ตอนที่ 960 สิ่งหนึ่งมันก็ย่อมพิชิตสิ่งหนึ่ง(1)
หลินฟาน อยากให้ หนิง เสี่ยวเยว่ อยู่ที่นี่ต่อไป?
เขาไม่ได้มาพา หนิง เสี่ยวเยว่ ออกไปหรอกเหรอ? เธอได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว.. นี่เขาเองก็ได้พบ หนิง เสี่ยวเยว่ แล้ว และเขาก็สามารถพา หนิง เสี่ยวเยว่ ออกไปได้…. แต่แล้วทำไม!?
“หลินฟาน นี่คุณกำลังหมายความว่ายังไง?” หลิว อีน่า ได้มองไปที่ หลินฟาน อย่าง.. ไม่เข้าใจ แต่เดิมเธอพร้อมที่จะปล่อย หนิง เสี่ยวเยว่ ไป และเตรียมใจที่จะถูกพ่อของเธอเอง ..ตําหนิแล้ว แต่แล้วเธอกลับไม่คิดว่า หลินฟาน กลับบอกว่าเขาจะไม่พา หนิง เสี่ยวเยว่ กลับไป!
หลินฟาน ได้ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “ครั้งนี้ ไม่ได้ดูง่ายขนาดนั้น เสี่ยวเยว่ คุณเชื่อใจผมหรือเปล่า?”
หนิง เสี่ยวเยว่ ได้พยักหน้าอย่างหนัก : “ฉันเชื่อว่า ..ในโลกนี้ ถ้ามีคนคนหนึ่งที่ฉันสามารถไว้วางใจได้ ก็คงต้องเป็นคุณ พี่หลินฟาน”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ก็ดีแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง แต่มัน.. ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้คุณอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เหตุผลที่ผมมาพบคุณก่อนก็คือผมรู้ว่าคุณกำลังเป็นกังวล และก็รู้ด้วยว่าคุณก็ต้องกําลังรอผมอยู่ ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้เข้ามาพบคุณก่อน เพื่อให้คุณได้สบายใจ”
หนิง เสี่ยวเยว่ กล่าวว่า : “พี่หลินฟาน มัน.. เป็นเพราะอะไรกันแน่ บอกให้ฉันรู้ได้ไหม?”
หลินฟาน กล่าวไปว่า : “ตอนนี้มันยังอธิบายได้ยาก เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะค่อยๆ บอกคุณ ผมมาที่นี่ แค่หวังว่าคุณจะไม่เป็นกังวลอีกต่อไปแล้ว และอีกอย่างผมก็อยู่ที่นี่แล้ว”
หนิง เสี่ยวเยว่ รู้สึกประหลาดใจมาก : “พี่หลินฟาน นี่คุณพักอยู่ที่โรงแรมนี้เหรอ?”
หลินฟาน ยิ้ม และกล่าวว่า : “ใช่ ด้วยความช่วยเหลือจาก คุณหนูหลิว.. แต่เดิมพ่อของเธอได้ห้ามผมไม่ให้เข้าพักในโรงแรมนี้”
หนิง เสี่ยวเยว่ ได้รู้สึกแปลกใจมาก แล้วเธอก็ได้พูดว่า : “พ่อของพี่สาวอีน่า เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “หลิว จินเวย ได้อาศัยอยู่ในหางโจว และเขาก็สมควรมีความสามารถนี้ ทั้งนี้น่าจะเป็นทั้งวงการธุรกิจของหางโจว ที่ไม่มีใครกล้าไม่ไว้หน้าเขา คนที่สามารถกดดัน หลิว จินเวย ได้ ก็คงมีแค่ครอบครัวเดียวเท่านั้น”
นั่นก็คือ ตระกูลเว่ย ในเจียงหนาน, ถ้าจะบอกว่าใครสามารถอาละวาดในเมืองหางโจวได้จริงๆ ล่ะก็.. มันคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ตระกูลเว่ย
และแม้แต่ หลิว จินเวย ก็ต้องไว้หน้า เว่ย เทียนเฉิง..
หลินฟาน ในตอนนี้เขาได้มีความคิดอยู่แล้ว ..ว่าจะจัดการกับ หลิว จินเวย คนนี้อย่างไร.. สิ่งหนึ่งมันก็ย่อมพิชิตสิ่งหนึ่ง ของอย่างหนึ่งมันก็ต้องมีของอีกอย่างหนึ่งที่พิชิตมันลงได้..(1) หลิว จินเวย ไม่ได้เห็น หลินฟาน อยู่ในสายตา.. แต่แล้ว เขามันจะกล้าไหมที่จะไม่เห็น ตระกูลเว่ย อยู่ในสายตาของเขา?
หลินฟาน ในตอนนี้เขาต้องการก่อกวนสถานการณ์ ถ้าในที่สุดเขาสามารถทําให้ หลิว จินเวย และตระกูลเว่ย กลายมาเป็นศัตรูกันได้ เมื่อนั้นในท้ายที่สุด.. เขาก็จะกลายมาเป็นผู้ชนะเกมนี้..
หลินฟาน ที่ได้รีบมาพบ หนิง เสี่ยวเยว่ นั้น เขาเองก็แค่มาเพื่อปลอบใจ หนิง เสี่ยวเยว่ เขารู้ว่าตอนนี้เธอต้องกำลังกระสับกระส่าย และเขาก็กลัวว่าเธอจะเป็นกังวลจนกินข้าวไม่ได้
หนิง เสี่ยวเยว่ ถึงกับกินข้าวไม่ได้จริงๆ ในก่อนหน้านี้ เธอแทบจะกลุ้มใจตาย แม้ว่าเธอจะเชื่อว่า หลินฟาน จะมาช่วยเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่า หลินฟาน เขาจะมาเมื่อไหร่ ..เธอจึงกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ
มาตอนนี้ หลินฟาน ได้มาแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบาย ..ต่อไป
นั่นก็เพราะว่าเธอ ไม่เข้าใจว่าทำไม ..พี่หลินฟาน ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ และเขาได้ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป แต่เธอก็เชื่อว่า การที่ พี่หลินฟาน ทำเช่นนี้นั้น เขาเองก็ต้องมีเหตุผลของเขา และพี่หลินฟาน จะไม่คิดทำร้ายเธออย่างแน่นอน เรื่องนี้เธอรู้ดี แต่การที่เขาเลือกทำแบบนี้ เขาคงได้คิดวิธีการ สำหรับใช้จัดการกับเรื่องนี้ ..ที่ดีที่สุดได้แล้ว
อาจกล่าวได้ว่า ..ในสายตาของ หนิง เสี่ยวเยว่ หลินฟาน ก็เป็นเหมือนกับพระเจ้า เธอเองบูชา หลินฟาน และเชื่อฟัง หลินฟาน มาโดยตลอด..
“พี่หลินฟาน ฉันสัญญาว่าฉันจะอยู่ที่นี่ต่อไป และฉันจะไม่เป็นกังวลอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้ว่า พี่ชายหลินฟาน อยู่ข้างๆ ฉันเสมอ และตอนนี้ฉันก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว” หนิง เสี่ยวเยว่ ได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ หลินฟาน ด้วยยิ้ม
หลินฟาน ได้เอามือลูบที่ปลายจมูกของเธอ การกระทำของเขามันเหมือนกับการหยอกล้อลูกแมวน้อย เขาเองได้ยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “แค่นี่ก็ดีแล้ว.. เวลานี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกคุณพักผ่อนเถอะ ในวันพรุ่งนี้จะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของ หลิว จินเวย แล้ว ถ้าเขาอยากให้คุณไปแสดงในงาน คุณก็แค่ให้ความร่วมมือกับเขาไป”
หลินฟาน ได้กำชับอีกหลายเรื่อง…
หนิง เสี่ยวเยว่ ได้พยักหน้า : “ฉันเข้าใจแล้ว พี่หลินฟาน ฉันจะทําตามที่คุณบอก”
หลิว อีน่า ที่ได้ดูฉากเหล่านี้อยู่ข้างๆ เธอก็ได้เริ่มอิจฉาเล็กน้อยแล้ว หนิง เสี่ยวเยว่ เธอโชคดีมากจริงๆ ที่เธอได้มีคนที่อยู่เบื้องหลังเธอ อย่าง.. หลินฟาน
จะเห็นได้ว่า หนิง เสี่ยวเยว่ ได้ชื่นชม หลินฟาน มาก ในสายตาของ หนิง เสี่ยวเยว่ หลินฟาน อาจกล่าวได้ว่าเป็นไอดอลของเธอ บางทีตําแหน่งของ หลินฟาน ในใจของ หนิง เสี่ยวเยว่ ก็เหมือนกับ หัว อี้อู่ ในใจของเธอ…
ไม่.. หากพูดให้ถูกต้องก็คือ สถานะของ หัว อี้อู่ ในใจของเธอก่อนหน้านี้ ถึงจะถูก!
ตอนนี้ เธอได้รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของ หัว อี้อู่ แล้ว หัว อี้อู่ ไม่มีสถานะในใจของเธออีกต่อไปแล้ว เขามันเป็นคนเลว และเธอก็รู้สึกว่าเขา มันน่ารําคาญมากเสียด้วยซ้ำไป!
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยิ่งรู้สึกอิจฉา หนิง เสี่ยวเยว่ มากขึ้นเรื่อยๆ ไอดอลของ หนิง เสี่ยวเยว่ ก็คือ หลินฟาน หลินฟาน คนนี้ ก็คงไม่ต้องไปกังวลวเรื่อง ‘บ้านถล่ม’ นั่นก็เพราะ หลินฟาน เขาไม่ใช่ดาราเสียหน่อย มาในตอนนี้ เธอก็ได้มอง หลินฟาน เปลี่ยนไปเยอะมาก มากกว่าแต่ก่อน…
หลิว อีน่า ได้พูดว่า : “หลินฟาน ก่อนหน้านี้คุณบอกฉันว่า เป็นเพราะฉัน ที่ทำให้พ่อของฉันพา น้องสาวเสี่ยวเยว่ มาที่นี่ มาตอนนี้คุณกลับไม่คิดพา น้องสาวเสี่ยวเยว่ ไป นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ไม่ทำไมหรอก เพราะอีกไม่นานเดี๋ยวคุณก็จะได้รู้แล้ว”
หลินฟาน ได้พูดกำชับ หนิง เสี่ยวเยว่ อีกสองสามเรื่อง และก็ได้ออกจากห้องของ หนิง เสี่ยวเยว่ ไป เขาไม่ได้ต้องการพา หนิง เสี่ยวเยว่ ออกไปในเวลานี้ เพราะถ้าเขาได้พา หนิง เสี่ยวเยว่ ออกไปตอนนี้จริงๆ เขาเองก็ไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ได้.. รวมถึงแผนการที่เขาได้วางมันเอาไว้
พอถึงเวลานั้น.. เขาก็จะสอนบทเรียนให้กับ หลิว จินเวย
และถ้าเขาเกิดพา หนิง เสี่ยวเยว่ ออกไปแบบนี้ เรื่องนี้มันก็ถือได้ว่าไม่ประสบความสําเร็จ ทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันก็จะไม่จบลง?
“พี่หลินฟาน จริงสิ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกคุณหน่อยนะ…”
หลินฟาน เกือบจะเดินถึงหน้าประตูอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้น หนิง เสี่ยวเยว่ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และได้ร้องเรียก หลินฟาน ให้หยุด
หลินฟาน เองได้ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นไปว่า : “เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
หนิง เสี่ยวเยว่ ได้มองไปที่ หลิว อีน่า และไม่แน่ใจว่าจะพูดต่อหน้า หลิว อีน่า ดีหรือไม่
หลินฟาน ก็ได้พูดกับ หลิว อีน่า ไปว่า : “คุณหนูหลิว คุณออกไปก่อนเถอะ มีบางเรื่องที่ผมอยากพูดคุยกับ เสี่ยวเยว่ เป็นการส่วนตัว”
หลิว อีน่า ได้กัดริมฝีปากของเธอ เธอเองอิจฉาความสัมพันธ์ระหว่าง หนิง เสี่ยวเยว่ กับหลินฟาน เธอเองก็อยากมีความสัมพันธ์แบบนี้เหมือนกันนะ แต่แล้วเธอก็ได้มองไปที่ใบหน้าของ หลินฟาน
แต่มันก็จะว่าไปแล้ว จริงๆ แล้วพวกเราทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในสถานะที่เป็นศัตรูกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทําไม ถึงได้ออกตัวช่วย หลินฟาน หลินฟาน คนนี้ เขาก็เก่งมากจริงๆ และโดยไม่รู้ตัว เขาได้ทําให้เธอช่วยเหลือเขาได้ถึงขนาดนี้…
ตอนแรกก็ช่วยเขาเปิดห้องพักในโรงแรม พอได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เธอก็ยังช่วยทําให้เขาได้พบกับ หนิง เสี่ยวเยว่..
เธอในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า หลินฟาน มีความคิดอะไร หรือเขาอาจจะมุ่งเป้ามาที่ครอบครัวหลิว ของเธอ?
หลิว อีน่า ได้ถอนหายใจออกมา การกลับบ้านในครั้งนี้ ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พ่อเองอาจจะตําหนิเธอมากเป็นแน่…
“ได้ ฉันจะออกไปก่อน หลินฟาน คุณคิดอยากจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? ฉันกลัวว่าพ่อของฉันจะรู้ว่าคุณได้มาที่นี่ในไม่ช้า” หลิว อีน่า ได้กล่าวเตือน และได้เดินออกจากห้องไปในทันที
หลินฟาน ได้ถามไปว่า : “เสี่ยวเยว่ คุณมีเรื่องอะไรจะบอกผม หรือเรื่องที่ผมปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไปใช่ไหม? มันเลยทำให้คุณไม่สบายใจ..”
หนิง เสี่ยวเยว่ ได้พูดออกไปอย่างรวดเร็วว่า : “ไม่ใช่ ฉันเชื่อฟัง พี่ชายหลินฟาน อย่างเต็มที่ แต่เรื่องที่ฉันจะพูดถึง.. เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่เป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง”
หลินฟาน กล่าวไปว่า : “เด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง?”
หนิง เสี่ยวเยว่ กล่าวว่า : “คืออย่างนี้ เมื่อเช้าวันนี้ ระหว่างทางที่ฉันกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง ฉันได้ผ่านสะพานหยุนเจียง และก็ได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกําลังจะกระโดดสะพาน เลยได้เข้าไปชักชวนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ และเข้าช่วยเหลือเธอ แต่จากสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้พูดออกมา เธอเองก็ได้ผ่านพบประสบกับสิ่งที่น่ากลัวมาก ตอนแรกฉันตั้งใจจะพาเธอไปหาคุณ เพราะฉันรู้ว่าในโลกนี้ถ้ามีใครที่สามารถช่วยเธอได้ ก็คงต้องเป็นคุณ พี่ชายหลินฟาน.. แต่มันก็น่าเสียดายที่ฉันยังทําตามสิ่งที่ฉันคิดไม่สำเร็จ กลับถูกบังคับพาตัวมาก่อนแล้ว มาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเองก็กังวลเรื่องนี้มาทั้งวันแล้ว ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะตัวฉันเอง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเป็นห่วง และเป็นกังวลเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย..”
หลินพาน ได้ร้องโอ้ ออกมา มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย?
กริ๊ง กริ้งๆ...
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของ หลินฟาน ก็ได้ดังขึ้น และเป็น เว่ย เยว่เอ๋อร์ ที่ได้โทรเข้ามา
หลินฟาน จึงได้คิดไปว่าที่บริษัทมีเรื่องเร่งด่วนอะไร จึงได้กดรับสายไป
เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “มีเรื่องจําเป็นต้องรายงานให้คุณฟัง เมื่อเย็นนี้ที่บริษัท มีพ่อ และลูกสาวคู่หนึ่ง ได้บอกว่าต้องการจะขอเข้าพบคุณ…”
(1)[สิ่งหนึ่งมันก็ย่อมพิชิตสิ่งหนึ่ง (一物降一物)] - เป็นคำเปรียบเปรยของการกำเนิดร่วมกัน และพันธนาการสรรพสิ่งในจักรวาลชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ หากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีอยู่ ก็จะต้องมีอีกสิ่งหนึ่งสิ่ง ..ที่จะปราบมันลง
อย่างคำกล่าวที่ว่า : ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลเกิดขึ้นด้วยกัน และไม่มีที่สิ้นสุด, ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลล้วนก่อเกิด และยับยั้งซึ่งกัน และกัน ไม่มีที่สิ้นสุด ‘宇宙万物相生相克,生生不息。’