ตอนที่ 25 ดาบศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่คําพูดนั้นได้ออกจากปากของเขาทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที!
ทุกคนในงานประมูลนั้นดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจราวกับว่าสายฟ้าได้ผ่าลงในใจของพวกเขา!
นั่นเป็นเพราะคนที่พูดไปนั้นคือเจ้าของการประมูลซึ่งเขายังเป็นหนึ่งในสามผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเจียเห่ย ผู้ฝึกตนที่ไม่มีใครเทียบได้ที่มีระดับถึงแก่นหลักว่างเปล่าขั้นต้น!
และรวมถึงการที่เขาแสดงความเกรงต่อชายหนุ่มคนนั้นอีก!
นั่นแสดงว่าระดับของชายหนุ่มคนนั้นสูงกว่าเจ้าของงานประมูลอีกงั้นหรือ? นั่นแสดงว่าอย่างน้อยที่สุดเขาต้องอยู่ในระดับแก่นหลักว่างเปล่าขั้นสูงไปแล้ว!
หรือเป็นไปได้ไหมว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ได้ไปถึงระดับแก่นหลักแท้จริงไปแล้ว?
เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้การแสดงออกของเฟิงยี่ไถ่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและร่างกายของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นอย่างรุนแรง
หากชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งเข้าสู่ระดับแก่นหลักว่างเปล่าได้ เจ้าของงานประมูลคงไม่แสดงความเกรงต่อชายคนนั้นแน่นอน!
หนี!
เขารู้ว่าตอนนี้เขาต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด!
ในตอนนี้ในหัวของเฟิงยี่ไถ่นั้นคิดที่จะหนีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หากระดับของชายหนุ่มคนนี้ทําให้เจ้าของบ้านประมูลแสดงความเกรงออกมามาก มันคงเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะทําลายนิกายเลือดทมิฬได้ใช่ไหม?
ทันใดนั้นดาบเล่มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของเฟิงยี่ไถ่
ดาบเล่มเล็กนี้เป็นสมบัติที่เขาได้รับมาจากสุสานดาบในครั้งนั้น นอกจากนี้ยังเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
ตราบใดที่เขาบดขยี้ดาบขนาดเล็กนี้ได้เขาจะสามารถหลอมรวมเส้นลมปราณของเขาเข้ากับพลังฉีของดาบลึกลับในร่างกายของเขาและเปลี่ยนเป็นดาบเล่มยาวที่คมกริบออกมาได้ และความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าในสถานะนั้น
นี่เป็นสิ่งของที่มีค่าที่สุดของเขาและเป็นไพ่ตายเพียงอย่างเดียว ถ้าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับความตายเขาคงไม่คิดที่จะใช้มันแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้สีม่วงในหุบเขา ยาฟื้นวิญญาณ หญ้าซิงเจียนหรือดาบเล่มเล็กนี้พวกมันไม่สําคัญเลยเมื่อเทียบกับชีวิตของเขา และเขาต้องเอาตัวรอดจากที่นี่ไปให้ได้!
ชิ้งงง!
ทันใดนั้นร่างของเฟิงยี่ไถ่ก็เปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นลำแสงก่อนจะออกจากงานประมูลไป
ภายในลานกว้างทั้งสองแห่งของเมืองเจียเห่ยนั้น ชายวัยกลางคนสองคนได้เงยหน้าไปมองดาบพลังฉีอันแหลมคมที่พุ่งออกมาจากงานประมูล
"ระดับของคนๆนี้อยู่ขั้นสูงสุดของรูปแบบจิตวิญญาณสีม่วงแน่ เขาต้องใช้อะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ความเร็วในขั้นกลางของผู้ฝึกตนในระดับแก่นหลักว่างเปล่าแน่ๆว่ามั้ย?"
"ความสามารถแบบนี้ค่อนข้างหายาก แม้แต่ข้าเองก็อาจจะตามเขาไม่ทันก็ได้!"
ชายวัยกลางคนสองคนอดไม่ได้ที่จะสบตากันเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้
แต่สิ่งที่ทําให้พวกเขาค่อนข้างสงสัยคือแหล่งที่มาของความผันผวนของพลังงานมหาศาลเหล่านี้มาจากงานประมูล จากรูปลักษณ์นั้นดูเหมือนว่าเขาจะกำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าของงานประมูลเป็นคนที่กำลังตามล่าชายคนนี้?
ทั่วทั้งเมืองเจียเห่ยนั้นบุคคลเดียวที่สามารถทำให้ผู้ฝึกตนระดับรูปแบบจิตวิญญาณสีม่วงขั้นสูงสุดใช้ไพ่ตายของเขาเพื่อหนีไปคือเจ้าของงานประมูลเท่านั้น
ในขณะที่หลายๆคนกำลังตกใจอยู่นั้น เฟิงยี่ไถ่เขาได้ผ่านทั้งเมืองไปแล้วและกำลังอยู่ชานเมืองเจียเห่ย
ดาบพลังฉีที่แหลมคมบนร่างกายของเขากําลังทะลวงท้องฟ้าและพุ่งไปทางเทือกเขามรณะ
แต่ทันใดนั้นเหล่าผู้ฝึกตนก็ได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจขึ้นมา!
ทันใดนั้นดาบศักดิ์สิทธิ์อันงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ก็ปรากฏขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง และมันทะลุผ่านชั้นเมฆนับไม่ถ้วนโดยที่มีพลังงานสายฟ้าอันน่ากลัว ทันใดนั้นมันก็ปรากฏขึ้นเหนือเฟิงยี่ไถ่!
ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่น่ากลัวบางอย่างอยู่ ซึ่งพลังของดาบนั้นแทบจะฉีกร่างของเฟิงยี่ไถ่ออกจากกันได้!
การแสดงออกของเฟิงยี่ไถ่เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาได้เห็นสิ่งนี้และเขารู้สึกว่าการลงทัณฑ์ที่ใกล้เข้ามาก็เกิดขึ้นในใจของเขา
หลังจากนั้นภายใต้การจ้องมองของผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นก็ปล่อยพลังงานสายฟ้าและฟาดฟันไปที่เฟิงยี่ไถ่!
"ไม่ข้ายังไม่อยากตายแบบนี้!"
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่สิ้นหวังได้ดังขึ้น เฟิงยี่ไถ่ตอนนี้ถูกพลังของดาบนั้นฟันเข้าอย่างจัง!
ตู้มมม!
ทันใดนั้นหลุมลึกหลายสิบเมตรได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน ในหลุมลึกนั้นยังคงเต็มไปด้วยประกายไฟจากพลังงานสายฟ้าอันน่ากลัว และร่างของเฟิงยี่ไถ่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
"เป็นไปได้ยังไง..."
เมื่อผู้ฝึกตนระดับแก่นหลักว่างเปล่าอีกสองคนได้เห็นแบบนี้ การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก สายตาของพวกเขาจ้องลงไปที่หลุมลึกและแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแบบนี้! ไม่ใช่พลังของฝึกตนระดับแก่นหลักว่างเปล่าแน่!
ไม่เพียงแค่นั้นหากพวกเขาต้องเผชิญกับการโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะโชคดีที่รอดชีวิตมาได้แต่พวกเขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส
สิ่งสําคัญที่สุดคือพลังงานสายฟ้าภายในดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวมาก แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นสามารถควบคุมพลังทําลายล้างนี้ได้อย่างง่ายดาย
นั่นหมายความว่าการควบคุมพลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก!
ผู้ฝึกตนคนนี้เป็นใครกันแน่? ความแข็งแกร่งของเขาไปถึงระดับแก่นหลักแท้จริงแล้วใช่ไหม?
แน่นอนว่าที่เมืองเจียเห่ยนั้นได้เคยเห็นผู้ฝึกตนระดับแก่นหลักแท้จริงมาก่อน แต่มันก็ผ่านมาห้าถึงหกปีแล้วที่คนๆนั้นได้ปรากฏตัวที่นี่
"นี่มัน...เขาต้องเป็นผู้ฝึกตนระดับแก่นหลักแท้จริงแน่ๆ..."
ไม่เพียงแค่ชายวัยกลางคนสองคนเท่านั้นที่ตกใจ แต่คนในงานประมูลเองก็ตกใจมากขึ้นเช่นกัน!
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอ่อนแอคนนี้ได้มาถึงระดับแก่นหลักแท้จริงที่ทรงพลังแล้ว!
เมื่อคิดได้แบบนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมอง ยื่อซวนด้วยความเคารพ
ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นประกอบกับความจริงที่ว่าเขาอายุเพียง 20 ปีและมีความพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ หรือว่าจะเป็นชายคนนั้น?!
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น เพราะระดับของคนๆนั้นจากนิกายชิงหยุนอยู่แค่แก่นหลักว่างเปล่าขั้นกลางเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้าวข้ามไปสู่ระดับแก่นหลักแท้จริงเพียงอายุแค่ 20 ปีได้ใช่ไหม?
เจ้าของงานประมูลลูบคางพร้อมกับคิดอย่างไตร่ตรอง
ในขณะเดียวกันหลินหยูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นได้แสดงออกมาถึงความกลัวด้วยเช่นกัน
โชคดีที่เขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นเหมือนเฟิงยี่ไถ่ก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นคนที่ต้องตายแทน
หัวหน้านิกายเลือดทมิฬกำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่และตอนนี้รองหัวของพวกเขาได้ตายไปแล้ว พวกเขาจะมีพลังในการต่อสู้กับหอคอยแห่งเงาต่อไปได้อย่างไร?
"พลัง! นี่คือพลังที่แท้จริงที่ข้าปรารถนามาตลอด!"
"พลังสัมบูรณ์เท่านั้นที่สามารถทําให้ศัตรูของข้ายอมจํานนได้"
เมื่อได้เห็นแบบนี้ หลี่ชิงหยานก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ยื่อซวนด้วยแววตาที่สดใส
ผู้ชายคนนี้ดูเด็กมากเขาอาจจะแก่กว่าเธอเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก เขาทําได้อย่างไรกัน?
หลังจากนั้นความคิดมากมายก็ปรากฏขึ้นในใจของหลี่ชิงหยาน
หากเธอมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเช่นนี้ตระกูลหลี่จะต้องกังวลเกี่ยวกับศัตรูของพวกเขาหรือไม่?
ไม่สิ มันต้องเป็นคนเหล่านั้นกล้าที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหลี่หรือไม่ต่างหาก?
ความรู้สึกของยื่อซวนนั้นเฉียบคมมาก ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของหลี่ชิงหยานได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสายตาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของหลี่ชิงหยานนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนกอย่างมาก