ตอนที่ 1180 ยิ่งสมองน้อยยิ่งดี
เพื่อจัดการซื่อเสิน สิ่งที่เตรียมไว้ก่อน ไม่มีส่วนของเทพหรดีซาฟงที่เป็นตัวปลอมของเย่ว์หยาง
เพื่อเก็บเป็นความลับเฮยโจวเรียกเป็นพี่เป็นน้องกับเขาอีกและซาฟงก็อยู่ใกล้ๆ นั้นเอง
เหมือนกับเป็นการแสดงความไว้วางใจกัน
แต่เขาเชื่อตัวเองเท่านั้น
ลึกลงไปในใจของเขา เฮยโจวกับจีอู๋ลี่ยังไม่วางใจเต็มร้อย สำหรับจ้าวซีและซวงหานนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมวางใจเต็มร้อย! ความต้องการในปัจจุบันนี้คือจำเป็นต้องร่วมมือกำจัดศัตรูร่วมกันพันธมิตรควรหันหน้าเข้าหากัน แต่ความไว้วางใจกันเป็นอีกเรื่องหนึ่งผู้ที่เชื่อมั่นในพันธมิตรอย่างแท้จริงก็เหมือนเชื่อมันในพี่น้อง ปัจจุบันนี้ซื่อเสินยังเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขาไม่ใช่เทพประจิมเฮยโฉวที่จะมาแทนที่เขา
นอกจากนี้ เฮยโจวรู้สึกว่าถ้าเขาบอกแผนทั้งหมดแก่ซาฟงและการจัดการทั้งหมดก็คงไม่ต่างอะไรกับสีซอให้ควายฟัง
เมื่อจำเป็นต้องใช้ความคิด ก็ควรหลีกเลี่ยงมิให้ซาฟงรู้เรื่องนี้
มิฉะนั้นเป็นไปได้ว่าเขาจะทำให้เรื่องยุ่งเหยิง
ด้วยความคิดเช่นนี้ เฮยโจวให้เย่ว์หยางรั้งอยู่ข้างหลังแค่กินดื่มและเล่นเท่านั้น ตราบใดที่เขาจะกลายเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่ได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“เทพหรดี ท่านเทพของข้าส่งข่าวดีกลับมาจะต้องเอาชนะศัตรูเดี๋ยวนี้!” แทนที่จะบอกว่าให้อยู่ด้วยกัน แต่มหาเสนาบดีเป่าซู่บอก ในวันที่สี่นับแต่เย่ว์หยางมาถึงน้ำตกควงหลัวสงครามเทพเริ่มอย่างเป็นทางการ และเย่ว์หยางถูกเตรียมให้เป็นหน่วยหน้ากล้าตาย
“ตกลง, อีกไม่กี่วัน ข้าจะได้แสดงอัจฉริยภาพของข้าสักทีซื่อเสิน! วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!” เย่ว์หยางแสดงบทบาทกระสุนปืนใหญ่ไร้สมองมาแล้ว ประมาณว่าช่วยๆ ส่งเขาออกไปตายเสียที
หลังจากผ่านไปหลายวัน เย่ว์หยางเริ่มแสดงได้ดี
เขาไม่สามารถใช้เงาได้
บทบาทตัวรองๆ ย่อมมีคุณสมบัติแน่นอน
เขาถือกล่องอาหารเป็นการสงบอารมณ์ทางจิต บางครั้งภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับจักรพรรดิราชสำนักก็คล้ายกับเย่ว์หยางตอนนี้ ต้องทุ่มเทความสามารถทั้งหมดการตายของตัวละครรองๆ แบบนี้จะหาได้จากไหน?
มหาเสนาบดีเป่าซู่ชำเลืองมองตอนแรกเขาคิดว่าคนอย่างซาฟงถ้าไม่ส่งเข้าสนามรบเป็นหน่วยหน้ากล้าตายก็คงรู้สึกเสียใจต่อพวกเขาเองเป็นแน่คนสติปัญญาแบบนี้หลอกง่ายในเวลานี้เขายิ่งเพิ่มความเคารพเฮยโจวมากกว่าหมื่นปีที่แล้วเสียอีก เทพของเขาปล่อยเทพหรดีซาฟงไว้ให้ฝึกฝนอย่างลับๆ เขาไม่เคยเข้าใจเหตุผลก่อนหน้านี้นั่นกลับกลายเป็นหมากพิเศษที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปหมื่นปี! สูงส่งจริงๆเป็นแผนการที่สูงส่งของท่านเทพของเรา จะสอนผู้คนก็ต้องมีการลงทุน
เย่ว์หยางมาพร้อมกับมหาเสนาบดีเป่าซู่
เมื่อมาถึงสนามรบ
ในทันใดนั้น
เขาเห็นซื่อเสิน!
ก่อนหน้านี้ เย่ว์หยางเคยนึกถึงภาพซื่อเสินเป็นหมื่นครั้งเดาว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขาจะเป็นอย่างไร สูง เตี้ย อ้วน ผอม?
เมื่อเห็นตอนนี้ เขาพบเป้าหมาย ความรู้สึกแรกของเย่ว์หยางคือไม่ใช่ว่าคนผู้นี้จะมีส่วนคล้ายภาพที่เขาจินตนาการแต่ไม่เหมือนใคร! ทั้งสวรรค์และโลก มีคนเดียวไม่มีใครเลียนแบบได้และไม่มีใครแทนที่ได้
นี่คือซื่อเสิน!
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา เทพบูรพาซื่อเสิน!
เสื้อผ้าอาภรณ์แตกต่างจากคนอื่นในขุนเขาเหนือขุนเขาเสื้อผ้าของซื่อเสินนั้น เหมือนกับมือกระบี่โบราณที่เคยเห็นก่อนเย่ว์หยางข้ามโลกเสื้อสีขาวเขียว ชุดยาวคาดเอวด้วยผ้าไหมสีแดงไม่มีเครื่องประดับตกแต่งผมเปียกสีดำเปียกน้ำคิ้วชี้เฉียง ดวงตาที่ห้าวหาญเหมือนกับมีไฟฟ้า ดูหยิ่งแต่สง่างามถือว่าเป็นบุรุษรูปงาม จับคู่กับวัตถุเรียบง่ายที่สะพายอยู่บนหลังของเขากระบี่เทพวิถีกำศรวลกระบี่คู่มือ พลังเทพที่ไม่มีอารมณ์ ทั้งมือกระบี่และกระบี่วิเศษทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสงบลงได้ เย่ว์หยางอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ โชคดีไม่มีสาวๆอยู่ใกล้ๆ
ความจริงแล้วซื่อเสินมีบุคลิกแบบใดกันแน่
ผมยาวของเขาชี้ขึ้นฟ้า
ริมฝีปากเย็นชาไม่ได้พูดอะไร
ใครกำลังสู้อยู่ที่นอกภูเขา
“เจ้าไม่ได้ออกแบบโลงศพต่อหน้าซื่อเสินหรือ? ทำไมเจ้าไม่ทำเล่า? ชี่เฉียวเจ้าทำงานยังไง? ตอนนี้เจ้ายังจะรออะไรอีก? มาเลยทุกคนมาร่วมกันจัดการเจ้าผู้นี้ ข้าอดทนกับเขามาหมื่นปีแล้วตอนนี้ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป!”เย่ว์หยางถือกงจักรระดับกึ่งเทพตะโกนว้าก พร้อมกับวิ่งเข้าหาซื่อเสิน “ข้าเห็นมานานแล้ว ข้าไม่พอใจเจ้าชื่อเสียงเจ้าไม่ดี ชื่อเสินแปลว่าสังหารเทพ มันไม่เข้ากับหน้าหล่อๆ อย่างเจ้านอกจากนี้เจ้าทำให้สาวน้อยลุ่มหลงอยู่กับเจ้า ทำให้ข้าต้องใช้ชีวิตเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเจ้ารู้ไหมว่ามันเป็นความผิดครั้งใหญ่ขนาดไหน?”
คำพูดที่เย่ว์หยางพูดออกมาครั้งนี้ทำให้ทุกคนที่ได้ยินหลั่งเหงื่อราวกับน้ำตก
โชคดีที่เขาถูกเรียกให้มาสู้ท้ายๆศึกแล้ว
มิฉะนั้นหลายๆคนคงอ่อนแรงกันหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮยโจวกรีดร้องอยู่ในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาระวังมาก่อนและปล่อยให้ซาฟงรออยู่ข้างหลัง เท่าที่เขากังวลก็คือปากของเขาไม่ดีอาจทำให้ต้องหยุดแผนการได้... นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป ทั้งสองเป็นยอดฝีมือไร้ผู้ต่อต้านทำให้ผู้คนคลั่งไคล้และสับสนได้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าในช่วงวิกฤติอย่างนี้ซาฟงจะเป็นแบบนี้เขาตะโกนสั่งชี่เฉียวที่เป็นจีอู๋ลี่ปลอมตัวให้หันหน้าไปเผชิญกับซื่อเสินเตรียมใช้มีด
เป็นภาพที่จินตนาการไม่ออกจริงๆ
เฮยโจวออกหน้าเอง!
อย่างไรก็ตามเขาไม่สังสัยเลยว่าซาฟงกำลังถือโอกาสรายงานต่อซื่อเสินประการแรกคือซาฟงคงไม่ทำอย่างนี้แน่ ประการที่สองคือซาฟงจะทำเช่นนี้เขาไม่สามารถทำอย่างอื่น ประการที่สามสำหรับเจ้าโง่ซาฟง จะไม่ได้อยู่ตะโกนใส่ใครในโลกนี้อีกต่อไปนี่ไม่ใช่เรื่องความลับ ถ้าเขามีสติปัญญาดีใครจะเอาตัวมาทำเป็นกระสุนปืนใหญ่?
เย่ว์หยางโจมตีซื่อเสินแต่ถูกตอบโต้หนึ่งดรรชนี
กระเด็นออกมาร้อยเมตร
เขาหันหลังกลับและวิ่งไปอยู่ข้างหน้าชี่เฉียวซึ่งเป็นจีอู๋ลี่ปลอมตัวและตวาดใส่จีอู๋ลี่ “เจ้าทำหน้าที่ลอบฆ่าซื่อเสินไม่ใช่หรือทำไมเมื่อครู่นี้เขาใช้แค่นิ้วเดียวก็เหวี่ยงออกมาไกลถึงเพียงนี้? ทำไมเจ้าถึงไม่ลงมือ อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
“ข้าทำสำเร็จแล้วและซื่อเสินก็ได้รับบาดเจ็บและความแข็งแกร่งลดลงอย่างน้อยสามในสิบ” จีอู๋ลี่ที่ปลอมตัวเป็นชี่เฉียวดูเหมือนจะไม่เต็มใจจะคุยกับเย่ว์หยางราวกับกลัวจะติดเชื้อโง่ ทันทีที่เย่ว์หยางบินเข้ามาใกล้เขาถอยห่างทันทีและบังคับให้เย่ว์หยางถอยกับไป “การที่ซื่อเสินตีเจ้ากระเด็นด้วยนิ้วมือเดียวเป็นเพราะเจ้ามันอ่อนแอเกินไป คำอธิบายนี้สมเหตุผลหรือยัง?”
“มีเหตุผล เจ้าพูดมีเหตุผล!” เย่ว์หยางในร่างซาฟงเมื่อได้ยินเขาหันไปกัดฟันพูด “ข้าว่าเจ้าเป็นศัตรูคนหนึ่ง เจ้าไม่ได้สังหารซื่อเสิน!”
“น่ารำคาญ” จีอู๋ลี่กระโดดออกไปเป็นกิโลเมตร
“น้องซาฟง ตอนนี้เราต้องสู้กับซื่อเสิน” เฮยโจวรีบเข้ามาห้ามปรามอย่างรวดเร็วแค่บอกว่าเขาสามารถทำได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
“ซื่อเสินต้องถูกฆ่าแน่นอนแต่เจ้าผู้นี้ยอมแพ้และหนีศัตรู ข้าไม่ยอมเชื่อเขาแล้ว” เย่ว์หยางดิ้นรน เฮยโจวยากจะควบคุม แต่โชคดีที่ซื่อเสินมองดูอย่างเย็นชา ไม่ฉวยโอกาสลงมือมิฉะนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี!
“เจ้าไม่ยอมเลิกราเพราะเจ้าเห็นเขาเปลี่ยนเป็นลักษณะชี่เฉียวใช่ไหม?” ซวงหานเข้าใจอารมณ์ของซาฟงได้ดีกว่าคนอื่นเขาจึงกล้าคาดเดาเช่นนั้น
“จะเป็นไปได้ยังไงแม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่ไร้สาระ แต่ข้าก็ยังใจจดจ่อกับเรื่องใหญ่! ชี่เฉียวตายไปแล้ว ข้าปล่อยวางความชังความแค้นไปแล้ว ฮ่าฮ่าข้าจะเกลียดคนตายพลังอันดับแปดได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” เย่ว์หยางปฏิเสธทันที แต่สีหน้าของเขาสงสัย “เจ้าเดาออกได้อย่างไร”
“....” หลังจากได้ยินแล้ว เฮยโจวซวงหานและจ้าวซีหลั่งเหงื่อพรั่งพรู
“เฮ้อ...”จีอู๋ลี่ถอนหายใจและอธิบายอย่างอดทน “แน่นอนว่าข้าสามารถเปลี่ยนไปเป็นลักษณะปัจจุบันได้ แต่ตอนนี้รูปลักของชี่เฉียวมีประโยชน์มากกว่า!”
“มีประโยชน์หรือ? ข้ออ้างมากกว่า! ข้าคิดว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นชี่เฉียวเป็นเพราะเขาหล่อมากใช่ไหม? ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมไม่เปลี่ยนให้เหมือนข้าบ้างเล่า? นอกจากจะเป็นการเพิ่มเกียรติให้ข้าแล้วเจ้ายังสร้างความสับสนใจให้กับศัตรูได้เหมือนกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัวแต่เจ้าไม่ต้องปลอมให้เหมือนชี่เฉียวก็ได้ เจ้าคิดว่าไงบ้าง? เจ้ากำลังแสดงอย่างเปลือยเปล่าอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าข้าซาฟงโกรธ ถ้าเจ้าไม่ทำหน้าชี่เฉียวให้เป็นหัวหมูนั่นยากจะคลายความเกลียดชังของข้า!” เย่ว์หยางแสดงความอิจฉาริษยา และความเกลียดชังที่มากมายของเขา
“เขาไม่ใช่ชี่เฉียว ก็แค่เปลี่ยนลักษณะ!” ซวงหานอดเยาะเย้ยไม่ได้ เจ้าจำศัตรูเจ้าไม่ได้หรือ?
“ไม่สนโว้ย,ข้าไม่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของชี่เฉียวได้ ข้าจะไม่พอใจ เวลาข้าเห็นฉีเชี่ยวข้าอยากจะฆ่ามัน!” เย่ว์หยางคว้ากงจักร ซวงหานเริ่มโมโหเขาเหลือกตาอยากจะตบเจ้าโง่ผู้นี้ให้ลอยกระเด็นไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายิ่งนัก
“งี่เง่า”จีอู๋ลี่แค่นเสียงเย็นชา
ร่างของเขาไวกว่าสายฟ้าพันเท่า
กลายเป็นภาพเงาตามหลัง
ร่างจริงของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย...เดิมทีเขาต้องการดูการต่อสู้แต่เทพหรดีน่ารำคาญเกินไป ดังนั้นเขาล่วงหน้ากลับไปวางแผน
“ชี่เฉียวหนีไปแล้วทำไมพวกเจ้าไม่ห้ามเขา?” เย่ว์หยางวิ่งไปหาซวงหานและจ้าวซี
“อะแฮ่ม..เขาเป็นตัวปลอม เขาเป็นคนของเราเอง!” จ้าวซีอดกระแอมไม่ได้ ถ้าเขาไม่อธิบายเขาคงรู้สึกคันคอไม่โล่งคอ
“ข้ารู้ว่าเขาเป็นชี่เฉียวตัวปลอม แต่ไม่สามารถเปลี่ยนคืนร่างจริงได้อีกครั้งแล้วหรือ?ไม่มีอะไรน่าสงสัยจริงหรือ? ข้าไม่เชื่อคนผู้นั้น บางทีเขาอาจเป็นคนของสือเซิ่นเขาบอกว่าสือเซิ่นได้รับบาดเจ็บ เจ้าก็เห็นร่างทั้งหมดของสือเซิ่นแล้ว มีร่องรอยบาดเจ็บที่ไหน? ไม่มีมีบาดแผลไม่มีเลือดไหล นี่น่าสงสัยเกินไปแล้ว!” เย่ว์หยางเล่นบทบาทของซาฟง
“ซื่อเสินบาดเจ็บแน่นอนและนั่นเป็นแผลลับ” เฮยโจวรู้สึกว่าพูดไม่คล่องคออึดอัดเขาอดอธิบายบ้างไม่ได้ ขณะเดียวกันเขารู้สึกว่ายากจะได้รับความร่วมมือจากเจ้าบัดซบนี่ โชคดีที่เขาใกล้ตายมิฉะนั้นรู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น
“บาดเจ็บจริงๆหรือ? ก็ได้ เข้าใจแล้ว” เย่ว์หยางเล่นบทซาฟงเมื่อได้ยินแล้วตาเป็นประกายเต้นแร้งเต้นกากวัดแกว่งกงจักรของเขา “นี่คืองานแรกของข้าซาฟง ไม่มีใครชิงดาบวิถีกำศรวลและยานพญาครุฑได้ทั้งสองอย่างเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า หัวของซื่อเสินเป็นของข้าตราบเท่าที่ข้าฆ่าเจ้าได้ ข้าจะเป็นอันดับหนึ่งแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา”
ซวงหานและจ้าวซีพากันกุมขมับ
แม้ว่าเขาจะมีความคิดเช่นนั้นแต่เขาควรพูดต่อหน้าเฮยโจวหรือ? นี่เป็นเรื่องที่เทพประจิมทำเอง ใครจะชิงอันดับหนึ่งไปได้
แน่นอนพวกเขาเข้าใจว่าเป็นความอ่อนด้อยทางปัญญา ซื่อเสินเป็นผู้ยิ่งใหญ่และรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดาซาฟงผู้นี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับซื่อเสินแต่ทำไมถึงควบคุมกันไม่ได้เล็กน้อย?
เฮยโจวได้ยินเสียงเย่ว์หยางพูดดังสีหน้าของเขาอดหงุดหงิดไม่ได้
มุมปากของเขา
ยังคงยิ้ม
อย่างไรก็ตามกระสุนปืนใหญ่จะต้องถูกส่งไปตาย เขาคงทำตัวฉลาดเพื่อให้ไม่รู้สึกแย่ตอนตาย