ตอนที่ 1172 น้องชายเหมือนสมบัติล้ำค่า
วัตถุสมบัติโบราณไม่อาจย้ายได้ชั่วคราว
เย่ว์หยางมองหาชี่เฉียวและภรรยาและรู้สึกว่าไม่บอกเรื่องทั้งหมดดีกว่า เขาให้มุกมังกรร่างมนุษย์ถอยห่างออกไปพ้นรัศมีสิบกิโลเมตรเพื่อที่ว่าเขาเองจะได้ศึกษาเพิ่มเติมและให้ชี่เฉียวและภรรยาที่เพิ่งฟื้นคืนชีพได้กอดกันพูดคุยกันได้สะดวก แน่นอนว่าชี่เฉียวและภรรยาไม่คิดว่าจะมีอะไรขัดขวางในระหว่างพวกเขารีบสงบจิตใจและมาพบเย่ว์หยางที่กำลังศึกษามุกมังกรด้วยตัวเอง
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางต้องการรู้เรื่องขุนเขาเหนือขุนเขาจากชี่เฉียวเท่านั้น
ชี่เฉียวก็ต้องการรู้จักเย่ว์หยางเด็กหนุ่มปริศนาด้วย
“เจ้าเป็นทายาทของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกหรือ?” ชี่เฉียวมักจะคาดการณ์ไปในทำนองนี้เสมอ และคาดเดาว่าเย่ว์หยางเป็นคนข้ามโลกมาจากดินแดนอื่น
“ก็อาจเป็นไปได้” เย่ว์หยางทั้งไม่ปฏิเสธ และไม่ยืนยันเป็นการดีถ้าจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจผิด บางครั้งหลายๆ อย่างไม่อาจพูดตรงเกินไป มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะผิดหวังได้ตอนนี้ชี่เฉียวสงสัยว่าเย่ว์หยางเป็นทายาทของสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่สามารถพบเจอได้ตามปกติอย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งลี้ลับที่อยู่ในโลกไม่สิ้นสุดของคัมภีร์เงินจะเป็นหนึ่งในเทพมหาอัคคีหรือเทพสุดยะเยือกหรือไม่ ชี่เฉียวเข้าใจผิดก็ดีต่อเย่ว์หยางเช่นกัน ถ้าเย่ว์หยางยอมรับความจริงว่าเป็นบุคคลภายนอกก็อย่าหวังว่าชี่เฉียวจะบอกความลับที่แท้จริง
“เป็นไปตามคาดจริงๆ!” ชี่เฉียวดีใจแทบคลั่งเขาพยักหน้ากล่าว “นอกจากเป็นผู้สืบทอดของสองเทพผู้ยิ่งใหญ่แล้วข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนอื่นในโลกนี้จะยอดเยี่ยมเหมือนเจ้าได้ยังไง!”
“เอ่อ.. ท่านยกย่องเกินไปแล้ว!” เย่ว์หยางแกล้งโง่
เขาคิดกับตนเองเช่นนี้
อย่าแปะทองใส่หน้าของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก ถ้าพวกเขาต้องการลูกศิษย์จริงๆเกรงว่าจะพบเจอแต่สวะ จะเอามาเทียบกับเด็กหนุ่มข้ามโลกได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดออกมาอย่างนี้ เขาได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ
แล้วแกล้งทำตัวเป็นทายาทของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก
อย่างนี้จะได้เปรียบมากกว่า
ข้อได้เปรียบนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เย่ว์หยางเองคิดไว้มาก
เพราะชี่เฉียวไม่พูดอะไรเลยแต่เขาส่งมอบหอกกลืนมังกรไว้ในมือเย่ว์หยาง ในฐานะที่เป็นนักสะสมสมบัติเย่ว์หยางตะลึงคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกับสมบัติชนิดนี้นี่ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเขา บางทีอาจคิดว่าเขาอาจเป็นจีอู๋ลี่ปลอมตัวมาก็เป็นได้
นี่หมายความว่าอย่างไร? หอกกลืนมังกรเป็นอาวุธคู่ใจของชี่เฉียวไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาไม่พูดอะไรต่อ?
เย่ว์หยางสำรวจดูตัวเองตนเองก็ไม่ใช่เป็นเสือสางที่ไหนทำไมชี่เฉียวต้องนอบน้อมกับเขาด้วย?
เขาไม่เข้าใจ
อย่างชัดเจน
ชี่เฉียวยืนยันมอบหอกกลืนมังกรให้กับเย่ว์หยาง “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถดูแลมันได้ ที่สำคัญมันเป็นแค่สมบัติระดับกึ่งเทพ แต่หอกกลืนมังกรมีพลังของเทพมหาอัคคีหากเจ้าต้องการสืบทอดพลังของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพผู้ยิ่งใหญ่เพื่อเอาชนะเฮยโจ้วและจีอู๋ลี่ เจ้าต้องดูดซับพลังของเทพมหาอัคคีแม้ว่าจะมีปริมาณที่น้อยมาก แต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่แก่เจ้าได้ ข้าชี่เฉียวสูญเสียคัมภีร์อัญเชิญแต่ก็ยังเป็นเทพเทียม แม้เหลือพลังไม่ถึงสามส่วน ต่อให้มีความคิดจะช่วยซื่อเสินแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้... ข้าคงทำได้เพียงเท่านี้!”
“แต่นี่คืออาวุธคู่ใจท่าน!” เย่ว์หยางปากปฏิเสธแต่มือจับหอกกลืนมังกรไว้แน่น
“พลังของข้าไม่เพียงพอทำให้มันเปล่งอานุภาพออกมาสูงสุดได้อีกและข้าจะไม่เป็นเจ้านายมันอีกต่อไป เพื่อให้หอกกลืนมังกรได้ยกระดับพลังจะถึงขั้นสูงข้าตัดสินใจถอนการทำสัญญากับมัน และปล่อยให้มันเป็นอิสระ”
ดวงตาชี่เฉียวเต็มไปด้วยความรัก
เหมือนบิดาส่งธิดาเข้าสู่เรือนหอ เขาลูบหัวมังกรที่หอกเบาๆด้วยความรู้สึกเหมือนลูบศีรษะธิดารัก
แม้ว่าชี่เฉียวแสดงรอยยิ้มที่จริงใจและถอนสัญญาที่ทำไว้กับหอกกลืนมังกรในใจ หอกกลืนมังกรสั่นสะเทือนส่งเสียงเหมือนจั๊กจั่นร้องและเปล่งแสงสว่าง
มันได้รับอิสรภาพไม่ได้เป็นอาวุธคู่กายของชี่เฉียวอีกต่อไป
แต่แสงรัศมีของมันไม่ได้คลุมร่างชี่เฉียวเท่านั้นแต่คลุมทั้งเขากับภรรยา
อยู่เป็นเวลานาน
เสียงหึ่งๆ เสียใจจึงค่อยสงบลงเหมือนกับลูกที่กำลังจะออกเดินทางกล่าวคำอำลาบิดามารดาตนเอง
เย่ว์หยางมองดูด้วยความประหลาดใจ หอกกลืนมังกรสมบัติกึ่งเทพกลายเป็นสิ่งมีวิญญาณได้หรือนั่น? สมบัติชั้นเทพและชั้นศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติชั้นเทพ พวกมันมีเจตจำนงเป็นของตนเองและเลือกเจ้านายไม่มีแรงภายนอกที่ทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากของวิเศษระดับเทพแล้ว ของวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกันเพียงแต่จิตวิญญาณของระดับศักดิ์สิทธิ์ด้อยกว่าเล็กน้อยเงื่อนไขในการเลือกเจ้านายไม่เข้มงวดเท่าสมบัติระดับเทพ ถ้าผู้นั้นมีความแข็งแกร่งพอหรือเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะได้รับเลือกให้เป็นเจ้านาย
เทียบกับของวิเศษระดับเทพกับของวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว
สมบัติระดับกึ่งเทพใกล้เคียงระดับเทพแค่พลัง แต่ระดับสติปัญญาด้อยกว่าสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์
เหมือนกับเทพเทียมที่มีพลังใกล้เคียงกับเทพแท้ แต่เทพเทียมไม่อาจเทียบกับเทพแท้ได้...ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็คือไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ และเจตจำนงราชันย์
สมบัติระดับกึ่งเทพ พลังไม่อ่อนแอ
แต่พลังวิญญาณด้อยอยู่บ้าง
เทียบกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์จะมีเพียงพลังด้อยกว่า... ก็เหมือนกับเทพเทียมที่มีพลังแข็งแกร่งกว่านักสู้ปราณราชันย์ที่มีเจตจำนงราชันย์ แต่เทพเทียมมีพลังมากแต่ไม่มีทางมีเจตจำนงราชันย์ได้เลย
ตอนนี้เย่ว์หยางพบว่าหลังจากหอกกลืนมังกรถูกถอนสัญญาเป็นอิสระพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งปะทุออกมา เขาตกตะลึงและอดดีใจไม่ได้
ความสว่างของมันยังคงขยายต่อไป บางทีหอกกลืนมังกรนี้อาจพัฒนาขึ้นไปเป็นสมบัติชั้นเทพอย่างแท้จริงได้
อะไรคือเหตุผลทำให้มันมีความฉลาด?
หรือว่าเป็นเพราะพลังเทพของเทพมหาอัคคี?
หรือว่าชี่เฉียวจะช่วยฝึกฝนเป็นอย่างดีมาตลอดหมื่นปีหรือเป็นไปได้ว่าชี่เฉียวพอเริ่มเลิกสัญญาก็มีการกลายพันธุ์?
เย่ว์หยางไม่เข้าใจแต่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดี...สมบัติที่ไม่มีชีวิตไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด..ก็ถือว่าเป็นสิ่งประดิษย์ขยะ ของวิเศษที่แท้จริงจะต้องมีเจตจำนงนักสู้แฝงอยู่ด้วยอย่างมิต้องสงสัย เป็นเจตจำนงที่คงอยู่และไม่ดับสลายไปมันมีความรับรู้และจิตวิญญาณ
“ดูเหมือนว่าข้าทำถูกต้องแล้ว! ข้าฝังมันไว้กับตัวเป็นหมื่นปีแล้ว วันนี้เมื่อมันได้รับอิสรภาพมันกลับแสดงพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมา ข้าเห็นแก่ตัวจริงๆ หึหึ!” ชี่เฉียวมองดูหอกกลืนมังกรด้วยความตื่นเต้นประทับใจ รู้สึกเหมือนกับว่ามันคืออาวุธระดับเทพ
“อะแฮ่ม!” เย่ว์หยางรู้สึกละอายใจแม้ว่าหน้าของเขาจะหนาก็ตาม
สิ่งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับอิสรภาพของอาวุธเทพหรือการเปลี่ยนเจ้านายคนใหม่ความดีความชอบหลักก็คือการฝึกฝนบ่มเพาะระยะยาวของชี่เฉียว
ลองคำนวณอย่างเคร่งครัดไม่เกี่ยวกับเด็กหนุ่มจากโลกอื่น..เมื่อเห็นชี่เฉียวเริ่มวิจารณ์ตนเอง เย่ว์หยางอดเขินไม่ได้ เขาไม่เคยประสบความสำเร็จได้อย่างชี่เฉียวตัวอย่างเช่นเขาต้องการย้ายเทาเถี้ยหรือดาบจันทร์เสี้ยว เขาคงไม่ตำหนิมันไม่ต้องพูดถึงอสูรทองน้อย สองสาวพี่น้องอาวุธเทพร่างมนุษย์!
อย่าว่าแต่เรื่องการปล่อยวางเย่ว์หยางไม่เคยเอามาคิด
อย่างไรก็ตามวิธีปฏิบัติต่อสมบัติเทพนั้นทำได้
เป็นเรื่องง่ายที่จะพูด
เย่ว์หยางคำนับชี่เฉียวและภรรยาและรับมอบหอกกลืนมังกรอย่างสงบและให้คำมั่น “ถ้าเป็นไปได้ข้าจะเปลี่ยนมันให้เป็นหอกระดับเทพแน่นอนจะไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับ! แม้ว่ามันจะไม่เลือกข้าเป็นเจ้านายแต่ข้าจะหาเจ้านายที่ดีที่สุดเหมาะกับการใช้ชีวิตใหม่ให้ได้แน่นอน”
“ความจริงหอกกลืนมังกรไม่ใช่อาวุธวิเศษของข้า เมื่อเทพแห่งฟ้าเหนือฟ้านับร้อยบุกรุกราน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ข้าและคนอื่นๆเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำลายมิติดินแดนลับเทพสังหารเอาของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ออกมาสิบชิ้นหอกกลืนมังกรเป็นหนึ่งในนั้น” ชี่เฉียวถอนหายใจเล็กน้อย ในกลุ่มเทพข้าเกิดภัยพิบัติหลายครั้ง หอกกลืนมังกรถูกเทพเทียมยึดไปหลายครั้งแต่หลังจากเปลี่ยนมือจนกระทั่งเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสู้กับศัตรูครั้งสุดท้ายหอกกลืนมังกรจึงตกมาเป็นของข้า ข้าเองยังไม่ใช่เจ้านายที่มีคุณสมบัติถ้าเจ้ารับหอกกลืนมังกรไปดูแล มันจะเปล่งประกายอานุภาพได้ข้าไม่มีความสงสัยในอนาคตของเจ้า! ดีแล้วไม่ต้องพูดถึงข้อนี้อีกต่อไปเด็กหนุ่มบางทีเจ้าอาจไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ก่อนที่ข้าจะเร้นกายถอนตัว ข้าจะบอกเรื่องทุกอย่างกับเจ้าในปีนั้น ตอนนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยซื่อเสินได้!”
เย่ว์หยางได้ยินแล้วดีใจมาก นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ หากไม่ใช่ชี่เฉียวเริ่มพูดออกมาเอง แม้จะต้องสืบหาจนหมดโลกก็คงยากจะหาความริงได้สักหนึ่งในหมื่น
แปดเทพที่ไหนใครจะยอมบอกความจริง? ค่ายตะวันตกของเฮยโจ้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเกลียดชังเทพทักษิณเทียนโฉวก็เป็นสายลับที่ร้ายกาจที่สุด เทพอีสานชิงหวินก็ลอยตัวเหนือความขัดแย้งและหลีกเร้นโลก เหลือแต่เทพบูรพาซื่อเสินเพียงลำพังไม่มีใครเชื่อใจได้ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่บอกความลับ
ในที่สุดก็มีแต่เพียงเทพอาคเนย์ชี่เฉียวที่เขายอมพูด
ชี่เฉียวเก็บความลับทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีนั้น เขาพูดอย่างระมัดระวัง บางคนในค่ายตะวันตกของเฮยโจ้วยังไม่ทราบเป็นเทพมหาอัคคีเชื่อใจชี่เฉียว และชี่เฉียวบอกเย่ว์หยางทั้งหมดระหว่างนั้นฟังเย่ว์หยางไม่พลาดโอกาสในการตั้งข้อสงสัยหวังจะรวบรวมข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด
“มิติดินแดนลับเทพสังหารเป็นทางลับเชื่อระหว่างแดนฟ้าเหนือฟ้า ขุนเขาเหนือขุนเขาและหอคอยเหนือหอคอยหรือ?” เย่ว์หยางจำจุดนี้ได้จึงรีบถาม ชี่เฉียวให้คำตอบอย่างดีแต่ผลที่ได้ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกผิดหวังเล็กน้อย กลับกลายเป็นว่ามีอยู่ แต่อยู่ในดินแดนลับเทพสังหารแต่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกใช้ชีวิตผนึกเส้นทางนี้ไว้ ในอดีตเทพที่พ่ายแพ้มาถึงหอคอยเหนือหอคอยได้ร่วมกันปลดปล่อยผนึกยุคโบราณที่มีเทพปีศาจเว่ยกวงผู้ชั่วร้ายอยู่บางทีเจ้าคงไม่รู้จักเว่ยกวงผู้นั้น แต่นั่นคือราชาเทพปีศาจผู้น่ากลัว หากไม่ใช่ผนึกโบราณ เส้นทางจากหอคอยเหนือหอคอยขุนเขาเหนือขุนเขาจนถึงฟ้าเหนือฟ้า จะต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือเขา เพื่อผนึกเว่ยกวงนั่นไว้เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกจึงต้อง...”
“เจ้าเป็นทายาทของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองเจ้าสามารถผ่านเข้าผนึกของมหาเทพได้” ชี่เฉียวให้ความหวังที่ริบหรี่แก่เย่ว์หยาง
“ข้าจะลองดู!” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่ใช่ทายาทเขาเป็นตัวปลอม แต่ตอนนี้เขาจะลองเสี่ยงโชค
บางทีเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพผู้ยิ่งใหญ่กำลังกังวลว่าไม่สอนคนอื่นไว้กระมัง?
หรือว่าสิ่งลี้ลับจะเป็นหนึ่งในเทพนั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
อย่างนั้นหลายอย่างจะง่ายขึ้น!
ดินแดนลับเทพสังหารและพื้นที่มิติในนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจว่ารอให้จบเรื่องหรือกลับไปสำรวจ เรื่องสมบัติไม่ต้องพูดถึงแต่ความเชื่อมโยงหอคอยเหนือหอคอย ขุนเขาเหนือขุนเขาและฟ้าเหนือฟ้าแต่ผลประโยชน์อันดับหนึ่งคือที่ทางลับนี้ หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ยังจะเป็นอิสระหรือไม่?
ส่วนเทพปีศาจเว่ยกวงยังมีเวลาอีกครึ่งปี และเย่ว์หยางไม่มีเวลาสนใจเขา
หลังจากฆ่าเฮยโจ้วและจีอู๋ลี่เขาจะพยายามกลับไปหุบเขามนุษย์
สำหรับหุบเขาสวรรค์ถ้าพวกเทพทั้งหลายตายไปแล้ว เขาคงใช้เวลาผ่านด่านได้ง่ายโดยใช้เวลาไม่มาก
“เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วข้าตั้งใจจะถอนตัวอยู่เสมอ แต่ข้าทนดูซื่อเสินรับภาระเพียงคนเดียวไม่ได้จึงได้แต่กัดฟันทน ตอนนี้พลังเทพของข้าได้รับความเสียหายทั้งคัมภีร์อัญเชิญก็สูญเสียไปด้วย ข้าไม่สามารถทำอะไรที่เกินความสามารถของข้าได้ข้าคงจะกลับไปอยู่ในชนบทกับคนรักของข้าใช้ชีวิตอย่างเสรี!” ชี่เฉียวไม่เพียงแต่มอบหอกกลืนมังกรให้เย่ว์หยางเท่านั้นแต่ยังแบ่งพลังเทพที่เหลือสามส่วนกลั่นควบเป็นพลังเทพศักดิ์สิทธิ์และมอบให้เย่ว์หยาง
ตอนแรกเย่ว์หยางไม่รับ
แต่ชี่เฉียวหัวเราะ “ขอเพียงไม่สู้กับเทพ พลังเทพแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับข้า เจ้าไม่ต้องห่วง นอกจากนี้นอกจากนี้พลังเทพทั้งหมดของข้ามาจากการฝึกฝน ไม่ใช่พลังจากภายนอกไม่ใช่ว่าจะฟื้นฟูไม่ได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนาน อาจฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ในช่วงหลายพันปี!”
เขายื่นมือออกตบไหล่เย่ว์หยางหนักแน่นราวกับว่าตั้งใจจะส่งมอบภาระให้กับเย่ว์หยาง
จากนั้นประคองคนรักและเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า
กลายเป็นแสงเทพ
หายไปโดยไม่เหลือร่องรอย
ถ้าไม่ใช่เพราะหอกกลืนมังกรที่เขาถืออยู่ที่มือซ้ายและบอลพลังงานเทพที่ถือไว้ในมือขวา เย่ว์หยางไม่อยากเชื่อเลย ชี่เฉียวผู้นี้เป็นบุรุษน้ำใจงาม
“คนผู้นี้เป็นอิสระปล่อยวางภาระ เขาเสียใจต่อข้าที่ต้องรับภาระแทนเขา และตอนนี้ข้าคงต้องสู้อย่างหนัก” ตอนนี้เย่ว์หยางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าเขารู้สึกว่าหอกกลืนมังกรและบอลพลังงานเทพไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับมาในฐานะคนกลางที่มาพบเหตุอย่างไม่คาดฝัน ถ้าต้องเห็นซื่อเสินถูกเฮยโจ้วฆ่าเขาคงจะเสียใจต่อชี่เฉียวที่ฝากฝังความเชื่อใจในตัวเขา
ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ได้สมบัติมาแล้วเขาควรจะรีบทำภารกิจเช่นกัน
คิดได้เช่นนี้ในใจเย่ว์หยางเริ่มอารมณ์ดี
สมบัติกึ่งเทพมีจิตวิญญาณอนาคตก็คือสมบัติเทพเพียงแต่คุณภาพของผู้ใช้คงต้องสำรวจดูในอาณาจักรของเขาว่าจะมีหรือไม่?
เย่ว์หยางเดิมทีต้องการเล่นบทซาฟงอดแยกบทมิได้ เขารีบคืนร่างเดิมและกลับไปยังโลกคัมภีร์รายงานข่าวให้ทุกคนทราบไม่รอให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูด เขาชูหอกกลืนมังกรเป็นครั้งแรก “ดูพัฒนาการเสียก่อน มีของวิเศษมาชิ้นหนึ่ง!”
“ไม่นะ, เจ้าฆ่าชี่เฉียวด้วยหรือ?ถึงได้หอกนี้มา?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยและนางคาดคั้นเย่ว์หยางจริงจัง
“.....” เย่ว์หยางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีภาพพจน์ในหัวใจแม่เสือสาวอย่างนี้
“ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!” เย่ว์หวี่รู้จักน้องชายนางดีที่สุด ถ้าเสี่ยวซานฆ่าชี่เฉียวจริงๆเป็นที่คาดว่าเด็กคนนี้จะไม่กลับมาทันทีและแน่นอนว่าเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน แต่หอกกลืนมังกรเป็นอาวุธวิเศษที่เป็นอิสระและไม่มีเจ้านายทำสัญญาด้วย นี่ไม่เหมือนของขวัญดังนั้นจึงยากจะรอดพ้นข้อสงสัยการกระทำของใครบางคนได้
ในที่สุดพี่สาวผู้ยิ่งใหญ่ก็ตัดสินใจให้โอกาสน้องชายอธิบาย
เย่ว์หยางรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ
มีพี่สาวที่ดูแลดีอย่างนี้แล้วน้องชายไม่ห่วงนางคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่เมื่อเขาพูดความจริงแม้แต่เย่ว์หวี่ก็ยังสงสัย “นี่เป็นไปได้หรือ? ชี่เฉียวเป็นคนดีขนาดนี้เชียวหรือ? เขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้านึกไม่ออก เสี่ยวซาน เจ้าไม่ได้ฆ่าเขาจริงๆ ใช่ไหม?”
แม้แต่พี่สาวก็ยังไม่เชื่อเขาชีวิตนี้อยู่ยากจริงๆ
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นแอบไปนั่งวาดวงกลมเล่นอย่างหงุดหงิด!