ตอนที่ 1165 ชี่เฉียว สถานการณ์สงครามเทพ
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งต่อสามชี่เฉียวในฐานะนักสู้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ไม่ได้ท้อแท้หมดหวัง เขาคือเทพอาคเนย์ผู้มีศักดิ์ศรี
จนกระทั่งเทพหรดีซาฟงดึงวัตถุขนาดเล็กออกมา
นี่เป็นของชิ้นเล็ก
ชี่เฉียวสั่นเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเขากลัวของชิ้นเล็กนี้เป็นอย่างมาก
เย่ว์หยางรู้สึกตกใจอย่างหนักเพราะเขาพบว่าเขาพบเจอบางอย่างที่เขาค้นหาแต่ไม่พบร่องรอย นอกจากนี้ยังเป็นเป้าหมายสูงสุดของภารกิจที่เขาได้รับมาจากโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินบุคคลผู้ลี้ลับนั้นมอบหมายภารกิจสุดยอดให้เขา ... วัตถุโบราณที่แท้จริง!
ของชิ้นเล็กประมาณเท่านิ้วเป็นมือชิ้นส่วนเพชรหลายสิบชิ้นฝังอยู่ด้านข้างทำเป็นจี้ห้อยคอขนาดเล็ก
ไม่ต้องพูดถึงทั้งตัวเรือนชิ้นที่เล็กที่สุดมีพลังศักดิ์สิทธิ์บรรจุอยู่ในนั้นไม่น้อยกว่าชี่เฉียว ซาฟงซวงหานและจ้าวซี แกนกลางตัวเรือนสร้างขึ้นจากปณิธานมหาเทพโบราณเป็นสมบัติเทพไร้เทียมทานที่เย่ว์หยางยังต้องตะลึง
ใครก็ตามที่ใช้พลังได้หนึ่งในร้อย หนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่น
อย่างนั้นจะสามารถเลื่อนเป็นเทพได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามตัวเรือนวัตถุโบราณที่เป็นคล้ายๆ เพชรมีพลังเทพที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมีประกายเทพและใครก็ตามที่ครอบครองมันจะได้เป็นเจ้านายของมัน
สิ่งนี้ได้รับการเคารพจากซาฟงเมื่อดึงมันออกมามันลอยอยู่ในอากาศและแสดงพลังเทพฉายขึ้นไปในท้องฟ้าภายในร้อยไมล์พื้นที่ใจกลางกลายเป็นเหมือนสนามพลังเทพชั่วคราวที่ไม่เหมือนใคร
ในสนามพลังชั่วคราวนี้เย่ว์หยางต้องประหลาดใจที่พบว่าทุกอย่างในโลกถูกคลุมด้วยสภาพดินแดนลับเทพสังหาร
แม้ว่าจะไม่ใช่ดินแดนลับเทพสังหารแต่ดินทรายที่นี่กลายสภาพคล้ายกลับโลหะลับเทพสังหาร
ไม่สามารถทำลายได้
เย่ว์หยางกำดินขึ้นมากำหนึ่ง
เขาพบว่ายังคงเป็นดินทรายเหมือนเดิม ทรายเป็นทรายหินเป็นหิน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ แต่ในสนามพลังเทพชั่วคราวนี้ดินทรายเหล่านี้แข็งมากและสถานะปกติจะเปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่นั้นในสนามพลังเทพชั่วคราวนี้ความแข็งแกร่งของทุกคนในปัจจุบันได้ลดลงถึงร้อยเท่าคล้ายกับพื้นที่ถูกจำกัดด้วยพลังกฎสวรรค์ทำให้มีสภาพคล้ายกับดินแดนลับเทพสังหาร
“เทพตายแล้วหรือ? เจ้ามีของแบบนี้ได้อย่างไร? เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกผนึกมันไว้สำเร็จแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าเอามันออกมาหรือ? เจ้าบ้าไปแล้ว!” ชี่เฉียวคำรามเผยให้เห็นเส้นเอ็นเขียวบนหน้าผากซึ่งผิดปกติ
“เราไม่บ้า แต่เจ้าจะบ้า!” ซาฟงหัวร่อ
“เพื่อผนึกเหล่าเทพเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกถึงได้ตาย แค่นั้นไม่พอ เจ้าฆ่าพวกเขา และยังเอามันมาใช้ทำร้ายข้าอีกหรือ?” ชี่เฉียวโกรธ
“เจ้าไม่ตายเจ้าบ้าซื่อเสินก็จะไม่ตาย ซื่อเสินเจ้าคนดื้อแห่งขุนเขาเหนือขุนเขาออกมาได้วันเดียวแผนของเราเหล่าเทพต้องถูกระงับไว้หนึ่งวันเจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลาอันมีค่าของเรานั้นเป็นอย่างไร? เราไร้ประโยชน์มาหลายพันปีแล้วเราเบื่อหน่ายเจ้าและซื่อเสิน ดังนั้นเจ้าต้องตาย! ถ้าเจ้าเห็นด้วยกับแผนเราในตอนนี้เราจะสามารถสร้างเทพได้ขนาดไหนในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา? เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อเราทำร้ายผู้อื่นโดยไม่เป็นประโยชน์กับเรา!” ซาฟงเปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริง
สำหรับชี่เฉียวเป็นเพราะชี่เฉียวสนับสนุนค่ายตะวันออก
ชี่เฉียวหยุดคิดครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเขาหัวเราะ และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน
ซาฟงกับพวกมองดูชี่เฉียวอย่างเย็นชาเหมือนมองดูคนตาย
เย่ว์หยางซ่อนตัวอยู่ด้านล่างไม่กล้าส่งเสียงแม้ว่าเขาจะฟังอย่างออกรส แต่ก็กลัวถูกศัตรูตรวจพบและส่งผลต่อเหตุการณ์หลัก
เป็นเวลานานที่ชี่เฉียวหัวเราะกึกก้องเสียงบาดหู “การสร้างเทพหรือ? ปรากฏว่าพวกเจ้าวางแผนกับเรื่องไร้สาระนี่เอง...แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนฉลาด แต่ข้าก็รู้ว่าพฤติกรรมฝืนธรรมชาติอย่างนี้ไม่มีทางประสบความสำเร็จ! การสร้างเทพ ฮ่าฮ่าฮ่านี่เป็นความคิดที่ไร้สาระ! การฝึกฝนและการเติบโตก้าวหน้าแบบสะสมต่อเนื่องจะเกิดขึ้นได้เองต้องอาศัยความก้าวหน้าและสติปัญญาและการตื่นรู้ของตนเองอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี่เป็นขั้นตอนที่มั่นคงและเป็นขั้นตอน หลังจากนั้นก็เป็นเช่นนี้ ทางลัดไม่มีทางใช้ได้ผล! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการกระทำที่ไร้สาระใช้กำลังจากภายนอกเพื่อสร้างเทพ? อย่าว่าแต่การเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นเทพพวกเจ้าไม่สามารถใช้พลังจากภายนอกเพื่อสร้างพวกเขาได้ แม้ว่าจะมีสมบัติก็ตามแต่เจ้าไม่สามารถใช้กำลังจากภายนอกเพื่อสร้างคุณภาพได้... เจ้ามีความสามารถในการสร้างของวิเศษชั้นเทพได้บ้างหรือเปล่า? เป็นไปได้ไหม? เป็นไปได้หรือเปล่า? ก็เป็นไปไม่ได้ ทำไมพวกเจ้าต้องหมกมุ่นกับเรื่องนี้มานานหลายพันปีมันเป็นเป็นเรื่องที่พวกเจ้าไม่มีทางประสบความสำเร็จไม่ใช่หรือ?”
“เราเข้าใจพลังต้องห้ามมาเป็นเวลานานแล้วขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่จะทำให้สมบูรณ์แบบ” ซาฟงได้ยินแล้วยังคงไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อยเหมือนกับว่าจะปล่อยให้ชี่เฉียวอยากคุยอะไรก็คุยไป
“พลังต้องห้าม ฮ่าฮ่าวิธีที่น่ากลัวแบบนั้นไม่สามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นเทพได้มีแต่จะทำให้เป็นมิใช่ผีมิใช่คน การทดลองที่ไร้สาระของพวกเจ้ายังเชื่อหรือว่าจะสร้างเทพได้? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว มันเป็นความเข้าใจผิด!” ชี่เฉียวเชิดหน้าพูดแดกดัน
“พอได้แล้ว ถ้าไม่สามารถสร้างเทพได้ เจ้าและข้ากลายเป็นเทพได้อย่างไร? ชี่เฉียว!เจ้าลืมไปแล้วหรือ?” ซาฟงอดตะโกนเถียงไม่ได้
“เจ้าบอกว่าเลื่อนเป็นเทพ...เราได้รับการเลื่อนให้เป็นเทพจริงๆ หรือ? ซาฟงผู้น่าสงสาร เจ้าสร้างความแข็งแกร่งและมั่นใจในตัวเองไม่ต้องพูดถึงเจ้าและข้าแม้แต่เฮยโจ้วและซื่อเสินพวกเขาไม่สามารถเรียกตนเองว่าเทพด้วยซ้ำ นอกจากนี้แม้ว่าซื่อเสินเองก็ยังไม่ยอมรับว่าเป็นเทพแท้จริง ผู้คนที่ประจบเอาใจเจ้าเพียงไม่กี่ครั้ง บางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นใคร?เป็นเพราะเรากำลังใช้เส้นทางลัดในการปฏิบัติทางจิตวิญญาณและทิศทางที่ผิดและวิธีคิดที่ผิดจึงทำลายอนาคตทั้งหมด.... เช่นเดียวกับเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก อย่างพวกเขาสามารถเรียกว่าเทพได้! ซาฟง!เจ้าสามารถทำอะไรได้เมื่อเทียบกับเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก? เจ้าพูดแบบนี้ข้ารู้สึกอายแทนเจ้า! ซาฟง เจ้าล้มเหลวแล้วและความหยิ่งทะนงและพลังที่มากของเจ้าทำให้เจ้าสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้านำพลังของวิเศษชั้นเทพที่น่ากลัวออกมาใช้” ตอนนี้ชี่เฉียวค่อยๆ สงบลง เป็นที่คาดว่าเขารู้ว่าเขาจะต้องหลบหนีไปในวันนี้เขามีสติดังนั้นเขาจึงไม่หวั่นไหวเมื่อเขาเห็นสร้อยเทพธิดา
“เจ้าเข้าใจผิดหรือเปล่า?นั่นคือความเชื่อของเจ้า ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น!” ซาฟงไม่เห็นด้วยกับแนวการพูดของชี่เฉียว
“โง่!” เย่ว์หยางวิพากษ์วิจารณ์ในใจแต่เขาข่มอารมณ์ไว้และฟังต่อ
“ช่างเป็นเทพหรดีที่แสนดีจริงๆ! ถ้าเจ้าคิดว่าเทพที่เจ้าประกาศอ้างตอนนี้เป็นเทพจริงๆข้าไม่มีอะไรจะพูด” ชี่เฉียวตัดสินใจว่าไม่พูดกับซาฟงเพราะคนผู้นี้ไม่สามารถเยียวยาได้
“ชี่เฉียว นึกถึงเราอดีตสหายที่เคยแบ่งปันกันเจ้าสามารถเปลี่ยนใจได้” เทพอุดรจ้าวซีตัดสินใจให้โอกาสสุดท้ายชี่เฉียว
“ให้ข้าเปลี่ยนใจแล้วดำเนินตามแผนการสร้างเทพที่ไร้สาระกับพวกเจ้าน่ะหรือ? จ้าวซี ข้าขอโทษที่ทำไม่ได้!” พลังที่แข็งแกร่งของชี่เฉียวนั้นดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่แน่นอน “บางทีเจ้าอาจไม่เห็นด้วยแต่ข้าชี่เฉียวเป็นคนอย่างนี้ ผิดก็คือผิดข้าไม่อาจบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกได้ แม้จะตายข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ ข้าคือชี่เฉียวเป็นลูกผู้ชายผู้ยืนหยัดท้าฟ้าท้าดิน ไม่ขี้ขลาดก้มหัวให้กับความชั่วร้าย!”
“เจ้ามีความคิดของเจ้าอย่างนั้นข้าไม่บังคับเจ้า!” เทพอุดรจ้าวซีเหมือนกับจะเข้าใจว่าชี่เฉียวเป็นคนเช่นนี้จึงไม่เกลี้ยกล่อมต่อ
“จ้าวซี! ข้าไม่คิดว่าเจ้าไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนฉลาดทำไมถึงทำเรื่องโง่ๆ กับพวกเขา? แผนการสร้างเทพอะไรกัน เด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลย เจ้าคิดหรือว่าเทพเจ้าสามารถสร้างกันได้?” ชี่เฉียวมองดูจ้าวซีแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ชีวิตที่ยืนยาววันเวลาผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ยากจะรับได้!” เทพอุดรจ้าวซียิ้มอย่างสงบ
“ดี!ทุกคนมีความคิดต่างกัน พูดไปมีแต่ไร้สาระ วันนี้ข้าชี่เฉียวขอรับคำแนะนำจากเจ้าจ้าวซี,ซาฟงและซวงหานสามเทพผู้มีฝีมือไม่เหมือนใคร!” ซี่เฉียวเรียกขานชื่อขวัญกำลังใจของเขาพุ่งทะยาน เขาตัดสินใจเสี่ยงชีวิตในศึกนี้
เขารู้ว่าศึกนี้อาจเป็นสงครามสุดท้ายของเขา
ไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว
มุ่งมั่นสู้ตาย
เทพพายัพซวงหานที่ไม่พูดอะไรแค่นเสียงและกล่าว “ขัดขืนหรือ? คำของ่ายๆ อย่างนั้น เราอุตส่าห์แสดงน้ำใจให้เจ้าพอใจแล้วแท้ๆ”
ชี่เฉียวต้องการบุกโจมตีเทพพายัพนี้ก่อน แต่ในช่วงเวลาที่เขาพร้อมจะบุก ชี่เฉียวเซและพบว่าที่ข้อเท้าซ้ายของเขาถูกหุ้มด้วยโซ่น้ำแข็ง นี่คือหนึ่งในฝีมือของเทพพายัพซวงหาน : โซ่เยือกแข็ง
สายเกินไปที่จะยกมือทำร้ายชี่เฉียวผู้ถูกโซ่น้ำแข็งล่าม
“นอนลงซะเมื่อเจ้ามัวเอาแต่พูด ข้าลอบใช้โซ่น้ำแข็งผ่านใต้ดินล่ามเจ้าไว้ มิฉะนั้นใครจะสนใจฟังเรื่องพล่ามของเจ้าเล่า?”
ซวงหานสั่งโซ่เยือกแข็งเคลื่อนไหวเหมือนเป็นแขนขาได้ดีกว่าชี่เฉียวเขาตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างมิอาจต้านทานได้
ครั้งนี้ชี่เฉียวโกรธจัด
แต่เขายังรักษาสติได้ไม่ลนลาน
แทนที่จะให้อีกฝ่ายฉวยความได้เปรียบจากการดึงโซ่ยะเยือกเขาพุ่งโจมตีใส่ซวงหานราวกับสายฟ้า
กำปั้นมีเปลวไฟปะทุออกเหมือนกับมังกรกระแทกเข้าที่ใบหน้าของซวงหาน อย่างไรก็ตามซวงหานยืดแขนรับหมัดพิโรธของชี่เฉียวไว้ได้เปลวไฟเผาฝ่ามือเย็นของเขาให้ละลายได้เล็กน้อย จากนั้นควบแน่นเป็นน้ำแข็งและแช่แข็งแขนของชี่เฉียวกลายเป็นน้ำแข็งแทน
ซวงหานแค่นเสียงเยาะเย้ย ขณะหมัดที่สองของชี่เฉียวตามมาติดๆ
เขาบิดแขน
เหวี่ยงชี่เฉียวไปไกล
ชี่เฉียวใช้พลังที่แข็งแกร่งหยุดยั้งร่างในอากาศ แต่เท้ายังคงถูกพลังโซ่ยะเยือกของฝ่ายตรงข้ามดึงลงพื้น
ชี่เฉียวลงมาที่พื้นใช้มือข้างหนึ่งค้ำพื้นไว้ดวงตาข้างหนึ่งหรี่แคบ ไม่รู้ว่าเท้าข้างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาเมื่อไหร่และเตะเข้าที่หน้าของเขา นี่คือซาฟงฉวยโอกาสในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ชี่เฉียวกลิ้งหลบอย่างรวดเร็วหลบหลีกแรงเตะที่หนักหน่วงนี้เขาใช้แขนกระแทกพื้นทำให้ร่างสะท้อนขึ้นและคอยปรับตำแหน่งดิ้นรนเพื่อสู้กับโซ่ยะเยือกอีกครั้ง
แต่เขาไม่มีเวลาทำเช่นนั้นเงาดำร่างหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ภาพเงาตามหลังปรากฏอยู่ในสายตาของชี่เฉียว
เงาร่างนั้นใช้ศอกโจมตีที่ท้องน้อยชี่เฉียวพลังโจมตีหนักหน่วง จนชี่เฉียวเจ็บปวดแทบขาดใจและอยากกระอักโลหิตในขณะนั้น
ชี่เฉียวมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็วเขาหมุนตัวเตะร่างเงาที่ศอกใส่ท้องน้อยเขา ความจริงเป็นซาฟงที่ไล่โจมตีติดๆ... ซาฟงใช้แขนป้องกันหมัดและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขาเพียงแต่ถอยออกไปชั่วคราวเท่านั้น กลับเป็นชี่เฉียวที่ใช้ศอกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงเหมือนอุกกาบาตกระแทกหินยุบลึกลงไปในหิน หากมิใช่ถูกจำกัดพลังที่สร้างขึ้นมาโดยวัตถุโบราณที่มีพลังสูงสุด ชี่เฉียวจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยหินธรรมดาไม่น่าจะทำร้ายร่างของชี่เฉียวได้ แต่ตอนนี้หินในดินแดนลับเทพสังหาร มีความแข็งคล้ายกับโลหะลับเทพสังหารชี่เฉียวทุบพื้นด้วยมือทั้งสองแล้วกระโดดขึ้น
เขาหลบหลีกฝ่ามือกดประทับของจ้าวซีและต่อยอีกสิบหมัดไม่ยอมให้ฝ่ามือเข้าใกล้ตัว
ซวงหานหัวเราะเยาะเย้ยและใช้เจตจำนงดึงโซ่ยะเยือก ร่างชี่เฉียวถูกตรึงอย่างควบคุมมิได้และซวงหานถือโอกาสยิงปืนน้ำแข็งพลังปืนดรรชนีน้ำแข็งยิงถากหน้าผากชี่เฉียว
“ไปให้พ้น”
ชี่เฉียวรีบเบนศีรษะหลบปืนน้ำแข็งจากนิ้ว เขาไม่สนใจแผลที่หน้าผากและกระแทกหมัดใส่จมูกของซวงหาน ซวงหานที่อยู่ในกลางอากาศต้องรีบถอยและไม่ลืมลากโซ่กลับไปด้วยในท้องฟ้าหมัดคู่ของซาฟงอัดกระแทกเข้าที่เสื้อชั้นนอกของชี่เฉียวชี่เฉียวพลิกตัวเตะซาฟงกระเด็นออกไปร้อยเมตร แต่ไม่ทันจะรวบรวมกำลังอึดใหม่เขาพบว่าจ้าวซียืนอยู่ในอากาศ
ฝ่ามือทั้งคู่ราวกับว่าผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานนับพันปี
แม้ว่าจะมีพลังเหนี่ยวนำ แต่ชี่เฉียวไม่มีทางทำอะไรได้เหมือนกับว่าเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้วเมื่อหลายพันปีก่อนฝ่ามือประทับที่หน้าอกของชี่เฉียวอย่างเงียบงัน
ขณะที่เย่ว์หยางมองดูการต่อสู้อยู่พักหนึ่งเขาพบว่าเทพอุดรจ้าวซีน่ากลัวมาก
ไม่ว่าเรื่องพลังหรือเวลา
น่ากลัวจนขนลุก
ในศัตรูที่แข็งแกร่งนี้จ้าวซีมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดไว้สิบเท่า
ครืนน ครืนนบึ้ม... ชี่เฉียวกระเด็นออกไปหลายพันเมตรชนกับพื้นกระแทกหินสามก้อนใหญ่จมลึกลงไปจากผิวหลายร้อยเมตร นี่คือผลลัพธ์ของการเปลี่ยนเส้นทางบินโดยเจตนาเพื่อปกป้องตนเองหากเขาไม่ทำอะไรเลยเขาจะถูกตบโดยตรงจมลงไปในพื้นเพียงสามร้อยเมตรและตกเข้าไปอยู่ในหลุมพรางของซาฟงทำให้อยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างที่สุด
ทุกคนรู้ดีว่าหนึ่งในแปดเทพที่จัดการศัตรูที่อยู่ใต้ดินได้ดีที่สุดก็คือซาฟง
เคล็ดลับของซาฟงนั้นก็คือความได้เปรียบเมื่อใต้ดิน
ควั่บ
ชี่เฉียวแค่มีเวลาพอจะรับร่างด้วยมือข้างหนึ่งและพบว่าซาฟงปรากฏตัวที่หน้าเขา ใช้หมัดโจมตีอย่างหนักหน่วง ดูเหมือนว่าจากการมองของเย่ว์หยางชี่เฉียวไถลตัวอยู่บนพื้นเลื่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งปล่อยให้ซาฟงระดมโจมตี
บึ้ม!
ชี่เฉียวร่างกลิ้งตกไปบนภูเขาหินและความแข็งบนเขาหินนั้นเหมือนกับโลหะลับเทพสังหาร
“แค่ก แค่ก..” ชี่เฉียวถูกซวงหาน ซาฟง จ้าวซีสามเทพรุมทำร้ายในที่สุดได้รับบาดเจ็บกระอักโลหิต
เขากระอักโลหิตมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขาเคลื่อนไหวลำบากที่สุดคือข้อเท้าขวาถูกโซ่น้ำแข็งล่าม
ปลายอีกด้านหนึ่งของโซ่น้ำแข็งก็คือเทพพายัพซวงหาน ตราบใดที่เทพพายัพไม่ปลดพันธนาการอย่างนั้นความเคลื่อนไหวของชี่เฉียวจะถูกรบกวน
ผลการต่อสู้ของชี่เฉียวในศึกนี้จะเป็นเช่นไร?
ไม่ต้องพูดถึงคนชมดูด้านนอกอย่างเย่ว์หยางที่ผ่านการต่อสู้มายาวนานเมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างนี้เขาเองก็ปวดหัวเหมือนกัน