ตอนที่ 1164 กงล้อระบำสวรรค์หมุนอย่างรวดเร็ว
ขุนเขาเหนือขุนเขาเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีแปดเทพเป็นใหญ่
เทพแต่ละตนมีเกียรติ มีพลังอำนาจสามารถทำลายโลกและสวรรค์ได้เพียงแค่ยกมือข้างเดียว
แต่เทพผู้ทรงอำนาจนั้นไม่ว่าจะเป็นตนใดก็ตามเมื่ออยู่ในช่วงเวลาสงบสุขจะไม่เผชิญหน้ากับทหารธรรมดา เนื่องจากทหารธรรมดาสำหรับเทพแล้วไม่ต่างอะไรกับมดแมลงไม่ว่าจะมีมากมายเท่าใดก็ตามก็ไม่มีความหมายในขณะที่พวกเขายังเป็นเทพพวกเขาเกรงว่าการมองมดแมลงที่ไร้ความหมายนั้นจะทำให้เสียเวลาอันมีค่าของพวกเขา
อย่างไรก็ตามในวันนี้
เทพผู้ยิ่งใหญ่จับตามองดูความสำเร็จในชัยชนะของขุนพลจ้งซือ
เขาเป็นหนึ่งในแปดเทพจัดอยู่ในอันดับห้าอันดับแรกเทพหรดีซาฟงพลังเป็นรองเพียงซื่อเสินและเฮยโจ้ว
ทำไมจ้งซือถึงได้กระตุ้นความสนใจเทพหรดีซาฟงได้? เหตุผลนั้นต้องว่ากันในช่วงสองวันที่ผ่านมา... ในเวลานั้นขุนพลจ้งซือได้ชัยชนะตลอดเส้นทาง เขาเผชิญกับค่ายทหารตะวันตกในหุบเขาหินบินมีการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ขุนพลจ้งซือนี้เป็นที่เกลียดชังของทหารค่ายตะวันตก และทหารค่ายตะวันตกที่เข้าโจมตีนั้นก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเฉินเป้า
แม่ทัพเฉินเป้าเป็นหนึ่งใน 19 ลูกนอกสมรสของเทพหรดีซาฟงมีพลังแข็งแกร่งมาก
เมื่อเขารู้ว่ากองทัพอากาศที่เป็นบริวารของเขาถูกทหารของแม่ทัพจ้งซือล้อม
เขารีบนำทหารฝีมือดีไปช่วยเหลือทันที
ความตั้งใจของเขาก็คือทำลายกองทหารของจ้งซือ
ทันทีที่คนผู้นี้มาถึงเป็นไปไม่ได้ที่เย่ว์หยางจะทำให้เป็นเหตุบังเอิญต่อไป เขาต้องฉวยโอกาสก่อนจ้งซือต่อสู้กับเฉินเป้าที่กำลังจะเข้ามาตอนแรกเขาแสดงทักษะพลังที่ยิ่งใหญ่อวดแม่ทัพเฉินเป้า จากนั้นเตรียมการเงียบๆเผยแพร่กระจายขข่าวความยอดเยี่ยมของศัตรูให้จ้งซือโดยไม่ตั้งใจเพื่อให้พวกเขาเตรียมตัว
แม่ทัพเฉินเป้าที่น่าสงสารมีพลังแข็งแกร่งเหนือจ้งซือพ่ายเย่ว์หยางในท่าเดียวไม่ถึงหนึ่งวินาที
เนื่องจากหัวหน้าฝีมือดีถูกฆ่าตายขวัญกำลังใจของบริวารจึงสูญเสียไปด้วย
แม้ว่าตั้งใจจะแก้แค้น แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับจ้งซือและฆ่าให้ตายด้วยความโกรธ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเย่ว์หยางคอยแอบช่วยเหลือ? ในที่สุดพวกเขาต้องรับผลที่ตามมาคือล้มเหลวพ่ายแพ้อย่างอนาถและถูกกำจัดออกไป... ถ้าเป็นเพียงกองกำลังไม่กี่กองทัพที่ถูกทำลายไปเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้นำระดับสูงอย่างเทพหรดีซาฟงได้ท่าเดียวเอาชนะเฉินเป้าลูกนอกสมรสของเทพหรดีซาฟง! แม้ว่าซาฟงจะมีลูกนอกสมรสจำนวนมากและไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดแต่พฤติกรรมเย่ว์หยางครั้งนี้ถือเป็นการตบหน้าเทพหรดีซาฟง
ถ้าเย่ว์หยางรู้ว่าแม่ทัพเฉินเป้าเป็นลูกชายของซาฟงเขาคงไม่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามในท่าเดียวแน่
ตอนนี้เขากระตุ้นความเกลียดชังของชนชั้นระดับเทพความได้เปรียบทั้งหมดสูญไปทันที
เย่ว์หยางยังคงต้องการรอให้แปดเทพสู้รบกันเองและเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บทุพลภาพ จากนั้นเขาค่อยโดดออกมาแสดงความเป็นกลางอีกครั้ง...ตอนนี้กลับเข้ามาต่อสู้กับเทพแต่แรก เป็นแผนที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
ปัญหาก็คือแผนนี้ไม่สามารถติดตามและเปลี่ยนแปลงได้
แม่ทัพเฉินเป้าปรากฏตัวเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝันเกินกว่าแผนการณ์ที่วางไว้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกที่สอง ที่สำคัญเขาไม่มีข้อมูลดีๆ ให้อ่านแม่ทัพเฉินเป้าตายไปนานกว่าสองวันเขาไม่ทราบว่าเป็นบุตรของเทพซาฟงและเขาไม่มีเวลาแก้ไขแผนของเขาเมื่อเขารู้สึกตัวว่าเทพหรดีซาฟงปรากฏตัวในท้องฟ้า ทุกอย่างก็สายเกินไป!
ท้องฟ้าทั้งหมดเต็มไปแสงเทพทำให้ท้องฟ้าสลัวหม่น
ตรงกลางเป็นสุดยอดนักสู้ที่แข็งแกร่งเทียบได้กับดวงสุริยาไม่สามารถจะมองโดยตรงได้ เขาคือเทพหรดีซาฟงระดับเจ้านายใหญ่แห่งขุนเขาเหนือขุนเขา
เมื่อซาฟงปรากฏตัว พลังเทพของเขาบดขยี้ใส่ทุกคนแม้แต่ทหารของจ้งซือที่รบชนะสิบครั้งขวัญกำลังใจกระเจิงไม่สามารถปลุกปลอบขวัญเพื่อต่อต้านได้ ไม่ต้องพูดถึงทหารธรรมดาแม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งอย่างจ้งซือสูดหายใจลึก เขาออกมารบเพื่อดับสูญแท้ๆ เทพกำลังจะมาถึงแม้ว่าเขาจะมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับกำลังขวัญเพื่อต่อสู้กับเทพได้นอกจากนี้ ขัดขืนต่อต้านไปก็ไม่มีความหมาย
ขุนเขาเหนือขุนเขาไม่มีทางที่นักรบธรรมดาจะสามารถต้านทานนักรบระดับเทพได้ พลังยังห่างกันเกิยไป
เทียบกับเทพแล้ว
โดยทั่วไปพลังระดับเทวทูต เหมือนมดมีพลังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นไม่ต่างอะไรกับมดที่ต่อต้านพญาช้างสาร?
“ตราบใดที่เจ้ารับการโจมตีข้าได้หนึ่งท่าเราผู้เป็นเทพจะอภัยให้เจ้า!” เทพหรดีซาฟงมาถึง เขาไม่อธิบายเหตุผล อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลยแม้แต่ขุนพลจ้งซือที่รู้เรื่องข้อมูลขุนเขาเหนือขุนเขาก็ไม่ทราบความจริง ไม่มีใครตำหนิเรื่องนี้ได้ แต่ต้องโทษว่าการต่อสู้ของเฉินเป้าจบเร็วเกินไป ถ้ามีการตะโกนบอกว่าผู้มาเป็นผู้มีชื่อเสียงรู้จักกันก็จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการต่อสู้ของเฉินเป้าทราบความไปถึงเทพหรดีซาฟงและกระตุ้นความสงสัยของเขา เขาต้องการตรวจสอบสถานะการต่อสู้ของบุตรตนเองเขาไม่รู้ว่าทำไมการต่อสู้ของเฉินเป้าถึงได้จบลงอย่างรวดเร็วไม่กี่วินาที มันเร็วเกินไป
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญ
เป็นความประสงค์ของเทพ?
เย่ว์หยางไม่คิดเช่นนั้น
นี่ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์อาจควบคุมได้...เย่ว์หยางกำลังคิดว่าจะแกล้งตายและหลีกเลี่ยงสงครามหรือจะแอบกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์โดยไม่ห่วงอะไรแล้วค่อยออกมาหลังจากซาฟงไปแล้ว การต่อสู้กับซาฟงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าเทพทั้งเจ็ด แต่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นจีอู๋ลี่จะตกใจกลัว หากจีอู๋ลี่รู้ว่าเขามาที่ขุนเขาเหนือขุนด้วย เขาจะแสดงความระมัดระวังออกมาด้วยหรือไม่?
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ทำให้การฆ่าเขาเป็นเรื่องยาก
ขณะที่ลังเลในท้องฟ้ามีแสงเทพอีกดวงหนึ่งส่องสว่างครึ่งท้องฟ้า
เช่นเดียวกับมังกรไฟแสงเทพอยู่อีกท้องฟ้าด้านหนึ่งพุ่งผ่านความว่างเปล่าและในพริบตาก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าซาฟงเทพหรดีทันที
“ชี่เฉียว!”
เทพหรดีซาฟงแค่นเสียงเย็นชาด้วยความโมโห “แส่ธุระของคนอื่นเจ้าเป็นเทพคิดว่าจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของผู้อื่นจริงหรือ? เจ้าคิดว่าข้าไม่มีคุณสมบัติลงอาชญากับเจ้าพวกมดแมลงเหล่านี้หรือ?”
ที่อยู่ตรงข้ามกับซาฟงเป็นบุรุษมีร่างเปล่งไฟเทพแปลกประหลาดลุกไหม้คลุมร่างเขาตลอดเวลาขณะเดียวกันอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญรัศมีเป็นหมื่นลี้ ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึงนี้เป็นเทพผู้สนับสนุนเทพซื่อเสินของค่ายตะวันออก เทพอาคเนย์ชี่เฉียว แห่งขุนเขาเหนือขุนเขา! เทพชี่เฉียวผู้นี้ยังเป็นเจ้านายของจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองและผู้เฒ่าเหมาที่เย่ว์หยางรู้จัก
แม้ว่าเทพทั้งแปดจะมีข้อตกลงสันติภาพ แต่ชี่เฉียวกับซาฟงเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมานานแล้ว
ความเป็นปฏิปักษ์นั้นไม่ได้คลี่คลายมาหมื่นปีแล้ว
มีแต่จะฝังลึกลงไปมากกว่าเดิม
เกี่ยวกับคำถามของซาฟง ชี่เฉียวหัวเราะ เสียงของเขาดังสะเทือนไปทั้งโลก “เรื่องปรักปรำเป็นเรื่องถนัดของเจ้าเจ้าวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ซาฟงเทพผู้สูงส่ง แต่ไปลงมือกับกลุ่มทหารที่อ่อนแอกว่า แม้ว่าเจ้าไม่อาย แต่ข้ารู้สึกอายแทน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ข้ารู้แต่เพียงว่าข้าคือเทพเป็นผู้สูงส่งมีศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมให้ใครท้าทายได้ใครก็ตามที่แตะต้องบรรทัดฐานของข้า มันจะต้องถูกสายฟ้าแห่งความโกรธของข้าลงโทษ”เทพหรดีซาฟงชี้หน้าชี่เฉียวด้วยความโกรธ “ต่อให้เป็นเจ้า ชี่เฉียวก็ไม่มีข้อยกเว้น ชี่เฉียว! ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าต้องการปกป้องทหารของอาณาจักรเทพอีสานชิงหวินหรือไม่? ข้าไม่รู้เลยจริงๆว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับเทพอีสานชิงหวินนั้นดีมากจริงๆ! ชิงหวินขี้ขลาดประกาศเป็นกลางดูเหมือนว่าไม่ใช่รักสันติภาพที่แท้จริง แต่เป็นแผนเจ้าเล่ห์ไม่ใช่หรือ?”
“แตกต่างจากเจ้าขี้ขลาดชิงหวินข้าชี่เฉียวไม่เคยกลัวการต่อสู้!” ชี่เฉียวตอบอย่างภาคภูมิใจ “อย่าว่าแต่เป็นเจ้าซาฟงเลยต่อให้เป็นเฮยโจ้วก็ไม่มีทางทำให้ข้าถอยครึ่งทางได้!”
“ดีแล้ว งั้นเจ้ากับข้าก็เริ่มรบกัน เราจะสู้กันล่วงหน้าก่อนเวลา เสียงของซาฟงน่ากลัวสยดสยองและดวงตาของเขาพร้อมจะสังหารได้อย่างไม่หยุดหย่อน
“สู้ศึกหรือ? ใครกลัวกันเล่า!” ชี่เฉียวไม่กลัว
เทพทั้งสองกำลังจะทำสงคราม จ้งซือรีบพาคนของเขาหนี
ประตูเมืองติดไฟ หายนะเริ่มรุกลาม... เทพทั้งสองทำศึกกันนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทันทีที่พวกเขาจู่โจมกัน คาดว่าพื้นที่ในระยะพันลี้จะพังพินาศใช้ไม่ได้ยกเว้นเย่ว์หยางที่ซ่อนตัวและมองดูเงียบๆ ทหารทุกคนวิ่งสุดฝีเท้าบางคนนึกเสียใจที่พ่อแม่ให้เท้ามาแค่สองข้าง
การล่าถอยของขุนพลจ้งซือภาคพื้นดินเทพอาคเนย์และเทพหรดีไม่ใส่ใจมากนัก
ประการแรกเขาต้องการทำลายกองทัพนี้ให้ราบคาบไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปสุดโลกหล้าทุกที่ทุกเวลา ผลที่ออกมาก็คือเหมือนกัน ประการที่สองเป้าหมายหลักที่เขาต้องการจัดการคือเทพชี่เฉียวซึ่งไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้
ซาฟงและชี่เฉียวเผชิญหน้ากัน
ต่างมองหาจุดอ่อนของกันและกัน
ไม่มีใครต้องการพ่ายแพ้ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขาเข้าใจกันและกัน
เทพผู้แข็งแกร่งทั้งสองสู้รบกันเพื่อตัดสินแพ้ชนะย่อมต้องค้นหาข้อบกพร่องที่สำคัญของฝ่ายตรงข้าม มิฉะนั้นผลที่ปรากฏออกมาย่อมแน่นอน
“อะไรกันนี่? ดูเหมือนว่ามีเรื่องสนุกสนานเกิดขึ้นที่นี่ พวกเจ้ากำลังจะสู้กันใช่ไหม? ข้าชอบจริงๆ!” เสียงดังออกมาจากทุกที่ และเมื่อเย่ว์หยางได้ยินเขาพบว่ายังมีเทพอื่นอยู่ในพื้นที่ ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขายังไม่สามารถเห็นลักษณะของเทพผู้สูงส่งด้วยทักษะอำพรางของเขาดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายจากการถูกมองทะลุได้ เทพที่ไม่ได้รับเชิญซึ่งไม่เหมือนกับซาฟงและชี่เฉียวไม่รู้สึกนิ่งเฉยต่อความดำรงคงอยู่ของเย่ว์หยางพวกเขาค้นหาพื้นที่ด้วยความสงสัยและมองมาที่ซ่อนของเย่ว์หยางโชคดีที่ในท้ายที่สุดเย่ว์หยางใช้สนามพลังสร้างโลกขึ้นมาหลอก
“คนผู้นี้มีพลังร้ายกาจกว่าซาฟงและชี่เฉียว...” เย่ว์หยางปาดเหงื่อเยียบเย็น เขาไม่กล้าแหงนหน้ามองง่ายๆอีกต่อไป เนื่องจากเทพที่ไม่ได้รับเชิญอาจพบตัวเขาได้
“จ้าวซี! เป็นเจ้านั่นเอง!” เทพอาคเนย์ชี่เฉียวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย“ต้องการร่วมมือกับซาฟงรุมเล่นงานข้าหรือ? เทพจ้าวซีผู้ผยอง?”
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอ!” เทียบกับชี่เฉียวแล้ว ซาฟงมีความยินดีมากขึ้น ในที่สุดเทพอุดรจ้าวซีก็มาถึงนับเป็นความช่วยเหลือค่ายตะวันตกครั้งใหญ่ภายใต้การนำของเทพเฮยโจ้ว ถ้าไม่ได้เทพอุดรจ้าวซีช่วยค่ายตะวันออกที่มีเทพเทียนโฉวสนับสนุนเทพซื่อเสินอย่างหนักแน่นคงไม่ง่ายที่ค่ายตะวันตกจะเอาชนะได้
“พูดถึงการรุมล้อมชี่เฉียวโปรดให้ข้าซวงหานแก้ไขคำพูดของพวกเจ้าสองคนสักเล็กน้อยต้องบอกว่ามีการร่วมมือกันมากกว่าสามจึงจะเรียกได้ว่ารุมล้อมเหมือนเราตอนนี้”
เกล็ดหิมะร่วงลงพื้น พื้นดินกลายเป็นน้ำแข็ง
ขาวโพลนไปทั้งหมด
ในระยะสิบกิโลเมตรกลายเป็นโลกหิมะน้ำแข็งไปทันที
จ้งซือได้รับบาดเจ็บทหารบางคนที่ไม่มีเวลาหลบหนีจากระยะสิบกิโลเมตรพวกที่รั้งอยู่พอถูกลมยะเยือกกวาดใส่ก็กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง จ้งซือพาพวกหนีไปได้อย่างโชคดีแต่มือเท้าเริ่มแข็งสั่นไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่สหายสองคนเสี่ยงชีวิตกลับมาช่วยให้รอดบางทีเขาอาจจะตายไปแล้ว
มีแต่เทพซาฟงที่กลัวศัตรูเก่า ชี่เฉียวไม่มีอะไรต้องกลัว
รอจนเทพอุดรจ้าวซีปรากฏตัว
ชี่เฉียวเผชิญหนึ่งต่อสองสถานการณ์นับว่ามืดมนไม่ดีแล้วรอจนเทพตนที่สามซวงหานปรากฏตัว สีหน้าของชี่เฉียวเปลี่ยนไปอย่างมากตอนนี้ในใจของเขาตื่นเต้น... จะสู้ศัตรูหนึ่งต่อสาม?
มีเพียงเทพอุดรจ้าวซีคนเดียวก็หนักแรงยากพออยู่แล้วอย่าว่าแต่ซาฟงและซวงหานไม่ด้อยกว่าเขาเลยไม่ใช่หรือ?
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ดูเหมือนนี่คือกับดัก
ศัตรูคงตั้งใจโจมตีเขาพร้อมกันทั้งสาม
เย่ว์หยางมองดูอย่างมีความสุข เขานั่งบนโขดหินทันทีและดึงอาหารว่างออกมากิน เทพกำลังจะเปิดศึกต่อสู้กัน เป็นการสู้สามต่อหนึ่งจะมีการนำทักษะฝีมือพิเศษออกมาใช้อย่างรวดเร็วหรือไม่?
น่าเสียดายที่เย่ว์หยางลืมไปว่าชี่เฉียวไม่ใช่เซ็นต์เซย่าไม่สามารถป้องกันการโจมตีแบบเป็นกลุ่มได้