ตอนที่ 1168 ให้ข้าลองไหม?
เคล็ดลับของจีอู๋ลี่ก็คือต้องอำมหิตพอ!
ตอนแรกรุมทำร้ายสามต่อหนึ่งจนชี่เฉียวบาดเจ็บสาหัส ด้วยความกลัวว่าชี่เฉียวจะไม่ตายเขายังเตรียมแผนเทพทักษิณเทียนโฉว เป็นผลให้ชี่เฉียวไม่เพียงแต่ตายอย่างน่าอนาถ แต่ยังเข้าใจผิดและบอกความลับของซื่อเสินให้เทียนโฉว..ด้วยวิธีการนี้การต่อสู้ระหว่างเฮยโจ้วและซื่อเสินพวกเขาจะต้องมีชัยชนะอย่างมิต้องสงสัย
เทียนโฉวเป็นสายลับตัวยงของค่ายตะวันออก เทพอีสานชิงหวินประกาศเป็นกลางและเทพอาคเนย์ชี่เฉียวตาย
ค่ายตะวันออกในตอนนี้เหลือเพียงซื่อเสินคนเดียวเท่านั้น
ทั้งยังมีกระทั่งหมากลับอย่างเทียนโฉวอยู่ข้างตัวซื่อเสินพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
ถ้าแผนนี้ยังไม่เพียงพออย่างนั้นจีอู๋ลี่ยังมีอสูรชนิดพิเศษแปลงเป็นชี่เฉียวร่วมสู้ศึกกับซื่อเสิน!
มีแค่ซื่อเสินเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาต้องสู้กับศัตรูสี่คนเฮยโจ้ว, จ้าวซี ซาฟงซวงหานและหมากลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเทียนโฉวและชี่เฉียวตัวปลอม นี่เป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่าสู้หนึ่งต่อหกในสถานการณ์ที่เลวร้าย แม้ว่าเขาจะมีพลังแข็งแกร่งที่สุดในขุนเขาเหนือขุนเขา แต่เชื่อได้ว่าเขาไม่สามารถต่อต้านเจตจำนงฟ้าได้ซื่อเสินผู้นี้ทั้งที่สงครามยังไม่เริ่มก็ถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องพ่ายแพ้
เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
ลอบถอนหายใจ
ในเวลาเดียวกันเขายิ่งต้องระมัดระวังจีอู๋ลี่ผู้วางแผนสถานการณ์โดยรวม
เป็นเวลาหลายพันปีเฮยโจ้วไม่ต้องการฆ่าซื่อเสินยอดฝีมืออันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขา แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จได้จากความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า และตอนนี้จีอู๋ลี่มาแล้วชี่เฉียวถูกอุบายฆ่าตายและซื่อเสินก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่อความพ่ายแพ้ ทั้งหมดนี้ถ้าจีอู๋ลี่ควบคุมแผน อย่างนั้นเขาน่ากลัวเกินไป
คนอย่างจีอู๋ลี่เย่ว์หยางต้องกำจัดให้เร็วที่สุด
มิฉะนั้นเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ในอนาคต
“ชี่เฉียวตายจริงๆหรือ?” ชี่เฉียวร่างแปลงของจีอู๋ลี่มองดูศพชี่เฉียวตัวจริงดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“สำนึกเทพคลายลงไปแล้วพลังเทพสลายไปแล้ว แม้แต่คัมภีร์อัญเชิญก็สูญเสียการทำสัญญา ร่างกลายเป็นสีเทานี่ยังบอกว่าชี่เฉียวยังไม่ตายหรือ?” ซาฟงที่ได้รับบาดเจ็บหลายครั้งเห็นชี่เฉียวตายจริง เขาหัวเราะและกล่าว “ถ้าเจ้าไม่สบายใจข้าจะตัดศีรษะเขาเอาไปทำหม้อไฟก็ได้!”
“ช่างเถอะยังไงชี่เฉียวก็เป็นเทพ เขาสู้จนตัวตาย ควรจะเห็นแก่หน้าเขาบ้างให้เกียรติศัตรูนั่นเท่ากับให้เกียรติตัวเอง” จ้าวซีไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดูถูกสังขารของชี่เฉียว ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่ซวงหานที่ฆ่าคนมามากมายก็ยังส่ายหัวไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมทำลายสังขารของซาฟง ถ้าชี่เฉียนไม่ตายซวงหานไม่ว่าถ้าแทงร่างเขาหมื่นดาบ แต่ซี่เฉียวตายแล้ว ถ้าสังขารของเขายังถูกทำลายอีก นั่นไม่มีประโยชน์อะไรแต่เป็นการทำร้ายจิตใจนักสู้
“เขาตายแล้วทิ้งสังขารของเขาไว้เถอะ!” บุรุษวัยกลางคนใช้ดาบฟันเปิดมิติช่องว่างและหายไปทันที
“คัมภีร์อัญเชิญถูกยกเลิกสัญญาแน่นอน...” จีอู๋ลี่ไม่ยอมเชื่อว่าสำนึกเทพและสัญญาณพลังเทพจะสลายไปอย่างผิวเผิน สำหรับเขาเขาคุ้นเคยกับทักษะแฝงเร้นของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในแดนสวรรค์ ความสามารถพิเศษแกล้งตายเหล่านี้เขาเห็นมาเป็นพันแล้วเห็นมามากจนน่าตะลึง ถ้าเขาไม่ระมัดระวังเขาจะถูกหลอก แน่นอนสำหรับจีอู๋ลี่เขาไม่ยอมเชื่อถือศัตรูง่ายๆ แม้ว่าศัตรูจะตายแล้วก็ตาม เขายังคอยระแวงระวังและป้องกันตัวให้มากพอ
สิ่งเดียวที่เขาสามารถเชื่อได้นั่นคือคัมภีร์อัญเชิญ
คัมภีร์อัญเชิญไม่มีการหลอก
ถ้าเจ้าของยังไม่ตายไม่ว่าจะแกล้งตายหรือปลอมตัวมันจะไม่โกหกแต่จะมีผลผูกพันตามสัญญา ในทางตรงกันข้าม ถ้าคัมภีร์อัญเชิญหลุดพ้นสัญญาอย่างนั้นเจ้านายต้องตาย และไม่มีความเป็นไปได้ประการที่สอง
จ้าวซีมองดูทางที่เย่ว์หยางซ่อนตัวคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจเย่ว์หยางรีบกลั้นลมหายใจและอยู่นิ่งๆ
ในส่วนลึกแล้วเขากลัวเทพอุดรจะตรวจพบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจกวิเศษที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
น่ากลัวที่สุด
โชคดีที่จ้าวซีสงสัยว่าเป็นภาพลวงตาและไม่ตรวจสอบให้ลึกซึ้ง ที่สำคัญ เขายิ่งคิด ก็ยิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถซ่อนพ้นจากสายตาเขาและเขาไม่สามารถตรวจสอบได้
จ้าวซีและซวงหานตัดสินใจจากไปบ้างหลังจากชี่เฉียวตายอย่างแท้จริง และจีอู๋ลี่ที่แปลงร่างเป็นชี่เฉียวยื่นมือลูบคัมภีร์อัญเชิญสีเทาหม่นมืดยืนยันว่าชี่เฉียวตายแล้วเขาจึงออกไปบ้าง ทุกคนหนีออกไปแล้วรวมทั้งซาฟงไม่ยุ่งกับหอกกลืนมังกร เพราะทุกคนรู้ว่าสมบัติวิเศษเลือกเจ้านาย
แม้ว่าหอกกลืนมังกรจะไม่ใช่สมบัติวิเศษชั้นเทพแต่มันมีสติปัญญาอยู่แล้ว
ชี่เฉียวตายในการต่อสู้
ไม่ได้หมายความว่าใครก็ได้ที่เป็นเจ้าของใหม่
ซาฟงใช้เท้าเตะหอกกลืนมังกรที่อยู่บนพื้นลอยขึ้นไปในอากาศและขณะที่มันร่วงตกลงมาเขาใช้กงจักรของเขาปัดหอกควบคุมทิศทางให้ปักลงที่อกของชี่เฉียว...ชี่เฉียวตายนานแล้วไม่มีอาการสนองตอบ
ซาฟงมองและแสยะยิ้ม
กลายเป็นแสงสีทองออกไปจากสนามรบแม้แต่วัตถุโบราณเขาเก็บอย่างระมัดระวังก่อนจะโยนเก็บไว้ การมีอยู่ของวัตถุโบราณนี้จะช่วยสร้างสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้อ่อนแอลงร้อยเท่าเทียบได้กับโลหะลับเทพสังหาร ซาฟงไม่ใช่คนโง่ หากไม่จำเป็นต้องใช้ฆ่าชี่เฉียว เขาคงไม่กล้าวิ่งไปรอบๆทุกแห่งหน
“หือ?ดูเหมือนมีอะไรแปลก” เย่ว์หยางยังไม่ปรากฏตัวทันที แม้ว่าทุกคนจะไปแล้ว แต่ความรู้สึกถึงอันตรายวิกฤตไม่ได้ลดน้อยลง
เย่ว์หยางเลือกอยู่ต่อ
คอยดูต่อไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงบนพื้นมีการเปลี่ยนแปลง
ชี่เฉียวที่ตายไปแล้วตัวสั่นอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นภาพใหญ่ข้างหน้าเย่ว์หยางอดสงสัยไม่ได้ดวงตาเบิกโพลงมองดูทุกความเคลื่อนไหวของชี่เฉียว
ร่างที่เปื้อนเลือดของชี่เฉียวมีสภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็วเขาเหยียดมือออกช้าๆ มือเท้านิ้วเท้าเริ่มงอขยับเหมือนกับคนที่ถูกแช่แข็งเริ่มฟื้นตัวผ่านไปหนึ่งนาทีดวงตาของชี่เฉียวเริ่มมีประกายและสติเริ่มกลับคืนมา เขาเหยียดมือและดึงหอกกลืนมังกรที่ปักอยู่ที่อกเขาถอนออกมาช้าๆ หอกกลืนมังกรส่งเสียงครางหึ่งๆ ดูเหมือนจะตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกลับมาได้หลังจากชี่เฉียวพยุงศีรษะ ปรับกะโหลกที่แตก และใช้พลังเทพรักษาตนเองบาดแผลของเขาฟื้นฟูเรียบร้อย
แม้ว่าอกจะถูกหอกกลืนมังกรแทงเป็นรูแต่แผลก็หายไปทันที
นั่นคือเครื่องหมายของการเกิดใหม่
สามนาทีต่อมา
ชี่เฉียวฟื้นฟูเต็มที่โดยไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ
หากเย่ว์หยางไม่เห็นด้วยตาตนเองคงไม่สามารถเชื่อสิ่งแปลกประหลาดนี้จริงๆ คืนชีพได้หลังจากถูกฆ่า นี่ทักษะอะไรกัน?
ตอนนี้สิ่งเดียวที่พิสูจน์ได้ว่าชี่เฉียวผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักก็คือพลังเทพของเขามากกว่าเจ็ดส่วนได้หายไปและเหลือพลังฟื้นฟูกลับมารวมกันไม่ถึงสามส่วน ถ้าไม่ได้ถูกฆ่าจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลมากมายขนาดไหนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอ่อนแอระดับนี้
ชี่เฉียวลูบหอกกลืนมังกรเหมือนกับสัมผัสผิวคนรัก
เขาถือหอกกลืนมังกรไว้ในมือ “แค่ฟื้นฟูพลังเทพ ข้าจะฆ่าเจ้าซาฟงและพวกค่ายตะวันตกให้ได้ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครรู้ข้ามีทักษะหนวดมังกรฟื้นฟู น่าเสียดายที่คัมภีร์อัญเชิญที่ข้าต้องจ่ายคุณค่าสูงสุดในที่สุดสัญญาลับที่ทำไว้กับเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกก็สูญหายไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อจ่ายไปในราคาเดียวกันนั้นข้าจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้อีกไหม....”
เสียงถอนหายใจเล็กน้อยดัง ชี่เฉียวเดินมาทางที่ซ่อนของเย่ว์หยาง
เขาเริ่มย้ายหินออกไป
และพบร่างของคนรักของเขา
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าสตรีที่เพิ่งถูกย้ายออกมาตอนนี้ร่างกายฟื้นตัวและอาการบาดเจ็บดีขึ้นแม้ว่าความเร็วในการรักษาตัวเองจะน้อยกว่าชี่เฉียวแต่ก็ยังน่าทึ่งใช้เวลาไม่นานสตรีผู้นี้ก็ได้สติ
เพราะตอนนี้ขนตาของนางเริ่มสั่นและดูเหมือนสติเริ่มกลับมา
“ร่วมเป็นร่วมตาย? ความสามารถพิเศษของสตรีนี้คือร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันหรือ...” เย่ว์หยางมีความสงสัยมาก่อน แต่ความจริงรอให้เขาสำรวจอยู่ข้างหน้าแล้ว ความสามารถพิเศษของสตรีผู้นี้คือร่วมเป็นร่วมตาย ตราบใดที่ชี่เฉียวไม่ตายร่างของนางสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ในรูปพลังงานต่อให้ถูกทำลายนางก็จะไม่ตายจริงๆ
“หือ?”ชี่เฉียวซึ่งกำลังย้ายหินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเขาถือหอกกลืนมังกรยืดตัวขึ้น
“กลับกลายเป็นคนอ่อนแอมาก แต่ข้ายังรู้สึกได้เป็นชี่เฉียวหนึ่งในแปดเทพแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา!” ซาฟงไม่รู้ว่ายืนอยู่หลังชี่เฉียวตั้งแต่เมื่อไหร่ ชี่เฉียวหลังจากคืนชีพหนึ่งชั่วโมงแต่ความอดทนของซาฟงดีมากอย่างน่าประหลาดเขารอเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งชี่เฉียวฟื้นฟูร่างสำเร็จ
“ด้วยสติปัญญาของเจ้าข้าคาดได้ว่านี่คือความตายปลอมๆ ซึ่งก็ไม่เกินคาดหมายของข้า” ชี่เฉียวจับหอกกลืนมังกรและมองดูเฉยเมยไม่มีความตื่นเต้น
“เจ้ามีพลังเพียงสามส่วนยังต้องการจะสู้กับข้าแล้วก็ตายไป มันไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยหรือ?” ซาฟงหัวเราะ
“ตราบเท่าที่ข้ามีพลังหนึ่งส่วนข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้!” ชี่เฉียวแค่นเสียงเย็นชา
“มั่นใจตัวเองเหลือเกิน!” ซาฟงไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“ข้าได้รับตกทอดพลังเทพสำนึกเทพมาจากเทพมหาอัคคี แต่ในช่วงเวลาพันๆ ปีมานี้ข้าไม่ได้แสดงออกมาเลย ตราบใดที่มีพลังเทพเพียงพอข้าสามารถดึงพลังเทพที่ซ่อนอยู่ในหอกกลืนมังกรออกมาได้ซาฟง! ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวซีอยู่ด้วยข้าฆ่าเจ้าใช้เวลาไม่ถึงนาทีเท่านั้น!” หอกกลืนมังกรในมือของชี่เฉียวแทงขึ้นไปในอากาศพลังเทพที่แม้แต่จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางมองไม่เห็นฉายออกมาทันที
พลังของมันทำให้โลกสะท้านดินสะเทือน
ชี่เฉียวก้มหน้าลง
ซาฟงสีหน้าเปลี่ยนทันที
ความตายคุกคามหัวใจของเขา
แม้ว่าเทพมหาอัคคีจะตายไปหมื่นปีนานแล้ว แต่พลังเทพของเขาซาฟงยังจดจำได้และหวาดกลัว
เย่ว์หยางไม่สามารถคิดได้จริงๆว่าหลายอย่างจะกลับกลายเป็นเรื่องสุดยอด เขาโห่ร้องในใจสมแล้วที่ทุกคนมีอายุยืนมาเป็นหมื่นๆ ปี ไม่มีใครโง่ทุกคนมีไม้ตายก้นหีบคิดว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ แต่ความจริงกับไม่ง่าย
“ลาก่อนซาฟง!” ชี่เฉียวชูหอกกลืนมังกรและเตรียมใช้พลังสะท้านฟ้าดินของเทพมหาอัคคีโจมตี
แม้จะเป็นเทพหรดีซาฟงก็ต้องหลบหนีการโจมตีด้วยพลังเทพมหาอัคคีเช่นนั้น
แต่ยังคงเป็นพลังที่ไม่มีความแน่นอน
หอกกลืนมังกรพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าเตรียมใช้พลังทำลายล้าง
เพื่อให้เข้าถึงความเป็นจริงเย่ว์หยางอดใช้จักษุญาณทิพย์ไม่ได้
เขาพบว่าซาฟงเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้ตายอย่างอนาถภายใต้พลังเทพมหาอัคคี แต่เขาอดทนความเจ็บปวดใจจากหอกกลืนมังกรไม่ได้ เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาและหลบเข้าไปในโลกคัมภีร์..พลังเทพมหาอัคคีแม้จะทำลายล้างโลกและสวรรค์ได้แต่ไม่สร้างความเสียหายให้กับคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแม้แต่น้อยอย่าว่าแต่ซาฟงซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์!
ชี่เฉียวตะลึงก่อนจากนั้นอดโมโหไม่ได้
ในที่สุดก็ไร้ประโยชน์
ซาฟงออกมาจากโลกคัมภีร์อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะรู้สึกอับอาย แต่เขาก็ยังยิ้มออก และยิ้มให้กับความผิดหวังของชี่เฉียวเจ้าคงลืมไปแล้วเมื่อเทพมหาอัคคีเปิดเผยความลับยุคโบราณ เราทุกคนทำสัญญากับคัมภีร์อย่างนี้ไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น แต่ยังมีข้าด้วยและข้าไม่ใช่เทพเทียมที่สามารถถูกเทพแท้ฆ่าได้เหมือนในอดีตอีกต่อไป! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็มีคัมภีร์อัญเชิญเหมือน! แม้ว่าจะไม่มีทางก้าวหน้าอีกต่อไป แต่ก็ยังเป็นคัมภีร์ชั้นทองเสมอ แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้ข้าเรียกว่าเทพแท้ได้! ชี่เฉียว เจ้าจะไม่มีทางครอบครองพลังเทพมหาอัคคีอีกแล้วในเมื่อเจ้าสูญเสียคัมภีร์อัญเชิญไป เจ้าเป็นได้แค่เทพเทียมยังจะสามารถฆ่าข้าที่เป็นเทพแท้ได้หรือ? เว้นแต่เทพราชันย์มาเองใครจะฆ่าข้าซาฟงได้?”
ชี่เฉียวจ้องมองซาฟงเย้ยหยันอยู่ชั่วขณะจากนั้นพูด “ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่คนอื่นทำได้!”
“น่าขัน,ซื่อเสินและเฮยโจ้วยังไม่มีความสามารถฆ่าข้าได้ทันที ขุนเขาเหนือขุนเขามีซื่อเสินเฮยโจ้ว จ้าวซือและเทียนโฉวที่พลังสูงกว่าข้า แต่ข้าไม่สู้กับพวกเขา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? จะฆ่าข้ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด! ซื่อเสินยังจะเอาตัวไม่รอด นอกจากเขาแล้ว เจ้าว่าเจ้ายังมีใครในค่ายตะวันออกอีก?” หน้าของซาฟงแสดงอาการดูหมิ่นเหยียดหยามคำพูดของชี่เฉียว
“ให้ข้าลองดูไหม?” เสียงที่ซาฟงไม่เคยได้ยินดังขึ้นในหูของเขา
เสียงเบาแต่ชัดเจนในโสตประสาท
ดังราวกับฟ้าผ่า
ซาฟงแก้วหูแทบระเบิดเขาเป็นเหมือนนกที่ตกใจหวาดกลัวต่อคนโก่งคันธนูเตรียมจะหลบเข้าไปในโลกคัมภีร์...เขาเพิ่งจะหลบจากพลังโจมตีจากเทพมหาอัคคี แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างของเขาหนักเหมือนหินเขาพยายามหลบจากพื้นแต่รู้สึกเหมือนกับว่าเท้าฝังอยู่ในพื้นไม่ว่าจะใช้พลังเทพและสำนึกเทพช่วยขยับ แต่ก็ยังเคลื่อนไหวไม่ได้
มีเงาร่างสายหนึ่งออกมาจากด้านหลังของเขาเป็นปีศาจอสรพิษน้อยกำลังจ้องมองซาฟง
เธอไม่ได้โจมตีจากด้านหลังแต่อ้อมมาข้างหน้าซาฟง
เมื่อซาฟงเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมป้องกันการโจมตีเขาค่อยๆ ยื่นมือไปที่ปีศาจอสรพิษน้อยผู้น่ารัก “ก็ได้ ปล่อยเขาไป ข้าคิดว่าเริ่มสู้ด้วยตนเองแต่ต้นดีกว่า ถ้าเขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม หรือว่าไม่สบายใจแล้วร้องไห้ขึ้นมาแล้วเจ้าจะว่ายังไง?”