ตอนที่ 1170 ถึงเวลาส่งเจ้าสู่ปรภพ
ซาฟงปากอ้าตาค้าง
เขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่น่าประหลาดเช่นนี้ซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา เห็นได้ชัดว่าพลังเทพควบคุมโดยสำนึกของเขาเองถูกมือศัตรูบีบไว้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นยังบีบอัดพลังเทพให้กลายเป็นลูกบอล ความสามารถเช่นนี้เฮยโจ้วและซื่อเสินก็ยังไม่มี พลังของมนุษย์ระดับเทวทูตนี้ยังมากกว่าเฮยโจ้วและซื่อเสินหรือ
ถ้าเป็นเช่นนี้อย่างนั้นจะเกิดอะไรในการต่อสู้ครั้งนี้?
ยอมรับความพ่ายแพ้!
ซาฟงบ้าอีกครั้ง
เขาไม่กล้าพูดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเฮยโจ้วและซื่อเสิน
“เจ้าต้องเป็นตัวประหลาดแน่นอน!” ในที่สุดซาฟงเลือกจะไม่เชื่อและปฏิเสธจะรับทราบข้อเท็จจริงข้างหน้าเขา เหตุผลของเขาก็คือเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าเด็กที่อยู่ข้างหน้าเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเฮยโจ้วและซื่อเสิน ถ้าเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเฮยโจ้วและซื่อเสินแล้วเขาคงไม่แอบอยู่ตรงนี้แลดูเหตุการณ์ลับๆ คงต้องโดดออกมาก่อนมีการโจมตีทำร้ายชี่เฉียว ในกรณีนั้นแม้ว่าเทียนโฉวและจ้าวซีจะไม่สามารถฆ่าได้ แต่เขาเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการโจมตีเขากับซวงหาน...แต่ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ทำเช่นนั้น? เพราะเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอนั่นเอง!
ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าเด็กผู้นี้เป็นเรื่องปลอม เป็นภาพลวงตาทั้งนั้น
เขาต้องการใช้ภาพลวงตาหลอกซาฟง
ขู่ให้ตัวเขากลัว!
ใช่แล้วต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
หากเขามีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าซื่อเสิน ทำไมถึงต้องพูดจาไร้สาระมากเกินไปฆ่าเขาโดยตรงก็จบแล้ว เขาสู้ตรงๆไม่ได้ จึงต้องใช้การข่มขู่ทุกชนิดใช่หรือไม่?
ยิ่งแสดงศักดิ์ศรีสูงมากเท่าใดก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความผิดปกติของเจ้าเด็กนี่ได้... อาจเป็นเพราะทักษะแฝงเร้นอย่างหนึ่งหรือด้วยพลังของอสูรพิเศษหรือของวิเศษบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงตบตาผู้ทรงพลังอย่างเขาได้ มิฉะนั้นทำไมเขาจึงไม่ลงมือทำร้ายเขาเองจนบัดนี้?
ถ้าเขามีพลังมากพอกับซื่อเสินจริงๆ หลังจากโจมตีข้าหลายครั้ง ก็ควรจะทำร้ายตัวข้าได้ ยังจะใช้ลูกเล่นเหล่านี้ต่อไปอีกทำไม?
ซาฟงหาเหตุผลในทิศทางที่เป็นไปไม่ได้และยิ่งคิดก็รู้สึกว่าน่าสงสัย
ในที่สุดเขาแน่ใจว่าเย่ว์หยางเป็นจอมลวงโลก
“ข้าเข้าใจแล้ว” ดูเหมือนมีประกายสว่างในใจของซาฟงและเขาคว้าเงื่อนงำสำคัญนอกจากความประหลาดใจในหัวใจแล้วใบหน้าของเขามีแววเย้ยหยันมากขึ้น “ปรากฏว่า.... เป็นทักษะแฝงเร้นของเจ้า หรือไม่ก็ความสามารถพิเศษของอสูรเจ้า ก็เหมือนกับชี่เฉียวเจ้าทำได้ด้วยความช่วยเหลือจากพลังภายนอกหรือไม่ก็สนามพลังเทพที่สร้างขึ้นโดยของวัตถุโบราณ เจ้าอาศัยสิ่งนี้แน่นอน! บางทีอาจเป็นของเทพมหาอัคคีบางทีอาจเป็นของเทพสุดยะเยือก ให้ข้าเดาเจ้าคงต้องได้รับวิธีการลับจากหนึ่งในสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ก่อนที่เจ้าจะเติบโตขึ้นเจ้าสามารถควบคุมพลังเทพสร้างภาพลวงตาได้! สนามพลังเทพที่ใช้นี้เกี่ยวกับข้าและชี่เฉียว นี่เป็นสถานที่คุมขัง แต่พลังของเจ้าอ่อนแอเกินไปไม่สำคัญว่าเจ้าจะอ่อนพลังลงเป็นร้อยเท่าหรือไม่แต่เจ้าก็ทำให้ข้าตระหนักได้ถึงทักษะแฝงเร้นของเจ้า!”
“เหรอ? โอวฉลาดจริงๆ!” เย่ว์หยางพูดเหน็บแนมไม่ยอมรับไม่ปฏิเสธ
ซาฟงจ้องมองเย่ว์หยาง
มองดูกลุ่มพลังเทพที่มีความเข้มข้นสูงกำลังถูกกลืนช้าๆ
ทันใดนั้นเขาแค่นเสียงเหยียดหยามทันที “เฮอะ.. ข้าพบจุดอ่อนแล้ว เจ้าได้รับวิธีการลับของเทพสุดยะเยือกเพียงแต่พลังน้ำแข็งของนางสามารถกำจัดพลังเปลวไฟระเบิดของข้าอย่างง่ายดาย! อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าเป็นทายาทของเทพสุดยะเยือกมันจะง่ายต่อการจัดการมากกว่า หากเจ้าเป็นผู้สืบทอดของเทพมหาอัคคีข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะกลืนกินและหลอมรวมไฟระเบิดของข้าได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นคนของเทพสุดยะเยือก เจ้าถูกตัดสินแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะกลืนกินพลังเทพของข้า ข้าสามารถโจมตีเจ้าได้อย่างมั่นใจ!”
ชี่เฉียวบินเข้ามาโจมตีซาฟงด้วยรวดเร็วน่าทึ่ง
หอกกลืนมังกรแฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์มากมาย
ขอเพียงโจมตีถูกซาฟงจะกินไม่ได้เดินไม่ได้ต่อไป.. น่าเสียดาย ซาฟงไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเขาจะพูดกับเย่ว์หยางแต่เขาก็ยังให้ความสนใจระวังชี่เฉียวด้วยสำนึกเทพของเขา
ถ้าชี่เฉียวยังคงอยู่ในสภาพที่พร้อมไม่ใช่มีพลังเพียงสามส่วน ถ้าถูกล้อมอย่างนี้ บางทีซาฟงอาจมีปวดหัว
อย่างไรก็ตามพลังของชี่เฉียวลดลงไปมากในการโจมตีด้วยพลังหอกกลืนมังกร
เขาไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดที่ซาฟงกำจัดไม่ได้
เขาเกิดความคิดในใจ
ภาพตามหลังของซาฟงหายไปและขณะที่ชี่เฉียวโจมใส่อากาศอีกครั้ง ซาฟงไถลหลบไปสิบกิโลเมตรและพ้นจากสนามพลังที่ของวิเศษโบราณสร้างขึ้น
เขาชี้เย่ว์หยางที่อยู่ในสนามพลังเทพ “เด็กน้อย แสดงพลังออกมาดูว่าพลังภาพลวงตาที่เจ้ายืมใช้จะทำให้ผู้คนแตกตื่นได้หรือไม่! ข้าผู้เป็นเทพตอนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ รอให้เจ้าออกมาเจ้าไม่ต้องการฆ่าข้าหรอกหรือ? ข้ายืนอยู่ตรงนี้ยืนนิ่งยืดคอรอให้เจ้าฆ่า! ดูซิว่าเจ้าจะฆ่าข้าอย่างไร? เจ้ามดแมลงน้อย เจ้ารู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อใช้หมัดต่อยเทพ?”
เย่ว์หยางก้าวเท้าอีกก้าว
ชี่เฉียวรีบหยุดตอนนี้เขาได้ยินคำพูดของซาฟง รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่า พลังที่แท้จริงของเย่ว์หยางนั้นเพียงพอเป็นเทพได้หรือไม่
เขารู้ว่าเย่ว์หยางนั้นทรงพลังและทรงพลังมาก มีพลังเจตจำนงราชันย์ อสูรพิทักษ์ก็เป็นถึงอสูรเทพ แต่ที่สำคัญยังอายุน้อยเกินไป ต่อให้เขาฝึกทันทีที่ถือกำเนิดแต่เขาจะสู้กับเทพที่อายุหมื่นปีได้อย่างไร?
นอกจากนี้เทพหรดีซาฟงยังมีกงจักรอาวุธระดับกึ่งเทพ ไม่ได้รับผลด้านลบของพลังเทพจนทำให้พลังลดลงแต่อย่างใด
และมีโอกาสสังหารได้ทันที ดังนั้นชี่เฉียวจึงหวังว่าเย่ว์หยางจะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และดีที่สุดก็คือไม่เดินออกไปข้างนอก
เหตุผลที่ซาฟงหนีออกมาจากสนามพลังเทพนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามกำจัดอิทธิพลด้านลบและล่อลวงศัตรูออกไปฆ่าด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในสถานการณ์ที่ศัตรูมุ่งมั่นจะฆ่า นับเป็นการไม่ฉลาดที่สู้กันตรงๆ
“การเหยียบเทพเป็นขั้นตอนแรกในการเลื่อนเป็นระดับเทพของข้า ดังนั้นถ้าเจ้าอยากสู้ ข้าก็จะสู้ มีอะไรต้องกลัว?” เย่ว์หยางหัวเราะขณะก้าวออกนอกสนามพลังเทพเดินตรงไปที่ซาฟง ชี่เฉียวมองดูเย่ว์หยางด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเขาต้องการทำความรู้จักเด็กนี่อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าระดับพลังของเขายังตามหลัง แต่เขามีขวัญกล้าเทียมฟ้า ต้องการจะเป็นผู้กล้า
นักสู้ที่แท้จริงจะมีเจตจำนงราชันย์ไม่ว่าเป็นใคร ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร พวกเขาไม่กลัวศัตรูเลยอย่างนั้นหรือ?
เจตจำนงราชันย์คือขอบเขตพลังแบบไหน?
ชี่เฉียวรู้สึกทันทีว่าตัวเองตัวเล็กนิดเดียว
และรูปร่างเย่ว์หยางที่อยู่ข้างหน้าเขาสูงส่งลึกลับสูงจนชี่เฉียวต้องค้นหา ในทางตรงกันข้ามเขายืนอยู่ด้านตรงข้ามซาฟง เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ระดับพลังของเขาอยู่เหนือเจตจำนงราชันย์ของเย่ว์หยาง เพราะความเขลา เขาจึงไม่เกรงกลัว เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างระดับเจตจำนงให้สูงยิ่งกว่านี้ความรู้สึกของชี่เฉียวคือ กลัว
“โง่จริงๆ!”
ซาฟงอดหัวเราะไม่ได้
ในเงื่อนไขของเขาการแสวงหาเกียรติยศประกาศตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษก็คือการหาที่ตาย แม้กระทั่งตอนนี้จะรู้ว่าเป็นแผนรู้ว่าวางกับดักเป็นชั้นๆ ซ่อนไว้ แต่ก็ยังก้าวเข้ามา นี่ไม่ใช่การเป็นวีรบุรุษแต่เป็นความโง่เกินเยียวยา
แน่นอนว่าในขณะต่อสู้ยิ่งศัตรูโง่มากเท่าใด ซาฟงก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
เป็นการโง่ที่สุดในโลก
คนฉลาดมีคนเดียวก็พอแล้ว...เมื่อมองไปที่เย่ว์หยางที่ค่อยๆ เดินออกมาจากสนามพลังเทพความคิดอยากฆ่าในใจของซาฟงยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วเป็นพันเท่า ก่อนที่เย่ว์หยางจะเริ่มการต่อสู้เทพซาฟงผู้สูงส่ง เปิดการโจมตีทั้งลอบเร้นและเปิดเผยมุ่งที่หน้าอกเย่ว์หยาง! นี่เป็นจุดเริ่มต้นในเสี้ยวพันวินาที เขาใช้หมัดหนักกระแทกใส่หน้าอกเป้าหมายจากนั้นต่อยใส่คางเย่ว์หยางอีกครั้ง
ขณะนั้นเมื่อเย่ว์หยางบินออกมาเหมือนดาวตกซาฟงซึ่งสามารถรอดพ้นจากอิทธิพลทางลบของสนามพลังเทพกลับคืนสู่ความแข็งแกร่งปกติก็เร็วมากพอไล่มาอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยางและเตะใส่กลางหลังของเขา
เย่ว์หยางกระเด็นขึ้นไปในท้องฟ้า
มองเห็นดวงดาวหลายดวง
ขณะที่ขึ้นยังจุดสูงสุดในท้องฟ้าซาฟงตวาดลั่นและยิ้มชั่วร้าย ท้องฟ้าที่สูงเปล่งประกายและภาพเหมือนปีศาจปกคลุมท้องฟ้า
เขาเข้าไปใกล้และใช้หมัดต่อยใส่ศีรษะเย่ว์หยาง
ราวกับสายฟ้าราวกับบรรพตถล่มทลาย...
ปัง!
เมื่อเงาคล้ายดาวตกพุ่งลงไปบนพื้นโลกทั้งโลกสั่นสะเทือน เกิดหลุมมหึมาใหญ่หลายพันเมตรเบื้องล่าง
ควันและฝุ่นละอองลอยฟุ้งไม่หายไปเป็นเวลานานชี่เฉียวกระวนกระวายใช้พลังเทพของเขาเพื่อสลายฝุ่นควันในท้องฟ้าก่อนจะมองเห็นรอยแยกที่พื้นดูน่ากลัวเหมือนกับปากอสูรร้าย
ซาฟงค่อยๆลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างสบายๆ เขาพึงพอใจขณะมองลงไปที่เงาดำที่ฝังลึกลงไปในพื้นหน้าของเขาปรากฏร่องรอยเย้ยหยัน ยังไม่ตายอีกหรือ? แน่นอนว่ามันคือความต่อเนื่องของพลังเทพสุดยะเยือกต่อไปจะเพิ่มพลังเทพอีกสามจุดดีไหม? จะระเบิดทันทีหรือไม่?ถ้าเป็นเช่นนั้นการต่อสู้จะน่าเบื่อเกินไป หากไม่มีการปลอมสนามพลังเทพก็ไม่มีภาพลวงตาไว้หลอกลวง พลังของเจ้าเด็กนี่ไม่อาจหลอกใครได้อีกต่อไป
ไม่ใช่คู่ต่อสู้ระดับเดียวกันฆ่าไปก็เหมือนฆ่ามด
น่าเสียดายชี่เฉียวใช้หอกกลืนมังกรกับพลังของเทพมหาอัคคีคอยปกป้องร่างกายไม่สามารถฆ่าได้
มิฉะนั้นข้าคงสาแก่ใจมากยิ่งขึ้น
รอจนเงาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดบนพื้นปีนขึ้นมาบนพื้น มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับแง่งหินบนพื้นและเมื่อเตรียมพร้อมจะปีนขึ้นมาซาฟงลงมาเหยียบมือของเขาและหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้ามดแมลงน้อยตอนนี้เจ้ายังกล้าแสดงความย่อหยิ่งต่อข้าอีกหรือเปล่า เจ้าไม่เข้าใจว่าเทพคืออะไรและมนุษย์คืออะไร ไม่ว่าเจ้าจะเก่งแค่ไหนเจ้าก็เป็นแค่มนุษย์ อยู่ต่อหน้าเทพ เจ้าได้แต่ผายลม!”
“บัดซบเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” เงาที่อยู่ข้างล่างตะโกนอย่างโมโห
“ข้าแค่อยากจะบอกว่าได้เวลาส่งเจ้าไปปรโลกแล้ว...” ซาฟงไม่ประหลาดใจว่าเสียงอีกฝ่ายเพี้ยนไปเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ประกอบกับความอับอายขายหน้าและความโกรธเป็นธรรมดาที่เสียงเพี้ยนกันได้แต่สิ่งที่ทำให้เขางงเล็กน้อยก็คือเสียงของเจ้าเด็กที่หยิ่งผยองผิดปกติไปบ้างหรือเปล่า? ช่างเถอะกำจัดเขาโดยเร็วที่สุดคนเยาว์วัยอย่างนี้ถือว่ามีศักยภาพที่ดีมาก เขาเกลียดมากที่สุด แต่คิดว่าการฆ่าแต่เนิ่นๆ เป็นเรื่องที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้!
เมื่อซาฟงยกมือขึ้นและถือกงจักรเตรียมสังหารร่างเงาที่อยู่ใต้เท้าเขาทันที
เขาพบด้วยความตกใจ
คนที่เขากำลังใช้เท้าเหยียบไม่ใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นตัวเขาเอง
นี่เป็นไปได้อย่างไรเขาเหยียบตัวเองได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขากำลังลงมือกับเจ้าเด็กนั่น ทำไมถึงกลายเป็นตัวเขาเอง? แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวและดวงตาที่เกลียดชังนั่นเป็นชัดเจนว่าเขากล่าวถูก
“เจ้า,บังอาจทุบตีข้าหรือ?” ซาฟงที่ปีนออกมาจากพื้นข้างล่าง เกลียดจนกัดฟันกรอดๆ
“เป็นไปไม่ได้เจ้าเป็นตัวปลอม เจ้าเป็นภาพลวงตาของเจ้าเด็กนั่น ข้าคือตัวจริง เป็นเทพที่แท้จริง ข้าคือเทพหรดีซาฟง” ซาฟงอดถอยออกไปสองสามก้าวไม่ได้เขาเห็นร่างตนเองที่เปื้อนเลือด ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งยื่นมือมาจับไหล่เขายึดไว้ซาฟงหันไปฆ่าศัตรูด้วยกงจักรของเขา และเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีตัวตนของเขาอีกร่างหนึ่งอยู่ข้างหลัง
เขาถูกหมัดต่อใส่กลางหน้า