนใด?”
“ลู่อีผิ้ง.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแสเอ่ยออกมาว่า“พวกเราเพิ่งเข้ามาในจิวเทียนจากพิภพเหิงหยวน.”
พิภพเหิงหยวน?
ตระกูลลู่รึ?
เจียงเฟิงที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
เขาที่พูดคุยกับลู่อี้ผิงอีกไม่กี่คำ,ก่อนที่จะนำพวกลู่อี้ผิงไปยังห้องโถงลงทะเบียนโดยตรง.
“ผู้ก่อตั้งของเจ้าไม่อยู่รึ?”ระหว่างทางลู่อี้ผิงเอ่ยถามเจียงเฟิง.
เจียงเฟิงที่ตะลึงงัน,ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่มาจากพิภพเหิงหยวน,จู่ ๆ กับถามเขาเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งทันที.
“อืม,ผู้ก่อตั้งนั้นได้รับเชิญจากนิกายอรหันต์ซู่มี่จากดินแดนไท่สวี,จึงได้เดินทางไปยังดินแดนไท่สวี.”เจียงเฟิงเอ่ย,เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ,ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องปกปิด.
“ไปดินแดนไท่สวีรึ?”ลู่อี้ผิงขมวดคิ้วไปมา.
ในเวลานั้น,ผู้คนรอบ ๆ ที่ส่งเสียงอื้ออึง.
“ยอดฝีมือสำนักกระบี่ไท่ชิงมาถึงแล้ว!”ในฝูงชน,ไม่รู้ว่าใครที่เอ่ยกล่าวออกมา.
ทันใดนั้นก็พบว่าคนจากยอดเขากุยหยวนได้เร่งรุดออกจากตำหนักบนเขาเร่งรีบออกมาต้อนรับคนจากสำนักกระบี่ไท่ชิง.
เจียงเฟิงที่จ้องมองไปยังลู่อี้ผิง,ยกมือประสานเอ่ยต่อหวงจิว,เผยท่าทางกระวนกระวาย“ท่านทั้งหลาย,ขออภัยด้วย,โปรดรอที่นี่,แล้วข้าจะกลับมานำทุกท่านไปลงทะเบียน,ข้าจะต้องรีบกลับไปก่อน.”จากนั้นเขาก็บินตัดอากาศไป,เพื่อออกไปต้อนรับสำนักกระบี่ไท่ชิงพร้อมกับคณะของนิกายกระบี่กุยหยวน.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเห็นท่าทางของคนนิกายกระบี่กุยหยวนตาลีตาเหลือกออกไปต้อนรับสำนักกระบี่ไท่ชิง,เอ่ยออกมาว่า“สำนักกระบี่ไท่ชิงส่งผู้ยิ่งใหญ่ผู้ใดมารึอย่างไร?”
หากไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่,คงไม่ส่งผู้คนมากมายขนาดนั้นไปต้อนรับ.
“ควรจะเป็นเทพสวรรค์!”ฟ่านเซิ่งเอ่ย.
แม้นว่านี่จะเป็นงานชุมนุมกระบี่ที่ใหญ่โต,ทว่าก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้จ้าวพิภพสนใจเข้าร่วม.
ดังนั้น,สำนักกระบี่ไท่ชิงเองก็ควรส่งยอดฝีมือเทพสวรรค์เท่านั้นเข้าร่วม.
แน่นอน,แม้นว่าจะเป็นเทพสวรรค์,ทว่าก็ไม่ควรมีชื่อเสียงมากพอที่จะทำให้คนของนิกายกระบี่กุยหยวนจำนวนมากออกไปต้อนรับใหญ่เช่นนี้.
เหล่ายอดฝีมือนิกายกระบี่กุยหยวนจำนวนมากที่ออกไปต้อนรับ,ที่ไกลออกไปนั้น,ขบวนของสำนักกระบี่ไท่ชิงที่มาถึง,ผู้นำของพวกเขา,ก็คือบรรพชนชราสำนักกระบี่กุยหยวน,อู๋จินกัว,เทพสวรรค์ขั้นกลาง.
ด้านหลังอู๋จินกัวนั้น,เป็นอาวุโสสูง,และอาวุโสมากมาย,จำนวน 40-50 คน.
ประมุขน้อยตระกูลโหลวพิภพเหิงหยวน,โหลวเจิ้นและโหลวถง,ก็อยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย.
ก่อนหน้านั้นงานวันเกิดของโหลวหนิง,เฉียงเหลียงได้สังหารหลินอี้และหยวนอี้หัวบรรพชนชราสำนักกระบี่ไท่ชิง,โหลวเจิ้นและโหลวเถิงเป็นคนนำศพทั้งสองกลับสำนักกระบี่ไท่ชิง.
ทั้งสองที่นำศพหลินอี้และหยวนอี้หัวกลับสำนักกระบี่ไท่ชิง,พวกเขาเป็นคนรู้จักของอู่จินกัว,ดังนั้นอู่จินกัวจึงรับทั้งสองเป็นศิษย์,ดังนั้นทั้งสองจึงได้ตามอู๋จินกัวมายังงานชุมนุมกระบี่เพื่อเก็บประสบการณ์ครั้งนี้ด้วย.
อู๋จินกัวเอ่ยออกมาเล็กน้อย“พรุ่งนี้งานชุมนุมนิกายกระบี่,พวกเจ้าจงคอยสังเกตและศึกษาทักษะกระบี่จากยอดฝีมือทั่วทั้งดินแดนซั่งเซิงให้ดี,โดยเฉพาะห้าอัจฉริยะกระบี่ของดินแดนซั่งเซิง,มันจะช่วยยกระดับทักษะกระบี่ของพวกเจ้าได้มาก.”
“ได้ยินมาว่าคุณชายกระบี่อสนีฉู่เสวียนเป็นลูกหลานของท่านฉู่ถง เป็นหนึ่งในห้าอัจฉริยะกระบี่”โหลวถงที่เอ่ยกล่าวออกมา.
อู๋จินกัวพยักหน้ารับ“ฉู่เสวียนเป็นลูกหลานฉู่ถงที่มีพรสวรรค์กระบี่ที่ดี,ได้ยินว่าเป็นผู้นำของอัจฉริยะห้ากระบี่,ทว่าหากเอ่ยถึงทักษะกระบี่,ต้องเป็นผู้นำศิษย์ซุนหงหยวน,ทักษะกระบี่ของเขานั้นเหนือกว่าคนอื่น ๆ,ไว้พบกับซุนหงหยวน,ข้าจะแนะนำให้รู้จักอีกครั้ง.”
“ในช่วงนี้,หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจสามารถเข้ามาสอบถามขอคำชี้แนะได้.”
ทั้งสองที่แสดงความเคารพ.
“หลังจากสงครามนิกายพุทธะไท่ฮัว,ลู่อี้ผิงก็หายตัวไปเลย,ไม่รู้ว่าไปที่ใหน.”โหลวถงที่เอ่ยออกมาทันที.
อู๋จินกัวที่เอ่ยเสียงเย็นชา“คนผู้นี้มันจะกำแหงมากไปแล้ว,ถึงกระบี่ไท่ชิงของพวกเราไม่สังหารมัน,แต่ซ่างเหรินจินกวน,สำนักโหยวหมิงจื่อ,คงไม่ปล่อยมันแน่,นอกจากนี้มันยังสังหารคนของเผ่าปิศาจจื่อจีอีก,คงถูกหมายหัวจากเผ่าปิศาจจือจีแล้ว.”
“มันจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่กัน.”
ไม่นานหลังจากนั้น,บรรพชนชรานิกายกุยหยวนฉิวเยว่ก็นำหัวหน้าศิษย์ซุนหงหยวนและเหล่าอาวุโสสูงตลอดจนอาวุโสจำนวนมากมาต้อนรับอู๋จินกัว.
“พี่จินกัวและสำนักกระบี่ไท่ชิงทุกท่าน,นิกายกุยหยวนขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน.”ฉิวเยว่นิกายกุยกวนที่ยกมือประสานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
อ็จินกัวหัวเราะ.“น้องฉิวเยว่เกรงใจกันไปแล้ว,พวกเรามาในครั้งนี้,ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของเจ้าเช่นกัน.”
ในเวลานั้น,อู๋จินกัวและฉิวเยว่,ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ ได้แนะนำโหลวถง,โหลวเจิ้นและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของสำนักกระบี่ไท่ชิง.
โหลวถงเอ่ยด้วยรอยยิ้มต่อซุนหงหยวน“ได้ยินมาว่าทักษะกระบี่ของศิษย์พี่ซุนหงหยวนนั้นโดดเด่นมาก,เห็นกลิ่นอายของท่านแล้ว,ช่างสมคำร่ำลือยิ่งนัก.”
ซุนหงหยวนหัวเราะเบา ๆ,“ศิษย์น้องโหลวถงชื่นชมไปแล้ว.”
ทั้งสองที่ทักทายกันอย่างสุภาพ.
จากนั้นฉิวเยว่,ซุนหงหยวนและคนอื่น ๆ ก็นำทางคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน.
พวกเขาที่บินตรงไปยังห้องโถงใหญ่.